คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เกียวกูองโฮโซ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
เกียวกูองโฮโซ (ญี่ปุ่น: 玉音放送; โรมาจิ: Gyokuon-hōsō) หรือ "การออกอากาศพระสุรเสียง" เป็นการออกอากาศ "พระราชดำรัสว่าด้วยการสิ้นสุดสงครามมหาเอเชียบูรพา" (ญี่ปุ่น: 大東亜戦争終結ノ詔書; โรมาจิ: Daitōa-sensō-shūketsu-no-shōsho) ของจักรพรรดิฮิโระฮิโตะแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น ทางระบบวิทยุกระจายเสียง โดยทรงประกาศต่อชาวญี่ปุ่นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ยอมรับปฏิญญาพ็อทซ์ดัม ซึ่งต้องการให้ทหารญี่ปุ่นยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชดำรัสดังกล่าวได้รับการเผยแพร่เมื่อเที่ยงวันตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากยุทธการโอะกินะวะ การทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโระชิมะและนะงะซะกิ และการประกาศสงครามต่อญี่ปุ่นของสหภาพโซเวียต
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |

พระราชดำรัสของจักรพรรดิฮิโระฮิโตะอาจถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จักรพรรดิญี่ปุ่นมีพระราชดำรัสแก่สามัญชน แม้ว่าจะเป็นพระราชดำรัสผ่านแผ่นเสียงก็ตาม พระราชดำรัสดังกล่าวเผยแพร่ในรูปแบบทางการและใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ค่อนข้างพ้นสมัยซึ่งใช้กันในราชสำนักจักรพรรดิแต่โบราณ นอกเหนือจากนั้น พระราชดำรัสของจักรพรรดิฮิโระฮิโตะมิได้หมายความถึงการยอมจำนนโดยตรง แต่ตรัสว่าพระองค์ได้พระราชทานคำแนะนำแก่รัฐบาลในการยอมรับข้อตกลงของปฏิญญาพอตสดัมทั้งหมด สิ่งทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้ฟังจำนวนมากซึ่งไม่ทราบว่าญี่ปุ่นได้ยอมจำนนหรือพระจักรพรรดิทรงเรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านการรุกรานของข้าศึกต่อไป คุณภาพเสียงที่ต่ำของการออกอากาศวิทยุ เช่นเดียวกับภาษาอย่างเป็นทางการที่ใช้กันในราชสำนัก เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัย
Remove ads
การออกอากาศ
สรุป
มุมมอง
บรรยากาศระหว่างการเผยแพร่กระแสพระราชดำรัสว่าด้วยการยุติสงครามมหาเอเชียบูรพา ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 (ซ้าย) ประชาชนชาวญี่ปุ่นซึ่งเผชิญภัยจากการโจมตีทางอากาศนั่งคุกเข่ารับฟังการออกอากาศพระราชดำรัส (ขวา) เชลยศึกจากกองทัพที่ 31 ของญี่ปุ่น ซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ที่เกาะกวม ยืนก้มศีรษะรับฟังการออกอากาศพระราชดำรัส
บรรยากาศระหว่างการเผยแพร่กระแสพระราชดำรัสว่าด้วยการยุติสงครามมหาเอเชียบูรพา ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ประชาชนและข้าราชการคุกเข่ารับฟังการออกอากาศพระราชดำรัสหน้าพระราชวังหลวงโตเกียว
พระราชดำรัสนี้มิได้ถูกนำออกอากาศโดยตรง แต่เป็นการเล่นเสียงจากแผ่นเสียงซึ่งได้มีการบันทึกไว้จากพระราชวังหลวงในระหว่างวันที่ 13-14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ทหารญี่ปุ่นหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการที่สมเด็จพระจักรพรรดิกำลังจะยุติสงคราม เนื่องจากพวกเขาถือว่าเป็นการทำให้ประเทศเสื่อมเสียเกียรติยศอย่างยิ่ง ไม่นานหลังจากนั้น นายทหารนับพันนายก็พยายามบุกเข้าไปในพระราชวังหลวงในเย็นวันที่ 14 สิงหาคม เพื่อทำลายแผ่นเสียงนี้ (เหตุการณ์นี้ต่อมาเรียกว่า อุบัติการณ์คิวโจ (Kyūjō Jiken) หรือ "เหตุกบฎในพระราชวังหลวง") แต่แผ่นเสียงได้ถูกลักลอบนำออกจากพระราชวังหลวงไปก่อนแล้ว โดยถูกซุกซ่อนไว้ในในตะกร้าซักผ้า ทำให้สามารถนำไปออกอากาศได้ในวันรุ่งขึ้น
เพื่อบรรเทาความสับสน ในตอนสรุปของพระราชดำรัส ผู้ประกาศวิทยุได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าพระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิหมายความว่า ญี่ปุ่นกำลังจะยอมจำนน ตามข้อมูลของนักหนังสือพิมพ์ชาวฝรั่งเศส โรเบิร์ต กิลเลน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโตเกียว ณ ขณะนั้น บันทึกไว้ว่า หลังจากผู้ประกาศได้สรุปพระราชดำรัสแล้ว ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากก็กลับไปอยู่บ้านหรือสำนักงานธุรกิจของตนเองเป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อที่จะซึมซับและไตร่ตรองความสำคัญของประกาศนั้นอย่างเงียบ ๆ[1]
หลังการออกอากาศบันทึกพระสุรเสียงทรงมีพระราชดำรัสดังกล่าว แผ่นบันทึกเสียงที่ใช้ในการออกอากาศได้สูญหายไปท่ามกลางความโกลาหลหลังการประกาศยอมจำนน แต่ช่างเทคนิคคนหนึ่งของสถานีวิทยุได้ทำสำเนาไว้อย่างลับ ๆ ซึ่งต่อมาได้ส่งมอบให้หน่วยงานของฝ่ายผู้ยึดครองญี่ปุ่น และเป็นต้นฉบับของสำเนาเสียงที่ปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้[2]
Remove ads
ใจความสำคัญ
สรุป
มุมมอง
เนื้อหาหลักของกระแสพระราชดำรัสคือการประกาศการยอมจำนนของญี่ปุ่นโดยจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ อย่างไรก็ตาม คำศัพท์ที่ปรากฏในพระราชดำรัสดังกล่าวเป็นศัพท์สูง ฟังเข้าใจได้ยากยิ่ง คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยในสมัยนั้นก็ยังไม่แน่ใจในความหมายที่แท้จริงในทันที และจากเนื้อความทั้งหมดที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงประกาศ แม้ว่าเนื้อหาหลักคือการยอมจำนนของญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีส่วนใดเลยที่ระบุคำว่า “ยอมแพ้”[3]
เนื้อความที่สื่อว่าญี่ปุ่นยอมแพ้ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิคือ
ปฏิญญาที่พระองค์มีรับสั่งถึง คือ ปฏิญญาพ็อทซ์ดัม ซึ่งสี่ชาติใหญ่ร่วมกันเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข ในตอนนั้น ประชาชนคนไหนไม่รู้จักคำประกาศนี้ ก็อาจไม่เข้าใจชัดเจนในทันทีว่านั่นหมายถึงการยอมแพ้ของญี่ปุ่น[4]
และท้ายที่สุด พระองค์ตรัสถ้อยคำที่มีชื่อเสียงว่า: "แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราจะต้องดำเนินไปตามกระแสแห่งกาลเวลา อดทนในสิ่งที่เหลือจักทานทน ข่มกลั้นในสิ่งที่ยากจักข่มกลั้น เพื่อถากถางปูทางสู่มหาสันติภาพอันจักยั่งยืนสืบไปนับพันปี"
ทั้งนี้ เนื้อหาในพระราชดำรัสได้แปลเป็นภาษาอังกฤษและและออกอากาศไปยังดินแดนโพ้นทะเลของฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลาเดียวกันโดย ฮิระกะวะ ทะดะอิชิ (平川唯一) โดยที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น คณะกรรมาธิการการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Communications Commission: FCC) ได้บันทึกเสียงการออกอากาศครั้งนี้ไว้ และคำแปลภาษาอังกฤษของพระราชดำรัสนี้ได้มีการตีพิมพ์เนื้อหาทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ The New York Times.[5]
Remove ads
เนื้อความในพระราชดำรัสโดยละเอียด
สรุป
มุมมอง
ท้ายเอกสารบันทึกพระราชดำรัสดังกล่าว ทรงลงพระปรมาภิไธยกำกับดังนี้
ต่อจากนั้นเป็นรายชื่อของคณะเสนาบดีผู้ลงนามเป็นพยาน รวม 17 คน
Remove ads
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads