คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ภาษาสันสกฤต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภาษาสันสกฤต
Remove ads

ภาษาสันสกฤต (มาจากคำว่า संस्कृत-, สํสฺกฺฤต-,[9][10] แปลงเป็นคำนาม: संस्कृतम्, สํสฺกฺฤตมฺ)[11][b] เป็นภาษาคลาสสิกในเอเชียใต้ที่อยู่ในสาขาอินโด-อารยันของตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน[12][13][14] ภาษานี้เกิดขึ้นในเอเชียใต้หลังจากที่ภาษารุ่นก่อนหน้าได้แพร่กระจายไปที่นั่นจากทางตะวันตกเฉียงเหนือในยุคสัมฤทธิ์ตอนปลาย[15][16] ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู ภาษาของปรัชญาฮินดูคลาสสิก และภาษาของวรรณกรรมศาสนาพุทธและศาสนาเชนในอดีต นอกจากนี้ยังเป็นภาษากลางภาษาหนึ่งในเอเชียใต้สมัยโบราณถึงสมัยกลาง และในช่วงการเผยแผ่วัฒนธรรมฮินดูกับพุทธไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียกลางในสมัยกลางตอนต้น ได้กลายเป็นภาษาทางศาสนาและวัฒนธรรมชั้นสูง และภาษาของผู้ทรงอำนาจทางการเมืองในบางภูมิภาค[17][18] ด้วยเหตุนี้ ภาษาสันสกฤตจึงมีอิทธิพลอย่างยาวนานต่อภาษาในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงศัพท์ทางการและวงศัพท์วิชาการของภาษาเหล่านั้น[19]

ข้อมูลเบื้องต้น ภาษาสันสกฤต, ออกเสียง ...

โดยทั่วไป สันสกฤต สื่อความหมายถึงวิธภาษาอินโด-อารยันเก่าหลายวิธภาษา[20][21] วิธภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มนี้คือภาษาพระเวทในคัมภีร์ ฤคเวท ซึ่งประกอบด้วยบทสวด 1,028 บทที่แต่งขึ้นในช่วงระหว่าง 1,500 ถึง 1,200 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยชนเผ่าอินโด-อารยันที่ย้ายถิ่นจากบริเวณที่เป็นอัฟกานิสถานในปัจจุบันไปทางตะวันออก ผ่านตอนเหนือของปากีสถาน แล้วเข้าสู่ตอนเหนือของอินเดีย[22][23] ภาษาพระเวทมีปฏิสัมพันธ์กับภาษาโบราณที่ปรากฏอยู่ก่อนแล้วในอนุทวีป โดยรับชื่อเรียกพืชและสัตว์ที่ค้นพบใหม่เข้ามาใช้ในภาษา นอกจากนี้ ภาษากลุ่มดราวิเดียนโบราณยังมีอิทธิพลต่อระบบสัทวิทยาและวากยสัมพันธ์ภาษาสันสกฤตด้วย[24] สันสกฤต ในนิยามอย่างแคบอาจหมายถึงภาษาสันสกฤตแบบแผน ซึ่งเป็นรูปแบบไวยากรณ์ที่ผ่านการขัดเกลาและปรับเป็นมาตรฐานในช่วงกลางสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับการจัดประมวลใน อัษฏาธยายี ตำราไวยากรณ์โบราณที่มีความครอบคลุมมากที่สุด[25] กาลิทาส นักเขียนบทละครผู้ยิ่งใหญ่ แต่งผลงานเป็นภาษาสันสกฤตแบบแผน และรากฐานของเลขคณิตสมัยใหม่ได้รับการอธิบายครั้งแรกเป็นภาษาสันสกฤตแบบแผน[c][26] อย่างไรก็ตาม มหากาพย์ภาษาสันสกฤตที่สำคัญอย่าง มหาภารตะ และ รามายณะ นั้นได้รับการแต่งขึ้นโดยใช้ทำเนียบภาษามุขปาฐะที่เรียกว่าภาษาสันสกฤตมหากาพย์ ซึ่งใช้กันในตอนเหนือของอินเดียระหว่าง 400 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 300 และร่วมสมัยกับภาษาสันสกฤตแบบแผน[27] ในหลายศตวรรษถัดมา ภาษาสันสกฤตได้กลายเป็นภาษาที่ผูกติดกับประเพณี ไม่ได้รับการเรียนรู้เป็นภาษาแม่ และหยุดพัฒนาในฐานะภาษาที่ยังมีชีวิตไปในที่สุด[28] ทั้งนี้ ไม่พบหลักฐานว่าภาษาสันสกฤตมีตัวอักษรเป็นของตนเอง โดยตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนคริสต์สหัสวรรษที่ 1 มีการเขียนภาษานี้โดยใช้อักษรต่าง ๆ ในตระกูลพราหมี และในสมัยใหม่ ส่วนใหญ่เขียนโดยใช้อักษรเทวนาครี[a][6][7]

สถานะ หน้าที่ และตำแหน่งของภาษาสันสกฤตในมรดกวัฒนธรรมของอินเดียได้รับการรับรองผ่านการระบุรวมอยู่ในกำหนดรายการที่แปดของรัฐธรรมนูญอินเดีย[29][30] อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีความพยายามฟื้นฟูภาษานี้[31][32] ก็ยังไม่มีผู้พูดภาษาสันสกฤตเป็นภาษาแม่ในอินเดียเลย[33][32][34][35]

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
Thumb
ต้นฉบับตัวเขียนประวัติศาสตร์ภาษาสันสกฤต: ข้อความทางศาสนา (บนสุด) และข้อความทางการแพทย์
Thumb
จารึกเทวีมหาตฺมฺยา (देवीमहत्म्या) บนใบลาน จารึกด้วยตัวอักษรภูชิโมล (Bhujimol) ของอาณาจักรพิหาร (Bihar) หรือประเทศเนปาลในปัจจุบัน จารึกในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16

ในภาษาสันสกฤต คำคุณศัพท์ สํสฺกฺฤต- (संस्कृत-) เป็นคำประสมที่ประกอบด้วย สํ ('พร้อม, ดี, สมบูรณ์แล้ว') และ สฺกฺฤต- ('ทำแล้ว, สร้างแล้ว, งาน')[36][37] หมายถึงงานที่ "เตรียมไว้อย่างดี, บริสุทธิ์และสมบูรณ์, ขัดเกลา, ศักดิ์สิทธิ์"[38][39][40] ตามไบเดอร์แมน (Biderman) ซึ่งเป็นภาษาของชนชั้นพราหมณ์ ตรงข้ามกับภาษาพูดของชาวบ้านทั่วไปที่เรียกว่าปรากฤต ภาษาสันสกฤตมีพัฒนาการในหลายยุคสมัย โดยมีหลักฐานเก่าแก่ที่สุด คือภาษาที่ปรากฏในคัมภีร์ฤคเวท (เมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล) อันเป็นบทสวดสรรเสริญพระเจ้าในลัทธิพราหมณ์ในยุคต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ในการจำแนกภาษาสันสกฤตโดยละเอียด นักวิชาการอาจถือว่าภาษาในคัมภีร์ฤคเวทเป็นภาษาหนึ่งที่ต่างจากภาษาสันสกฤตแบบแผน (Classical language) และเรียกว่า ภาษาพระเวท (Vedic language) ภาษาพระเวทดั้งเดิมยังมิได้มีการวางกฎเกณฑ์ให้เป็นระเบียบรัดกุมและสละสลวย และมีหลักทางไวยากรณ์อย่างกว้าง ๆ ปรากฏอยู่ในบทสวดในคัมภีร์พระเวทของศาสนาฮินดู เนื้อหาคือบทสวดสรรเสริญเทพเจ้า เอกลักษณ์ที่ปรากฏอยู่เฉพาะในภาษาพระเวทคือระดับเสียง (accent) ซึ่งกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และถือเป็นสิ่งสำคัญของการสวดพระเวทเพื่อให้สัมฤทธิผล

ภาษาสันสกฤตมีวิวัฒนาการมาจากภาษาชนเผ่าอารยัน หรืออินโดยูโรเปียน (Indo-European) บรรพบุรุษของพวกอินโด-อารยัน ตั้งรกรากอยู่เหนือเอเซียตะวันออก (ตอนกลางของทวีปเอเชีย - Central Asia) โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กลุ่มอารยันต้องเร่ร่อนทำมาหากินเหมือนกันชนเผ่าอื่น ๆ ในจุดนี้เองที่ทำให้เกิดการแยกย้ายถิ่นฐาน การเกิดประเพณี และภาษาที่แตกต่างกันออกไป ชนเผ่าอารยันได้แยกตัวกันออกไปเป็น 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มที่ 1 แยกไปทางตะวันตกเข้าสู่ทวีปยุโรป กลุ่มที่ 2 ลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ อนุมานได้ว่าน่าจะเป็นชนชาติอิหร่านในเปอร์เซีย และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่สำคัญที่สุด กลุ่มนี้แยกลงมาทางใต้ตามลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus) ชาวอารยันกลุ่มนี้เมื่อรุกเข้าในแถบลุ่มแม่น้ำสินธุแล้ว ก็ได้ไปพบกับชนพื้นเมืองที่เรียกว่า ดราวิเดียน (Dravidian) และเกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมและภาษา โดยชนเผ่าอารยันได้นำภาษาพระเวทยุคโบราณเข้าสู่อินเดียพร้อม ๆ กับความเชื่อทางศาสนา ซึ่งในยุคต่อมาได้เกิดตำราไวยากรณ์ภาษาสันสกฤตคือ อษฺฏาธฺยายี (अष्टाध्यायी "ไวยากรณ์ 8 บท") ของปาณินิ เชื่อกันว่ารจนาขึ้นในช่วงพุทธกาล ปาณินิเห็นว่าภาษาสันสกฤตแบบพระเวทนั้นมีภาษาถิ่นปนเข้ามามากพอสมควรแล้ว หากไม่เขียนไวยากรณ์ที่เป็นระเบียบแบบแผนไว้ ภาษาสันสกฤตแบบพระเวทที่เคยใช้มาตั้งแต่ยุคพระเวทจะคละกับภาษาท้องถิ่นต่าง ๆ ทำให้การประกอบพิธีกรรมไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น จึงแต่งอัษฏาธยายีขึ้น ความจริงตำราแบบแผนไวยากรณ์ก่อนหน้าปาณินิได้มีอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเกิดอัษฏาธยายีตำราเหล่านั้นก็ได้หมดความนิยมลงและสูญไปในที่สุด ผลของไวยากรณ์ปาณินิก็คือภาษาเกิดการจำกัดกรอบมากเกินไป ทำให้ภาษาไม่พัฒนา ในที่สุด ภาษาสันสกฤตแบบปาณินิ หรือภาษาสันสกฤตแบบฉบับ จึงกลายเป็นภาษาเขียนในวรรณกรรม ซึ่งผู้ที่สามารถจะอ่าน เขียนและแปลได้จะต้องใช้เวลามากพอสมควร

ภาษาสันสกฤตแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มกว้าง ๆ ได้แก่ ภาษาสันสกฤตแบบแผน และภาษาสันสกฤตผสม

ภาษาสันสกฤตแบบแผน

เกิดขึ้นจากการวางกฎเกณฑ์ของภาษาสันสกฤตให้มีแบบแผนที่แน่นอนในสมัยต่อมา โดยนักปราชญ์ชื่อ ปาณินิตามประวัติเล่าว่าเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นคันธาระราว 57 ปีก่อนพุทธปรินิพพาน บางกระแสว่าเกิดราว พ.ศ. 143 ปาณินิได้ศึกษาภาษาในคัมภีร์พระเวทจนสามารถหาหลักเกณฑ์ของภาษานั้นได้ จึงจัดรวบรวมขึ้นเป็นหมวดหมู่ เรียบเรียงเป็นตำราไวยากรณ์ขึ้น 8 บทให้ชื่อว่า อัษฏาธยายี มีสูตรเป็นกฎเกณฑ์อธิบายโครงสร้างของคำอย่างชัดเจน นักวิชาการสมัยใหม่มีความเห็นว่า วิธีการศึกษาและอธิบายภาษาของปาณินิเป็นวิธีวรรณนา คือศึกษาและอธิบายตามที่ได้สังเกตเห็นจริง มิได้เรียบเรียงขึ้นตามความเชื่อส่วนตัว มิได้เรียบเรียงขึ้นตามหลักปรัชญา คัมภีร์อัษฏาธยายีจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราไวยากรณ์เล่มแรกที่ศึกษาภาษาในแนววิทยาศาสตร์และวิเคราะห์ภาษาได้สมบูรณ์ที่สุด[ต้องการอ้างอิง] ความสมบูรณ์ของตำราเล่มนี้ทำให้เกิดความเชื่อในหมู่พราหมณ์ว่า ตำราไวยากรณ์สันสกฤตหรือปาณินิรจนานี้ สำเร็จได้ด้วยอำนาจพระศิวะ อย่างไรก็ตาม นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าการวางแบบแผนอย่างเคร่งครัดของปาณินิ ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาสันสกฤตต้องกลายเป็นภาษาตายอย่างรวดเร็วก่อนเวลาอันควร[ต้องการอ้างอิง] เพราะทำให้สันสกฤตกลายเป็นภาษาที่ถูกจำกัดขอบเขต (a fettered language) ด้วยกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ที่เคร่งครัดและสลับซับซ้อน ภาษาสันสกฤตที่ได้ร้บการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ให้ดีขึ้นโดยปาณินินี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เลากิกภาษา" หมายถึงภาษาที่ใช้กับสิ่งที่เป็นไปในทางโลก

ภาษาสันสกฤตผสม

ภาษาสันสกฤตผสม (Buddhist Hybrid Sanskrit or Mixed Sanskrit) เป็นภาษาสันสกฤตที่นักวิชาการบางกลุ่มได้จัดไว้เป็นพิเศษ เนื่องจากมีความแตกต่างจากภาษาพระเวทและภาษาสันสกฤตแบบแผน (ตันติสันสกฤต) ภาษาสันสกฤตแบบผสมนี้คือภาษาที่ใช้บันทึกวรรณคดีสันสกฤตทางพระพุทธศาสนา ทั้งในนิกาย สรรวาสติวาท และ มหายาน ภาษาสันสกฤตชนิดนี้คาดว่าเกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 3–4 นักปราชญ์บางท่านถือว่าเกิดขึ้นร่วมสมัยกับตันติสันสกฤต คือในปลายสมัยพระเวทและต้นของยุคตันติสันสกฤต โดยปรากฏอยู่โดยส่วนมากในวรรณกรรมของพระพุทธศาสนามหายาน เช่น ลลิตวิสฺตร ลงฺกาวตารสูตฺร ปฺรชฺญาปารมิตา สทฺธรฺมปุณฺฑรีกสูตฺร และศาสตร์อันเป็นคำอธิบายหลักพุทธปรัชญาและตรรกวิทยา เช่น มธฺยมิกการิกา อภิธรฺมโกศ มหาปฺรชฺญาปารมิตาศาสฺตฺร มธฺยานฺตานุคมศาสฺตฺร เป็นต้น

Remove ads

ไวยากรณ์[41]

สรุป
มุมมอง

ไวยากรณ์ของภาษาสันสกฤตมีความซับซ้อนมากกว่าหลาย ๆ ภาษา โดยเฉพาะกฎเกณฑ์การสนธิ แต่ก็นับว่ามีความสอดคล้องกับหลายภาษาในกลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน เช่น กรีกหรือละติน อย่างที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม ไวยากรณ์สันสกฤตอาจเทียบเคียงได้กับของภาษาบาลี แต่ยังมีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าพอสมควร

ภาษาสันสกฤตมีรูปอักษร 48 ตัว แบ่งเป็นพยัญชนะ 34 ตัว สระ 14 ตัว

สระ

ข้อมูลเพิ่มเติม รูปเดี่ยว, ไอเอเอสที/ ไอเอสโอ ...

สระ 14 ตัวได้แก่ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอา แบ่งได้เป็น 3 ขั้นคือ ขั้นปกติ ขั้นคุณ ขั้นพฤทธิ์

พยัญชนะ

ข้อมูลเพิ่มเติม สปรรศะ (หยุด), อนุนาสิกะ (นาสิก) ...

พยัญชนะ 34 ตัวแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ

  • พยัญชนะวรรค แบ่งเป็น 5 วรรค รวม 25 ตัว คือ
    • วรรค กะ เสียงเกิดที่เพดานอ่อน ได้แก่ ก ข ค ฆ ง
    • วรรค จะ เสียงเกิดที่เพดานแข็ง ได้แก่ จ ฉ ช ฌ ญ
    • วรรค ฏะ เสียงเกิดที่ปลายลิ้นม้วน ได้แก่ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
    • วรรค ตะ เสียงเกิดที่ฟัน ได้แก่ ต ถ ท ธ น
    • วรรค ปะ เสียงเกิดที่ริมฝีปาก ได้แก่ ป ผ พ ภ ม
  • พยัญชนะอวรรค 9 ตัว แบ่งเป็น
    • เสียงกึ่งสระ ได้แก่ ย เสียงเกิดที่เพดาน ร เสียงเกิดที่ปุ่มเหงือก ล เสียงเกิดที่ฟัน ว เสียงเกิดที่ริมฝีปาก
    • เสียงเสียดแทรก ได้แก่ ศ เสียงเกิดที่เพดาน ษ เสียงเกิดที่ปุ่มเหงือก ส เสียงเกิดที่ฟัน
    • เสียงหนักมีลม ได้ แก่ ห
    • ฬ และ อัง (อํ)

พยัญชนะไทยที่เขียนลำพังโดยไม่มีสระอื่นถือว่ามีเสียงอะ ถ้ามีจุดข้างล่างถือว่าไม่มีเสียงสระ

คำนาม

ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่มีการลงวิภัตติปัจจัย แจกนามได้ถึง 8 การก [แบ่งเป็นสามพจน์ (เอกพจน์, ทวิพจน์, พหูพจน์) และสามเพศ (สตรีลิงค์, ปุลลิงก์ และนปุงสกลิงก์)]

คำกริยา

สำหรับกริยา (ธาตุ) ในภาษาสันสกฤตนั้นมีความซับซ้อนยิ่งกว่าคำนาม กล่าวคือ จำแนกกริยาไว้ถึง 10 คณะ แต่ละคณะมีการเปลี่ยนรูป (เสียง) แตกต่างกันไป กริยาเหล่านี้จะแจกรูปตามประธาน 3 แบบ (ปฐมบุรุษ, มัธยมบุรุษ และอุตมบุรุษ) นอกจากนี้กริยายังต้องแจกรูปตามกาล (tense) 6 ชนิด และตามมาลา (mood) 4 ชนิด

Remove ads

อักษร

Thumb
ตัวอย่างข้อความภาษาสันสกฤตที่เขียนเป็นอักษรต่าง ๆ

ภาษาสันสกฤตไม่มีอักษรสำหรับเขียนชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ และก็คล้ายกับภาษาอื่นหลายภาษา นั่นคือสามารถเขียนได้ด้วยอักษรหลายชนิด อักษรเก่าแก่ที่ใช้เขียนภาษาสันสกฤตมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น อักษรขโรษฐี (Kharosthī) หรืออักษรคานธารี (Gāndhārī) นอกจากนี้ยังมีอักษรพราหมี (อักษรทั้งสองแบบพบได้ที่จารึกบนเสาอโศก) อักษรรัญชนา ซึ่งนิยมใช้จารึกคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในอินเดียเหนือและเนปาล รวมถึง อักษรสิทธัม ซึ่งใช้บันทึกคัมภีร์พุทธศาสนารวมถึงบทสวดภาษาสันสกฤตในประเทศจีนและญี่ปุ่นโดยเฉพาะในนิกายมนตรยาน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปนิยมเขียนภาษาสันสกฤตด้วยอักษรเทวนาครี (Devanāgarī) ส่วนอักษรอื่น ๆ เป็นความนิยมในแต่ละท้องถิ่น ทั้งนี้เนื่องจากอักษรที่ใช้ในอินเดีย มักจะเป็นตระกูลเดียวกัน จึงสามารถดัดแปลงและถ่ายทอด (transliteration) ระหว่างชุดอักษรได้ง่าย

แม้กระทั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีจารึกภาษาสันสกฤตที่ใช้ อักษรปัลลวะ อักษรขอม นอกจากนี้ชาวยุโรปยังใช้อักษรโรมันเขียนภาษาสันสกฤต โดยเพิ่มเติมจุดและเครื่องหมายเล็กน้อยเท่านั้น

หมายเหตุ

  1. "In conclusion, there are strong systemic and paleographic indications that the Brahmi script derived from a Semitic prototype, which, mainly on historical grounds, is most likely to have been Aramaic. However, the details of this problem remain to be worked out, and in any case, it is unlikely that a complete letter-by-letter derivation will ever be possible; for Brahmi may have been more of an adaptation and remodeling, rather than a direct derivation, of the presumptive Semitic prototype, perhaps under the influence of a preexisting Indian tradition of phonetic analysis. However, the Semitic hypothesis 1s not so strong as to rule out the remote possibility that further discoveries could drastically change the picture. In particular, a relationship of some kind, probably partial or indirect, with the protohistoric Indus Valley script should not be considered entirely out of the question." Salomon 1998, p. 30
  2. "dhārayan·brāhmaṇam rupam·ilvalaḥ saṃskṛtam vadan..." - รามายณะ 3.10.54 - กล่าวกันว่าเป็นจุดแรกที่มีการใช้คำว่า สันสกฤต ในการอ้างถึงภาษานี้
  3. ขนบไวยากรณ์ภาษาสันสกฤตเป็นที่มาขั้นท้ายสุดของแนวคิดเรื่องเลขศูนย์ ซึ่งเมื่อนำไปใช้ในระบบเลขอาหรับแล้ว ทำให้เราก้าวข้ามสัญกรณ์เลขโรมันที่ยุ่งยากไปได้[25]
  4. ภาษาสันสกฤตเขียนด้วยอักษรหลายชุด เสียงในช่องสีเทาไม่จัดเป็นหน่วยเสียง
  5. ไม่ใช่เสียงจริงในภาษาสันสกฤต แต่เป็นธรรมเนียมการแสดงรูปเขียนที่รวมอยู่ในรูปเขียนสระเพื่อรักษาสมมาตรของคู่อักษรสั้น-ยาวมากกว่า[43]
  6. ภาษาสันสกฤตเขียนด้วยอักษรหลายชุด เสียงในช่องสีเทาไม่จัดเป็นหน่วยเสียง
Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads