คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

พิจิตร กุลละวณิชย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พิจิตร กุลละวณิชย์
Remove ads

พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ (6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475) นายกสภาวิทยาลัยสันตพล[1] อดีตองคมนตรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีศักดิ์เป็นน้าของชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ข้อมูลเบื้องต้น องคมนตรี, กษัตริย์ ...
Remove ads

ประวัติ

ชีวิตส่วนตัว

พล.อ. พิจิตร เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ที่อำเภอแปดริ้ว (ปัจจุบันคือ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา) เป็นบุตรคนโตในจำนวน 7 คนของจวน กุลละวณิชย์ ที่เป็นลูกของ นายปลื้ม กุลละวณิชย์ และเป็นหลานลุงของ พล.ต.อ. พิชัย กุลละวณิชย์

การศึกษา

เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จึงสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 2

ขณะที่เรียนอยู่ปีที่ 2 นั้นมีผลการเรียนดีเด่นมาก จึงถูกส่งไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ สหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์เท่อปีที่ พ.ศ. 2501 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนทหารราบกองทัพบกสหรัฐฯ ค่ายเบนนิ่ง รัฐจอร์เจียในหลักสูตรผู้บังคับหมวด, หลักสูตรจู่โจม และหลักสูตรพลร่ม ระหว่าง พ.ศ. 2504 – พ.ศ. 2505 ศึกษาหลักสูตร ผู้บังคับกองพัน ที่ค่ายเบนนิ่ง และในปี พ.ศ. 2508 – พ.ศ. 2509 เข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก

Remove ads

การทำงาน

สรุป
มุมมอง

ราชการทหาร

หลังจบการศึกษาก็ได้เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นครูอยู่แผนกวิชาการรบพิเศษและส่งทางอากาศ โรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ จังหวัดลพบุรี ทำหน้าที่ฝึกสอนนายทหารและนายสิบในหลักสูตรจู่โจมและโดดร่มหลายรุ่น ในการสอนนักเรียนจู่โจม ระหว่างการฝึกเข้าตี แทงดาบ หรือ เลิกแถว จะกำหนดให้นักเรียนทหาร ร้องคำว่า "เอีย" เป็นสัญลักษณ์การคำรามของเสือก่อนการจู่โจม ทำให้ได้รับสมญานามว่า "เสือใหญ่" เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ของหน่วยจู่โจม มาตั้งแต่นั้น จึงทำให้ในปัจจุบัน สื่อมวลชนจึงนิยมเรียกชื่อเขาเล่น ๆ ว่า "บิ๊กเสือ"

หลังจบการศึกษาที่ค่ายเบนนิ่ง แล้วกลับมาเป็นนายทหารยุทธการและการฝึกของกองพันทางอากาศที่ 1 (ปัจจุบันคือกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์) ซึ่งเป็นกองพันส่งทางอากาศกองพันแรกของกองทัพบกซึ่งอยู่ที่ลพบุรี

หลังจบโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ก็ได้ย้ายไปรับตำแหน่งเป็นหัวหน้ายุทธการและการฝึกศูนย์สงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี จากนั้นได้เดินทางไปราชการสงครามในสงครามเวียดนาม ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองผู้บังคับการหัวหน้ายุทธการในเวียดนามใต้ (ปฏิบัติการร่วมกับ พ.ท. ชวลิต ยงใจยุทธ (ยศในขณะนั้น)) จากนั้นไปปฏิบัติราชการพิเศษในพระราชอาณาจักรลาว ตำแหน่งรองผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษเฉพาะกิจราทิกุลอยู่ 1 ปี คือระหว่าง พ.ศ. 2514 – พ.ศ. 2515 และเป็นผู้บังคับการหน่วยเดียวกันนี้จนถึงปี พ.ศ. 2517 หลังจากกลับจากราชการพิเศษ ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากองยุทธการ กรมยุทธการทหารบก

ในเหตุการณ์กบฏ 9 กันยา พล.อ. พิจิตร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ในยศ"พลโท" เป็นผู้ประสานจัดเครื่องบินให้แก่ พล.ต. มนูญ รูปขจร แกนนำก่อการกบฏ เพื่อเดินทางออกนอกประเทศ[2]

หลังเกษียณอายุราชการแล้ว ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2536[3]

ราชการพิเศษ

Remove ads

หลักสูตรทหาร

ข้อมูลเพิ่มเติม ประเทศ, เครื่อหมายแสดงความสามารถ ...

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

ต่างประเทศ

  •  สหรัฐ :
    • พ.ศ. 2511 – เหรียญบรอนซ์สตาร์ ประดับ วี
    • พ.ศ. 2511 – เหรียญเนชันดิเฟนเซอวิส
    • พ.ศ. 2511 – เมอริโทเรียส ยูนิท คอมมันเดเชิน (ทหารบก)
  •  เวียดนามใต้ :
    • พ.ศ. 2511 – แกลแลนทรี่ครอส ประดับใบปาร์ม
    • พ.ศ. 2511 – เหรียญรณรงค์เวียดนาม
  •  เกาหลีใต้ :
    • พ.ศ. 2529 – เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณสำหรับการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ชั้นที่ 2[13]
Remove ads

ชีวิตส่วนตัว

พล.อ. พิจิตร เคยสมรสกับอรุณี กุลละวณิชย์ มีบุตร 3 คน คนแรกคือ

  1. พิเชฏฐ์ กุลละวณิชย์ ซึ่งภายหลังได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่าบุตรชายคนดังกล่าวได้ตัดขาดจากตน[14] แต่พิเชฏฐ์ออกมาปฏิเสธ[15]
  2. พิชาญ กุลละวณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นตติยจุลจอมเกล้า[16]
  3. อัญชนา กุลละวณิชย์

ต่อมาสมรสกับ พ.อ.หญิง คุณหญิงวิมล กุลละวณิชย์ ไม่มีบุตรด้วยกัน

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads