คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก (ค.ศ. 1879–1884)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก (ค.ศ. 1879–1884)
Remove ads

สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก (อังกฤษ: War of the Pacific, สเปน: Guerra del Pacífico) (ค.ศ. 1879–1884) เป็นสงครามที่มีผลมาจากการเรียกร้องชายแดนของชิลีเหนือดินแดนชายฝั่งทะเลของโบลิเวียในทะเลทรายอาตากามา โบลิเวียเป็นพันธมิตรกับเปรูเพื่อต่อต้านชิลี สงครามในครั้งนี้จบลงโดยที่ชิลีเป็นผ่ายชนะซึ่งทำให้ชิลีได้ครอบครองดินแดนที่มีทรัพยากรจำนวนมากจากเปรูและโบลิเวีย กองทัพชิลีได้ครอบครองและใช้พื้นที่ชายฝั่งที่อุดมไปด้วยไนเตรตของโบลิเวีย ส่วนเปรูพ่ายแพ้ต่อกองทัพเรือของชิลี[10][11]

ข้อมูลเบื้องต้น สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก, วันที่ ...

สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก, ทะเลทรายอาตากามาของเปรูและบริเวณเทือกเขาแอนดีส ช่วง 5 เดือนแรกสงครามเกิดขึ้นในรูปแบบของสงครามทางทะเลเนื่องจากทางชิลีพยายามที่จะสร้างการขนส่งทางทะเลสำหรับส่งกองทัพเข้าไปในทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1878 โบลิเวียกำหนดจัดเก็บภาษีใหม่กับบริษัทเหมืองแร่ของชิลี (Compañía de Salitres y Ferrocarril de Antofagasta หรือ CSFA) แม้จะมีการรับรองอย่างชัดเจนในสนธิสัญญาเขตแดน ค.ศ. 1874 ว่าทางโบลิเวียจะไม่เพิ่มภาษีกับคนหรืออุตสาหกรรมของชิลีเป็นเวลา 25 ปี ทำให้ชิลีมีการประท้วงและเสนอให้มีการไกล่เกลี่ยแต่ทางโบลิเวียปฏิเสธและถือว่าเป็นกรณีของศาลโบลิเวีย ทำให้ทางชิลีเรียกร้องและแจ้งให้รัฐบาลโบลิเวียทราบว่า ชิลีจะไม่ถือว่าตัวเองถูกผูกมัดด้วยสนธิสัญญาเขตแดน ค.ศ. 1874 ถ้าโบลิเวียยังไม่ระงับการบังคับใช้กฎหมายการขึ้นภาษี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1879 ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโบลิเวียพยายามประมูลทรัพย์สินที่ยึดมาของ CSFA กองกำลังติดอาวุธของชิลีก็เข้าบุกยึดเมืองท่าอันโตฟากัสตา

เปรูซึ่งมีสนธิสัญญาป้องกันพันธมิตรกับโบลิเวียได้พยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยแต่ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1879 ทางโบลิเวียประกาศสงครามกับประเทศชิลีและเรียกเปรูมาเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ส่วนทางชิลีได้ร้องขอให้เปรูประกาศความเป็นกลาง วันที่ 5 เมษายนหลังเปรูปฏิเสธคำร้องขอจากชิลี ทางชิลีจึงได้ประกาศสงครามกับทั้ง 2 ประเทศ ทำให้วันต่อมาเปรูตอบโต้ด้วยการยอมรับสนธิสัญญาการป้องกันการโจมตีหรือภัยคุกคามพันธมิตรชาติ

ในข้อพิพาท โบลิเวีย–ชิลี–เปรู ในทะเลทรายอะตาคามา ของโรนัล บรูซ เซนต์ จอห์น:

ถึงแม้ว่าสนธิสัญญาเขตแดน ค.ศ. 1874 และการเก็บภาษีเพิ่ม 10 เซ็นต์จะเป็นเหตุแห่งสงคราม แต่ลึก ๆ แล้วยังมีสาเหตุเบื้องต้นมาจากการระบาดของสงครามใน ค.ศ. 1879 อีกมุมหนึ่งชิลีมีทั้งอำนาจ เกียรติภูมิ ความมั่นคง ในขณะที่เปรูและโบลิเวียมีปัญหากับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความไม่ต่อเนื่องทางการเมืองหลังจากได้รับเอกราช ในอีกด้านหนึ่งยังมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ การเมือง ความเป็นใหญ่ในภูมิภาคอีกทั้งความเกลียดชังลึก ๆ ระหว่างเปรูและชิลี ในสภาพแวดล้อมที่มีความคลุมเครือของเขตแดนระหว่าง 3 ประเทศ การค้นพบของที่มีมูลค่าอย่างปุ๋ยขี้นกหรือไนเตรตบริเวณพื้นที่พิพาทก่อให้เกิดปัญหาทางการทูตที่ไม่สามารถจัดการแบ่งสันปันส่วนได้[12]

ภายหลังการโจมตีทางบกของชิลีสามารถเอาชนะกองทัพโบลิเวียและเปรูได้ วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1880 โบลิเวียถอนตัวออกจากสงครามหลังยุทธการที่ตักนา ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1881 กองทัพชิลีสามารถยึดครองกรุงลิมาได้ กองทัพเปรูที่เหลืออยู่และทหารที่ไม่ได้อยู่ในประจำการเริ่มทำสงครามแบบกองโจรแต่ก็ไม่สามารเปลี่ยนผลของสงครามได้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1883 ชิลีและเปรูลงนามในสนธิสัญญาอังคอง ส่วนโบลิเวียลงนามในสัญญาการพักรบกับชิลีเมื่อ ค.ศ. 1884

ชิลีได้รับเขตจังหวัดตาราปากาของเปรู เขตจังหวัดลิโทลอของโบลิเวีย (ทำให้โบลิเวียกลายเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล[13]) ครอบครองจังหวัดอริกาและจังหวัดแทกนาเป็นเวลาชั่วคราว ชิลีลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพกับโบลิเวียและกำหนดเขตชายแดนที่แน่นอน ใน ค.ศ. 1904 และใน ค.ศ. 1929 ตามการประนีประนอมแทกนา–อริกา ชิลีมอบจังหวัดอริกาและจังหวัดแทกนาคืนแก่เปรู

Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads