คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

สาธารณรัฐดัตช์

รัฐก่อนของประเทศเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน (ค.ศ. 1581–1795) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สาธารณรัฐดัตช์map
Remove ads

สหมณฑลที่ลุ่มต่ำทั้งเจ็ด หรือ สาธารณรัฐแห่งมณฑลที่ลุ่มต่ำทั้งเจ็ด หรือ สาธารณรัฐดัตช์ (อังกฤษ: The United Provinces of the Netherlands ดัตช์: Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden หรือ De Nederlandse Republiek และ De Verenigde Provincien) เป็นการรวมหนึ่งในมณฑลทั้ง 7 ของเนเธอร์แลนด์ของสเปน ประกาศอิสรภาพเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ[3] โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1588 (การปฏิวัติดัตช์) และสิ้นสุดลงเมื่อ ค.ศ. 1795 (ในการปฏิวัติบาตาเวีย) โดยถือเป็นรัฐอิสระครั้งแรกของชาวดัตช์

ข้อมูลเบื้องต้น สหมณฑลที่ลุ่มต่ำทั้งเจ็ด Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden / Zeven ProvinciënRepublic of the Seven United Netherlands / Seven Provinces, เมืองหลวง ...
ข้อมูลเพิ่มเติม ประวัติศาสตร์กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ...

โดยเริ่มจากการก่อกบฏโปรแตสแตนท์ในกลุ่มขุนนาง ต่อการปกครองของสเปน โดยประกอบด้วยมณฑลทั้งเจ็ดที่รวมตัวเป็นพันธมิตรกันในปี ค.ศ. 1579 (สหภาพยูเทรกต์) และประกาศอิสรภาพเมื่อปี ค.ศ. 1581 (พระราชบัญญัติแห่งการตัดขาด หรือ "Act of Abjuration") ประกอบด้วยโกรนิงเงิน ฟรีเซีย เกลเดอร์ส โอเวอริสเซิล ฮอลแลนด์ เซลันด์ และยูเทรกต์

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ด้วยประชากรเพียง 1.5 ล้านคน แต่สาธารณรัฐดัตช์ได้ควบคุมการค้าขายทางเรือของโลกผ่านบริษัทเดินเรือต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัตช์อีสต์อินเดียคอมปะนี และดัตช์เวสต์อินเดียคอมปะนี โดยต่อมาได้กลายเป็นจักรวรรดิดัตช์ ที่มีรายได้มหาศาลจากการค้าโลก ทำให้สาธารณรัฐดัตช์สามารถพัฒนาการทหารได้เท่าเทียมกับมหาประเทศต่างๆ ได้ โดยประกอบด้วยกองเรือกว่า 2,000 ลำ ซึ่งใหญ่กว่าอังกฤษและฝรั่งเศสรวมกัน

ความขัดแย้งทางการทหารหลักๆ ในยุคนี้ได้แก่ สงครามแปดสิบปีกับสเปน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐและต่อเนื่องยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 1648 สงครามเนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส (ค.ศ. 1602-1663) สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ (ครั้งแรก ค.ศ. 1652–1654, ครั้งที่สอง ค.ศ. 1665–1667, ครั้งที่สาม ค.ศ. 1672–1674 และครั้งที่สี่ ค.ศ. 1780–1784) สงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ (ค.ศ. 1672–1678) และสงครามมหาพันธมิตร (ค.ศ. 1688–1697) ต่อฝรั่งเศส

นโบายการปกครองของสาธารณรัฐต่อการนับถือศาสนานั้นให้อิสระในการนับถือศาสนาต่างๆ อีกทั้งยังสนับสนุนเสรีภาพทางความคิดให้กับประชากร ในยุคสมัยนี้ทำให้ศิลปะวิทยาการเฟื่องฟูอย่างมาก จิตรกรสำคัญในยุคนี้ ได้แก่ แร็มบรันต์ โยฮันเนิส เฟอร์เมร์ และอีกมากมาย อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์สำคัญของโลก ได้แก่ ฮิวโก โกรเตียส คริสตียาน เฮยเคินส์ และอันโตนี ฟัน เลเวินฮุก เพราะความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและวิทยาการของเนเธอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 17 นี้ทำให้นักประวัติศาสตร์ต่างเรียกยุคสมัยนี้ว่ายุคทองของเนเธอร์แลนด์

การปกครองใช้ระบบสมาพันธรัฐของรัฐหรือมลฑลทั้งเจ็ด โดยแต่รัฐมีเสรีภาพในการปกครองตนเองจากรัฐบาลกลาง (States General) ต่อมาในสนธิสัญญาสันติภาพเว็สท์ฟาเลิน ในปี ค.ศ. 1648 สาธารณรัฐดัตช์ได้ครอบครองเขตแดนเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายนอกรัฐสมาชิกทั้งเจ็ด ซึ่งปกครองโดยขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง

ในแต่มณฑลมีเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการที่เรียกว่า "สตัดเฮาเดอร์" (Stadtholder) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เปิดกว้างให้กับทุกคน แต่มณฑลส่วนใหญ่มักจะเลือกสมาชิกจากราชวงศ์ออเรนจ์ เพื่อเป็นผู้ปกครอง ต่อมาตำแหน่งนี้จึงค่อยๆ เริ่มกลายเป็นตำแหน่งสืบตระกูลในที่สุด โดยมีเจ้าชายแห่งออเรนจ์ กลายเป็นผู้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองของทุกๆ มณฑลพร้อมๆ กันในเวลาเดียว ทำให้กลายเป็นประมุขแห่งรัฐไปโดยปริยาย ซึ่งต่อมาได้ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองขั้ว ขั้วที่สนับสนุนราชวงศ์ออเรนจ์ สนับสนุนความคิดในสตัดเฮาเดอร์ที่มีอำนาจมากเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่อีกขั้วคือรีพับลิกัน ที่สนับสนุนรัฐบาลกลางเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในที่สุดก็บรรลุความสำเร็จจนได้เกิดยุคสมัยที่ปราศจากสตัดเฮาเดอร์ทั้งสิ้นสองช่วงคือ ค.ศ. 1650–1672 และ ค.ศ. 1702–1747 โดยในครั้งหลังนั้นทำให้เกิดความสั่นคลอนทางการเมืองระดับชาติจนทำให้สิ้นสุดความเป็นประเทศมหาอำนาจ

การเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจเริ่มขึ้นและนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง ในนามของ "เหล่าผู้รักชาติ" (Patriottentijd) ระหว่างปี ค.ศ. 1780-1787 ซึ่งสงครามการเมืองระหว่างสองขั้วนี้ได้หยุดชะงักชั่วคราวด้วยการรุกรานของปรัสเซียที่สนับสนุนฝั่งสตัดเฮาเดอร์ ต่อมาในการปฏิวัติฝรั่งเศส และสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่งทำให้แนวคิดแบ่งแยกนี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง และเมื่อฝั่งฝรั่งเศสได้รับชัยชนะ ระบบสตัดเฮาเดอร์ได้ถูกกำจัด และขับไล่ออกไปจากเนเธอร์แลนด์ในการปฏิวัติบาตาเวีย ปี ค.ศ. 1795 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของสาธารณรัฐดัตช์ และสืบทอดเป็นสาธารณรัฐบาตาเวีย

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
วิลเลิมที่ 1 แห่งออเรนจ์ ผู้ปกครองคนแรกของสาธารณรัฐดัตช์

ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 ดินแดนในกลุ่มประเทศต่ำ ซึ่งในปัจจุบันคือ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก ในอดีตนั้นประกอบด้วยดัชชี เคาน์ตี และราชรัฐมุขมณฑลต่างๆ ซึ่งดินแดนเกือบทั้งหมดนั้นถือเป็นดินแดนในปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ยกเว้นเพียงแต่เคาน์ตีฟลานเดอร์สซึ่งขึ้นตรงต่อราชอาณาจักรฝรั่งเศส

ต่อมาได้สืบทอดเปลี่ยนมือผู้ปกครองมาเป็นราชวงศ์บูร์กอญ และต่อด้วยราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ในปี ค.ศ. 1549 จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ได้ออกพระราชบัญญัติการสืบราชบัลลังก์ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจการปกครองต่อมณฑลทั้งเจ็ด ซึ่งภายหลังทรงสละราชบัลลังก์ลงทำให้พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน พระราชโอรสได้ดินแดนแถบนี้ไปปกครองต่อจากพระราชบิดา ต่อมาในปี ค.ศ. 1568 ในเนเธอร์แลนด์ได้เกิดการกบฏขึ้นนำโดยวิลเลิมที่ 1 แห่งออเรนจ์ อันมีสาเหตุมาจากอัตราภาษีที่สูง และการลงโทษอันทารุนต่อชาวโปรเตสแตนท์โดยรัฐบาล และความพยายามของพระเจ้ากรุงสเปนในเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองการปกครองของมณฑลต่างๆ จึงเป็นเหตุให้สงครามแปดสิบปีอุบัติขึ้นในที่สุด ซึ่งในระหว่างสงคราม การกบฏส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้สเปนยังคงฐานอำนาจมณฑลเกือบทั้งหมดไว้ได้ ซึ่งในช่วงนี้ได้เกิดการปล้นสดมภ์โดยกองทัพสเปน การฆ่าสังหารผู้คนในเมืองต่างๆ ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1572 จนถึง 1579

ในปี ค.ศ. 1579 มณฑลส่วนใหญ่ทางตอนเหนือได้ลงนามก่อตั้งสหภาพยูเทรกต์ เพื่อเป็นการสนับสนุนทางการทหารซึ่งกันและกันต่อการรุกรานของกองทัพฟลานเดอร์ส แต่ในที่สุดได้ตราพระราชบัญญัติแห่งการตัดขาด ในปีค.ศ. 1581 โดยเป็นประกาศให้มณฑลทั้งเจ็ดเป็นอิสระจากการปกครองของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ในจุดนี้เป็นการเริ่มต้นของยุคล่าอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ซึ่งสามารถยึดเอาดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสและสเปนมาเป็นของตนได้ โดยเฉพาะดินแดนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อมาวิลเลิมที่ 1 แห่งออเรนจ์ได้ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1584 ทั้งพระเจ้าอ็องรีที่ 3 แห่งฝรั่งเศส และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษทั้งสองพระองค์ได้ปฏิเสธที่จะรับเป็นเจ้าผู้ครองแทน โดยราชสำนักอังกฤษได้ยอมตกลงให้มณฑลทั้งเจ็ดเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษ (สนธิสัญญานอนซัช ค.ศ. 1585) และส่งเอิร์ลแห่งเลสเตอร์มาเป็นผู้สำเร็จราชการ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และในปี ค.ศ. 1588 มณฑลทั้งเจ็ดก็ได้กลายมาเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ โดยการลงนามในสหภาพยูเทรกต์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสาธารณรัฐดัตช์ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับโดยราชสำนักสเปนจนกระทั่งสนธิสัญญาสันติภาพเว็สท์ฟาเลินในปีค.ศ. 1648

ในช่วงสงครามอังกฤษ-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 1778) มีการแบ่งดินแดนภายในประเทศเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มผู้รักชาติซึ่งสนับสนุนฝรั่งเศสและอเมริกา และกลุ่มผู้สนับสนุนราชวงศ์ออเรนจ์ที่สนับสนุนฝั่งอังกฤษ ในช่วงปี ค.ศ. 1783-1787 ได้มีการปฏิวัติสาธารณรัฐขึ้นหลายครั้ง โดยกองกำลังรีพับลิกันผู้สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐซึ่งได้ยึดครองเมืองสำคัญต่างๆ ได้ โดยฝั่งผู้สนับสนุนราชวงศ์นั้นได้ความช่วยเหลือทางการทหารจากกองทัพปรัสเซียและในที่สุดได้ยึดการปกครองคืนมากลับมาได้ในปี ค.ศ. 1787 ซึ่งทำให้กองกำลังฝั่งสาธารณรัฐต้องหนีไปฝรั่งเศส และได้กลับมายึดคืนพร้อมชัยชนะจากความช่วยเหลือของกองทัพของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้ขับไล่ผู้ครองหรือสตัดเฮาเดอร์ในสมัยนั้น คือ เจ้าชายวิลเลิมที่ 5 แห่งออเรนจ์ และล้มล้างการปกครองของสาธารณรัฐดัตช์ และก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐบาตาเวียขึ้น (ค.ศ. 1795-1806) ต่อมาภายหลังสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้กลายมาเป็นจักรวรรดิฝรั่งเศสภายใต้แสนยานุภาพของจักรพรรดินโปเลียน จึงทำให้สาธารณรัฐบาตาเวียได้เปลี่ยนการปกครองอีกครั้งกลายเป็นราชอาณาจักรฮอลแลนด์ (ค.ศ. 1806-1810)

ต่อมาเนเธอร์แลนด์ได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1813 ในสนธิสัญญาแองโกล-ดัตช์ ค.ศ. 1814 ได้ใช้ชื่อประเทศว่า"United Provinces of the Netherlands" และ "United Netherlands" ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 ได้ควบรวมดินแดนกับเนเธอร์แลนด์ของออสเตรีย และราชรัฐมุขมณฑลลีแยฌ (หรือเรียกกันว่า​ "เหล่ามณฑลทางใต้" และกลายมาเป็นสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นรัฐกันชนทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1815 บุตรชายของเจ้าชายวิลเลิมที่ 5 แห่งออเรนจ์ ได้แต่งตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าวิลเลิมที่ 1 แห่งเนเธอร์แลนด์ โดยยังเป็นประมุขร่วมให้กับลักเซมเบิร์กด้วยในระหว่างปี ค.ศ. 1815 จนถึงค.ศ. 1890 ต่อมาเบลเยียมได้แยกตนเองเป็นอิสระในปี ค.ศ. 1830 จึงทำให้เนเธอร์แลนด์กลายมาเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์จวบจนปัจจุบัน

Remove ads

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

หนังสืออ่านเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads