คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ)
Remove ads

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นามเดิม ฤทธิ์ ฉายา ธมฺมสิริ เป็นสมเด็จพระราชาคณะ เจ้าคณะใหญ่ฝายเหนือและอดีตเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหารและวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

ข้อมูลเบื้องต้น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ), ส่วนบุคคล ...
Remove ads

ประวัติ

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ มีนามเดิม ฤทธิ์ หรือ ริด เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีระกา ตรงกับวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2380 เมื่ออายุได้ 10 ขวบ ได้ศึกษากับพระมหาพลาย วัดนาคกลาง หลังโกนจุก ได้บวชเป็นสามเณรอยู่วัดราชบุรณราชวรวิหาร เข้าสอบพระปริยัติธรรมครั้งแรกในปีระกา พ.ศ. 2391 ณ วัดพระเชตุพนฯ ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตามาก ตรัสว่า "เด็กขนาดนี้กำลังจะจับเป็ดจับไก่ แต่สามเณรฤทธิ์อุตส่าห์เล่าเรียนจนแปลหนังสือได้เป็นเปรียญ" จึงพระราชทานรางวัล 1 ชั่ง[1]

ปีมะเส็ง พ.ศ. 2400 อุปสมบทที่วันราชบุรณฯ โดยมีพระธรรมวโรดม (สมบุรณ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ และเข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกครั้งขณะพรรษา 8 ได้อีก 2 ประโยค จึงเป็นเปรียญธรรม 5 ประโยค ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานตาลปัตรพื้นโหมดเป็นเกียรติยศพิเศษ เพราะท่านเทศนาได้ดีต้องพระทัย[1]

หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ท่านไปครองวัดบพิตรพิมุข[2] ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2441 ขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวโรดม ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปอยู่วัดอรุณราชวราราม โดยมีพระครูปลัด 1 รูป พระครูฐานานุกรม 3 รูป พระเปรียญ 2 รูป สามเณรเปรียญ 1 รูป พระอันดับ 7 รูป ติดตามไปอยู่ด้วย[3]

Remove ads

สมณศักดิ์

  • 2417 ตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระอมรโมลี[1]
  • 2 ตุลาคม จ.ศ. 1247 (ตรงกับ พ.ศ. 2428) เลื่อนเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระโพธิวงษาจาริย ญาณนายก ตรีปิฎกธรา มหาคณิศร บวรสังฆารามคามวาสี มีนิตยภัตเดือนละ 4 ตำลึงกึ่ง[4]
  • 20 มีนาคม ร.ศ. 110 (ตรงกับ พ.ศ. 2434) เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ ญาณวิสาระทะนายก ตรีปิฎกปรีชา มหาคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี มีนิตยภัตเดือนละ 4 ตำลึง 3 บาท และได้รับตาลปัตรแฉกพื้นแพรปักเลื่อม พัดรองโหมดเทศ และเครื่องบริขารเล็กน้อย เป็นเครื่องยศ[5]
  • 20 ธันวาคม ร.ศ. 113 (ตรงกับ พ.ศ. 2437) เลื่อนเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายใต้ที่ พระธรรมวโรดม บรมญาณอดุล สุนทรนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูษิต ทักษิณทิศคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี มีนัตยภัตเดือนละ 6 ตำลึง[6]
  • 15 พฤษภาคม ร.ศ. 121 (ปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2445) เลื่อนเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะอรัญวาสีและเจ้าคณะใหญ่คณะกลางที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ อเนกสถานปรีชา สับตวิสุทธิจริยาสมบัติ นิพัทธธุตคุณ สิริสุนทรพรตจาริก อรัญญิกมหาปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลมัชฌิมคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสีอรัญวาสี มีนิตยภัตเดือนละ 7 ตำลึง และได้รับพัดรองเป็นรูปพระราชลัญจกรมหาอุณาโลมเป็นที่ระลึก[7]
  • 16 มีนาคม ร.ศ. 124 (ตรงกับ พ.ศ. 2448) เลื่อนเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายเหนือที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลยสุนทรนายก ตรีปิฎกวิทยาคุณ วิบุลยคัมภีรญาณสุนทร มหาอุดรคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี อรัญวาสี มีนิตยภัตเดือนละ 10 ตำลึง[8]
Remove ads

มรณภาพ

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ อาพาธเป็นโรคชรา มรณภาพเมื่อวันพุธที่ 22 เมษายาน พ.ศ. 2456 เวลา 3 ยาม ปีฉลู สิริอายุได้ 75 ปี 317 วัน ในวันต่อมา เวลาบ่าย 5 โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต สวมลอมพอกโหมดถวายศพ แล้วเจ้าพนักงานยกศพตั้งบนแว่นฟ้า 2 ชั้น ประกอบโกศไม้สิบสอง แวดล้อมด้วยฉัตรเครื่อง 9 คัน แล้วสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงษ์วรเดช ทอดไตร 10 ไตร และผ้าขาว 20 พับ พระราชทานบังสุกุล และให้พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันมีกำหนด 1 เดือน[9]

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads