คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ยุทธการที่เกเต๋ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ยุทธการที่เกเต๋ง (จีน: 街亭之戰) เป็นการรบระหว่างรัฐวุยก๊กและจ๊กก๊ก ใน ค.ศ. 228 ในยุคสามก๊ก ของจีน ยุทธการเกเต๋งเป็นส่วนหนึ่งของการบุกขึ้นเหนือครั้งแรกที่นำโดยจูกัดเหลียงอัครมหาเสนาบดีและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งจ๊กก๊กเพื่อโจมตีวุยก๊ก ยุทธการสิ้นสุดด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของวุยก๊ก
Remove ads
เปิดศึก
สรุป
มุมมอง
ในขั้นต้นจูกัดเหลียงส่งขุนพลเตียวจูล่งและเตงจี๋นำกองกำลังรบล่อไปยังหุบเขากิก๊ก (箕谷 จีกู่) แสร้งจะเข้าโจมตีอำเภอไปเซีย (郿縣 เหมย์เซี่ยน; อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอฝูเฟิง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) ผ่านหุบเขาเสียดก๊ก (斜谷 เสียกู่) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทัพหลักของวุยก๊ก ส่วนตัวจูกัดเหลียงนำทัพด้วยตนเองไปยังเขากิสาน (祁山 ฉีชาน; พื้นที่ภูเขาโดยรอบอำเภอหลี่ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) โจจิ๋นนำกำลังทหารไปต้านเตียวจูล่ง ในขณะที่สามเมืองภายใต้การปกครองของวุยก๊กได้แก่ ลำอั๋น (南安 หนานอาน; อยู่บริเวณอำเภอหล่งซี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน), เทียนซุย (天水 เทียนฉุ่ย; อยู่บริเวณนครเทียนฉุ่ย มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และฮันเต๋ง (安定 อานติ้ง; อยู่บริเวณอำเภอเจิ้นยฺเหวียน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) แปรพักตร์ไปเข้าด้วยจ๊กก๊ก[2][3]
ผู้คนในวุยก๊กมองว่าเล่าปี่เป็นวีรบุรุษคนสำคัญของจ๊กก๊ก ภายหลังการสวรรคตของเล่าปี่ ดินแดนด้านตะวันตกของวุยก๊กก็สงบสุขไประยะเวลาหนึ่ง จึงไม่ได้เตรียมพร้อมกับสถานการณ์ร้ายกาจเช่นนี้่[4] เมื่อโจยอยจักรพรรดิแห่งวุยก๊กทรงทราบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเสียภูมิภาคกวนต๋งแห่งจ๊กก๊ก จึงเสด็จไปยังเตียงฮันด้วยพระองค์เองและรวบรวมกองกำลังรองให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเตียวคับในการโจมตีจูกัดเหลียง จูกัดเหลียงเลือกขุนพลม้าเจ๊กเป็นแม่ทัพหน้าโดยมีอองเป๋งเป็นผู้ช่วยไปสกัดเตียวคับ แทนที่จะเลือกนายทหารผ่านศึกอย่างอุยเอี๋ยนและงออี้ที่มีผู้เสนอมา[5][6]
Remove ads
ยุทธการ
สรุป
มุมมอง

เกเต๋งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทางลำเลียงเสบียง จูกัดเหลียงจึงส่งม้าเจ๊กและอองเป๋งไปรักษาเกเต๋ง ม้าเจ๊กไปพร้อมกับอองเป๋ง แต่ม้าเจ๊กไม่ฟังคำแนะนำเรื่องการศึกของอองเป๋ง ม้าเจ๊กอาศัยเพียงตำราพิชัยสงครามเลือก "ยึดพื้นที่สูง" และตั้งมั่นอยู่บนเขาแทนที่จะเป็นในตัวเมืองตามคำสั่งของจูกัดเหลียง เพิกเฉยต่อคำแนะนำของอองเป๋งที่ให้ตั้งค่ายในหุบเขาที่มีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม อองเป๋งสามารถโน้มน้าวม้าเจ๊กให้แบ่งกำลังทหารส่วนหนึ่งมาให้ตนบัญชาการ แล้วอองเป๋งก็แยกไปตั้งค่ายใกล้กับค่ายของม้าเจ๊กเพื่อคอยช่วยเหลือเมื่อม้าเจ๊กตกอยู่ในอันตราย[7][8]
เนื่องด้วยความผิดพลาดทางยุทธวิธีของม้าเจ๊ก ทัพวุยก๊กที่นำโดยเตียวคับจึงเข้าล้อมเนินเขาและตัดทางน้ำของกำลังทหารฝ่ายจ๊กก๊กจึงตีฝ่ายจ๊กก๊กแตกพ่าย[9] มีบันทึกว่าระหว่างชุลมุน ม้าเจ๊กลอบหนีไปทิ้งกำลังทหารที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา[10] อองเป๋งรวบรวมกำลังทหารของม้าเจ๊กที่กระจัดกระจาย และใช้กำลังทหารที่เหลือไม่มากนี้หาทางล่าถอยได้อย่างเป็นระเบียบ อองเป๋งสั่งให้ทหารตีกลองเสียงดังเพื่อทำให้ฝ่ายวุยก๊กเข้าใจว่ากำลังเสริมกำลังมาถึง เตียวคับเชื่อว่าอาจเป็นสัญญาณการซุ่มโจมตีจึงไม่ได้ไล่ตามไป[11] เมื่อจูกัดเหลียงยกมาถึงก็พยายามจะเอาชนะเตียวคับแต่ไม่สำเร็จจึงถอยกลับไปฮันต๋ง[12]
แม้ว่าม้าเจ๊กจะรอดชีวิตจากยุทธการ แต่กองกำลังของม้าเจ๊กก็เสียหายอย่างหนัก (อองเป๋งสามารถรวบรวมกำลังทหารของม้าเจ๊กที่เหลืออยู่ขึ้นใหม่และรวบรวมเสบียงของทัพจ๊กก๊กที่กระจัดกระจาย) ในเวลาต่อมาไม่นานม้าเจ๊กก็ถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยจูกัดเหลียงผู้ฝืนใจออกคำตัดสินทั้งหลั่งน้ำตา[13][a]
Remove ads
ผลสืบเนื่อง
สรุป
มุมมอง
ขุนพลของจ๊กก๊กจำนวนมากถูกลงโทษ ม้าเจ๊กถูกจูกัดเหลียงตัดสินโทษประหารชีวิตเพื่อปลอมประโลมมวลชน[14] จาง ซิว (張休) และหลี่ เชิ่ง (李盛) ก็ถูกประหารชีวิตเช่นกัน[15] จิ้นชูระบุว่าบิดาของตันซิ่ว[b]พลอยติดร่างแหและถูกตัดสินโทษคุน (髡) ซึ่งเป็นการลงโทษด้วยการโกนศีรษะ[16] เอี่ยงลองถูกปลดจากตำแหน่งหัวหน้าเลขานุการเพราะเอี่ยงลองไม่ได้รายงานว่าม้าเจ๊กหนีเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกับม้าเจ๊ก[17] หฺวาง สี (黃襲) และขุนพลคนอื่น ๆ ถูกจูกัดเหลียงปลดจากอำนาจบัญชาการทหาร ในขณะที่อองเป๋งได้รับการเลื่อนยศเป็นขุนพลปราบโจร (討寇將軍 เถ่าโค่วเจียงจวิน) จากความพยายามในการลดความเสียหายให้น้อยที่สุดและจากความพยายามในการป้องกันการกระทำของม้าเจ๊ก ตัวจูกัดเหลียงเองถวายฎีกาถึงจักรพรรดิเล่าเสี้ยนขอให้ลดตำแหน่งตนเองเพื่อรับผิดชอบความพ่ายแพ้ที่เกเต๋ง[18]
ก่อนที่ม้าเจ๊กจะถูกประหารชีวิตได้เขียนจดหมายถึงจูกัดเหลียงว่า "ท่านผู้ปราดเปรื่องมองข้าพเจ้าดั่งบุตรชายและตัวข้าพเจ้าเองก็มองท่านดั่งบิดา ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่านี่คือความชอบธรรมในการประหารชีวิตกุ่นซึ่งนำไปสู่ความรุ่งโรจน์ของพระเจ้าอวี่ ขอให้ความสัมพันธ์ทั้งชีวิตของเราไม่ลดลงไปกว่านี้ แม้ว่าข้าพเจ้าจะตาย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มีความแค้นเคืองต่อแผ่นดินเหลือง"[19] เวลานั้นทหารหลายคนร้องไห้ให้กับการเสียชีวิตของม้าเจ๊ก[20]
จากการเสียเกเต๋งทำให้สถานการณ์ด้านเสบียงในทัพจูกัดเหลียงเลวร้ายลง จูกัดเหลียงจึงต้องล่าถอยไปยังฐานทัพหลักที่เมืองฮันต๋ง ในขณะที่ทัพวุยก๊กภายใต้การบัญชาการของโจจิ๋นและเตียวคับถือโอกาสนี้เข้าปราบกบฏในสามเมืองคือลำอั๋น เทียนซุย และฮันเต๋งจนกลับมาสงบ ความพ่ายแพ้ที่เกเต๋งทำให้การบุกขึ้นเหนือของจูกัดเหลียงครั้งแรกประสบความล้มเหลว[21]
สถานที่
ตำแหน่งที่แน่นอนของยุทธการที่เกเต๋งไม่ทราบแน่ชัด จากการวิจัยโดยหนังสือพิมพ์กานซู่จิงจี้รื่อเป้า (甘肃经济日报; แปลตรงตัว "เศรษฐกิจกานซู่รายวัน") มีสถานที่ที่เป็นเป็นได้หลายแห่ง ได้แก่:[22]
- หมู่บ้านเจียถิง เขตม่ายจี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนครเทียนฉุ่ย
- เมืองกงเหมิน ทางตะวันออกของอำเภอปกครองตนเองจางเจียชฺวาน
- ภูเขาเจียถิง ในอำเภอเหมี่ยน มณฑลฉ่านซี
- เมืองหล่งเฉิง ทางตะวันออกของอำเภอฉินอาน มณฑลกานซู่
- สถานที่อื่น ๆ ที่บางคนเสนอชื่อ ได้แก่ นครหฺวาถิง และอำเภอจฺวางล่าง
อนุสรณ์สถานของยุทธการที่ตั้งอยู๋ที่เมืองหล่งเฉิง หลักฐานทางภูมิประเทศและอาวุธที่ค้นพบช่วยสนับสนุนว่าเมืองหล่งเฉิงเป็นสถานที่ที่เป็นไปได้มากที่สุด แม้จะยังไม่เห็นพ้องต้องกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ[22]
Remove ads
ในนิยายสามก๊ก
สรุป
มุมมอง
ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กในศตวรรษที่ 14 ม้าเจ๊กถูกประหารชีวิตโดยจูกัดเหลียงที่ออกคำสั่งประหารทั้งหลั่งน้ำตาและเป็นผู้ประเมินสติปัญญาของม้าเจ๊กไว้สูงมาโดยตลอดจึงตัดสินโทษประหารอย่างไม่เต็มใจอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้ได้ถูกนำมาแสดงในการแสดงงิ้วด้วย สุภาษิตจีนที่ว่า "หลั่งน้ำตาฆ่าม้าเจ๊ก" (挥泪斩马谡; 揮淚斬馬謖; Huī Lèi Zhán Mǎ Sù) อ้างถึงเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะ มีความหมายว่า "การลงโทษบุคคลหนึ่งฐานกระทำความผิดโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์หรือความสามารถของบุคคลนั้น" สุภาษิตญี่ปุนที่เทียบเท่าคือ "ประหารม้าเจ๊กทั้งน้ำตา" (泣いて馬謖を斬る Naite Bashoku wo kiru)
ในนวนิยาย การพ่ายแพ้ที่เกเต๋งกลายเป็นการเผยตำแหน่งของจูกัดเหลียงในเวลานั้นคือเสเสีย (西城 ซีเฉิง) ที่ไร้การป้องกัน จูกัดเหลียงจึงใช้กลยุทธ์เมืองว่างป้องกันไม่ให้ข้าศึกเข้ามาโจมตีก่อนจะล่าถอย
ในหลากหลายเรื่องเล่ารวมถึงนวนิยาย สุมาอี้มีส่วนร่วมในยุทธการในฝ่ายวุยก๊ก แต่ตามชีวประวัติของสุมาอี้ในสามก๊กจี่ เป็นไปไม่ได้ที่สุมาอี้จะมีส่วนร่วมในยุทธการ มอสส์ โรเบิตส์ (Moss Roberts) ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเล่มที่ 4 ของสามก๊ก ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษของตน (หน้าที่ 2,179 ในหมายเหตุของตอนที่ 95 ย่อหน้าที่ 4 และย่อหน้าสุดท้ายของหมายเหตุของตอน) ว่า:
- สุมาอี้ตามประวัติศาสตร์ไม่ได้อยู่ที่แนวรบด้านตะวันตกขณะเกิดกรณี "อุบายเมืองว่าง" แต่อยู่ที่แนวรบด้านใต้ที่มีความสำคัญกว่าเพื่อต้านแดนใต้ [ง่อก๊ก] สุมาอี้ไม่ได้มาที่แนวรบด้านตะวันตกจนกระทั่งการบุกของขงเบ้ง [จูกัดเหลียง] ครั้งที่ 4 [ยุทธการที่เขากิสาน] ประเพณีนิยมในบันเทิงคดีมีแนวโน้มจะให้ความสำคัญกับความขัดแย้งระหว่างวุยก๊กและจ๊กก๊กมากกว่าระหว่างวุยก๊กและง่อก๊ก เรื่องสามก๊กจึงสร้างเรื่องราวความเป็นคู่ศึกระหว่างขงเบ้งและสุมาอี้และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในปี ค.ศ. 228 [23]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Remove ads
หมายเหตุ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads