อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว

อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมแบบประสมขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ภายในประกอบด้วยศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ศูนย์ศิลปะการแสดง โรงละคร โรงแรมและศูนย์ประชุม เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2535 กาดสวนแก้วประสบปัญหาทางการเงินอย่างต่อเนื่อง แม้จะพยุงสถานะไว้ได้ แต่เมื่อเกิดการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ทำให้เกิดผลกระทบอย่างหนัก จนจำเป็นต้องปิดให้บริการโครงการเกือบทั้งหมด ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2565 และโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้วได้ปิดให้บริการในอีกสามปีถัดมา

อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วในปี พ.ศ. 2563
ที่ตั้ง	21 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่[1]
เปิดให้บริการ	29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535[2]
ปิดให้บริการ	ศูนย์การค้า: 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 (30 ปี)[3] โรงแรม: 3 มกราคม พ.ศ. 2568 (32 ปี)[4]
ผู้บริหารงาน	บริษัท กาดสวนแก้ว 2545 จำกัด
พื้นที่ชั้นขายปลีก	290,000 ตารางเมตร[5]
จำนวนชั้น	ศูนย์การค้า 6 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เอาท์เล็ต 3 ชั้น สำนักงานให้เช่า 5 ชั้น โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว 14 ชั้น
ที่จอดรถ	1,500 คัน

ประวัติ

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วเป็นศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่^[2] ตั้งอยู่ริมถนนห้วยแก้วในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ก่อตั้งโดย ร.ต.ท.สุชัย เก่งการค้า อดีตสถาปนิกประจำกรมตำรวจ^[6] ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมหินสวยน้ำใสที่จังหวัดระยองมาก่อน^[7] โดยสุชัยไม่ต้องการสร้างกาดสวนแก้วเพื่อแข่งขันด้านการค้าแต่เพื่อแข่งขันด้านบริการอันจะนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดของชาวเชียงใหม่และผู้มาเยือน^[8]

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วสร้างบนพื้นที่ 48 ไร่ โดยที่ดินส่วนหนึ่งซื้อต่อมาจากทายาทของเจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่^[9] ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมล้านนา เปลือกนอกของอาคารปูด้วยอิฐสีน้ำตาลเข้ม^[9][10] เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535^[2] โดยใช้เงินลงทุนแรกเริ่มประมาณ 5,000 ล้านบาท^[8] โดยขณะนั้นกาดสวนแก้วเป็นศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย^[10]

การเปิดให้บริการของอุทยานการค้ากาดสวนแก้วเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ห้างสรรพสินค้าตันตราภัณฑ์ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดค้าปลีกเดิมในเมืองเชียงใหม่ต้องปิดสาขาช้างเผือกและท่าแพ พร้อมร่วมทุนกับเซ็นทรัลพัฒนาและห้างสรรพสินค้าโรบินสันในการปรับปรุงสาขาแอร์พอร์ตเป็นเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า ซึ่งปัจจุบันคือศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต^[9][11][12]

การจัดสรรพื้นที่

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วประกอบด้วยพื้นที่สำคัญดังต่อไปนี้

ร้านค้าในกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล

อาคารกาดสวนแก้วเคยเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งเป็นสาขาแรกนอกเขตกรุงเทพมหานคร^[13][14] ซึ่งต่อมาได้ปรับรูปแบบเป็น "เซ็นทรัล เอาท์เล็ต"^[15] นอกจากนี้ยังมีท็อปส์ มาร์เก็ต เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งเดียวของโครงการ^[16]

ศูนย์ความบันเทิง

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วเป็นที่ตั้งของบุลลี่ โบว์ล ซึ่งเป็นสนามโบว์ลิ่งแห่งเดียวในจังหวัดเชียงใหม่^[10][17] บุลลี่ ซิง อะลอง คาราโอเกะ^[16] โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จำนวน 6 โรง^[18] ซึ่งปรับปรุงจากโรงภาพยนตร์วิสต้า กาดสวนแก้ว ที่มีจำนวน 7 โรง^[19][20] และศูนย์ศิลปะการแสดงกาดสวนแก้ว^[21] ซึ่งมีกาดเธียเตอร์^[22] โรงละครเอกชนมาตรฐานระดับสากลแห่งแรกและแห่งเดียวในเขตภาคเหนือ^[23] ความจุ 1,500 ที่นั่ง^[9]

โรงแรมและศูนย์ประชุม

กาดสวนแก้วเป็นที่ตั้งของโรงแรมจำนวนสองแห่ง ได้แก่ บ้านดินกี่^[24] จำนวน 123 ห้อง^[25] และโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว^[26] ซึ่งส่วนของห้องพักแบ่งออกเป็นสองอาคาร คืออาคารสุเทพ จำนวน 420 ห้อง และอาคารห้วยแก้ว จำนวน 246 ห้อง^[27] พร้อมด้วยห้องประชุมสัมมนาจำนวน 23 ห้อง โดยมีห้องบ้านล้านตอง ความจุสูงสุด 3,000 ที่นั่ง เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สุด^[28] นอกจากนี้โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว ยังเป็นที่ตั้งของลิฟท์แก้วแห่งเดียวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีจำนวน 3 ตัว^[29]

พื้นที่อื่น ๆ

นอกจากนี้ โครงการกาดสวนแก้วยังเป็นที่ตั้งของสปอร์ตเวิลด์^[16] สกายฮอลล์ โถงกิจกรรมอเนกประสงค์และลานสเก็ต^[30][31] ซึ่งปรับปรุงจากพื้นที่เดิมซึ่งเคยเป็นบุลลี่ สกาย ไอซ์ ลานสเก็ตน้ำแข็ง^[10][32] และพื้นที่สำนักงานให้เช่าซึ่งปรับปรุงจากศูนย์ห้องค้าหลักทรัพย์เดิม^[9][32] อีกทั้งในบริเวณใกล้เคียงกับอาคารกาดสวนแก้วยังมีตลาดนัดกาดซุ่มมืดอีกด้วย^[33]

การดำเนินงาน

อุทยานการค้ากาดสวนแก้วประสบปัญหาทางการเงินตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดดำเนินการ เพราะสุชัยเป็นผู้บริหารที่มีอารมณ์ศิลปินเต็มตัวจึงไม่สามารถสร้างรายได้จากโครงการเท่าที่ควร^[34] โครงการมีปัญหาหนี้สินและขาดแคลนเงินลงทุนในการปรับปรุงสถานที่^[8][32] กระนั้นกาดสวนแก้วก็ยังพยุงสถานะทางการเงินไว้ได้^[32] และสุชัยไม่ประสงค์จะขายกิจการให้กลุ่มทุนอื่น ๆ เพราะต้องการธำรงไว้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน^[8] แม้ต่อมาเขาจะถูกศาลล้มละลายกลางพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม^[35]

เมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้โครงการได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องปิดให้บริการในส่วนของศูนย์การค้าเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565^[3] โดยก่อนหน้านั้นได้มีการปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อปรับปรุงและร้านค้าในโครงการหยุดดำเนินกิจการไปแล้วกว่าร้อยละ 70^[23] ส่วนโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้วยังเปิดดำเนินการตามปกติ^[36] เนื่องจากเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาใช้บริการหลังการเปิดประเทศ รวมทั้งในส่วนของศูนย์ประชุมมีหน่วยงานราชการและเอกชนมาเช่าเพื่อจัดงานสัมมนาอย่างต่อเนื่อง^[37]

ในปี พ.ศ. 2558 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัท กาดสวนแก้ว 2545 จำกัด เจ้าของโครงการ^[38] โดยตั้งแต่เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด ยกเว้นปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,575 ล้านบาท และปี 2561 มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท^[39] โดยธุรกิจที่สร้างกำไรให้บริษัทในขณะนั้นมาจากโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้วมากที่สุดเนื่องจากมีลูกค้าชาวจีนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก^[40] แต่ในปี 2562 บริษัทก็เริ่มมีผลดำเนินงานขาดทุนอีก โดยสถานะทางการเงินในช่วงสามปีหลังสุดก่อนประกาศปิดบริการชั่วคราว บริษัทขาดทุนสะสมกว่า 184 ล้านบาท^[41]

ต่อมาใน พ.ศ. 2567 ธนาคารกรุงไทย เจ้าหนี้ของอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว ติดป้ายประกาศขายสินทรัพย์ขึ้นตลาดสินทรัพย์มือสองในรหัส 60NN030200058 ประกอบด้วยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง คืออาคารศูนย์การค้าและส่วนของโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว รวมพื้นที่ทั้งหมด 27 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยไม่ระบุราคาจำหน่าย แต่จากการมีผู้เข้าไปสอบถามพบว่าธนาคารกรุงไทยตั้งราคาขายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารยังระบุในประกาศขายว่ายังมีผู้ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ในปัจจุบัน คือโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้วที่ไม่ได้ปิดกิจการตามไปด้วย^[42] อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคมปีถัดมาโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้วก็ได้ปิดกิจการลง เป็นการสิ้นสุดการดำเนินงานทั้งหมดของอุทยานการค้ากาดสวนแก้วอย่างเป็นทางการ^[4]