คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่

เจ้าเชียงใหม่ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่
Remove ads

อำมาตย์ตรี เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ (28 พฤษภาคม พ.ศ. 2440 − 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2510) อดีตนายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2504−2508) และเป็นบิดาของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่

ข้อมูลเบื้องต้น เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่, เกิด ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่เป็นบุตรของเจ้าราชวงศ์ (ชมชื่น ณ เชียงใหม่) กับเจ้ากรรณนิกา ณ เชียงใหม่ เมื่อครั้นเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นเจ้ายายเสียชีวิต เจ้ากาวิละวงศ์จึงได้ย้ายไปอยู่กับเจ้าดารารัศมี พระราชชายา พร้อมกับเจ้าเรณุวรรณา ณ เชียงใหม่ ที่เป็นเจ้าพี่ และเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ธิดาเจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่)[1]

เจ้ากาวิละวงศ์ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าดารารัศมี พระราชชายา และถูกส่งไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสพร้อมกับเจ้าลดาคำ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ[ใคร?] พระราชทานทุน[1] เมื่อสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมรถไฟ จาก École nationale des ponts et chaussées ประเทศฝรั่งเศส[2] จึงกลับมายังประเทศไทย และได้สมรสกับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2467 (นับศักราชปัจจุบัน พ.ศ. 2468) มีบุตร 3 คน คือ[3]

  1. เจ้าพงษ์กาวิล ณ เชียงใหม่ สมรสกับงามวิไล (สกุลเดิม สุกัณศีล) และสมรสอีกครั้งกับบุญประกอบ (สกุลเดิม ส่วยสุวรรณ) มีธิดาจากการสมรสครั้งหลังชื่อ กาวิลยา สอนวัฒนา
  2. ศิริกาวิล สิงหรา ณ อยุธยา สมรสกับหม่อมหลวงประสิทธิ์ศิลป์ สิงหรา มีธิดาชื่อ วรางคณา วจะโนภาส
  3. เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ สมรสและหย่ากับพลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชื่อ ทินกร อัศวรักษ์

หลังเจ้าศิริประกายเสียชีวิตไปแล้ว เจ้ากาวิละวงศ์สมรสอีกครั้งกับคุณหญิงถนิม ณ เชียงใหม่ (สกุลเดิม นาวานุเคราะห์) อดีตภรรยาของพระยาสุขุมนัยวินิต (สวาท สุขุม) ใน พ.ศ. 2490 แต่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน

เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ณ วัดธาตุทอง

Remove ads

การทำงาน

สรุป
มุมมอง

เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ เข้ารับราชการเป็นนายช่าง สังกัดกรมรถไฟหลวง[2] และมีส่วนร่วมในการสร้างสะพานพระราม 6 เมื่อปี พ.ศ. 2469 ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นพิเศษ ในพิธีเปิดสะพานในครั้งนั้นด้วย ตำแหน่งหน้าที่ราชการในกรมรถไฟหลวงมีดังนี้

  1. พ.ศ. 2469 : ดำรงตำแหน่ง นายช่างบำรุงทางกรุงเทพ (วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางเขตกรุงเทพ วบข.กท. ในปัจจุบัน)
  2. พ.ศ. 2470 : ดำรงตำแหน่งนายช่างภาค
  3. พ.ศ. 2471 : ย้ายไปปฏิบัติราชการกรมทาง(สมัยนั้นกรมทางขึ้นอยู่กับกรมรถไฟหลวง)และย้ายกลับมาปฏิบัติราชการที่กรมรถไฟหลวงตามเดิม ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
  4. พ.ศ. 2475 : ดำรงตำแหน่งนายช่างบำรุงทางปราจีนบุรี
  5. พ.ศ. 2476 : ดำรงตำแหน่งนายช่างภาค กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง และย้ายไปรับราชการกระทรวงวัง เดือนมิถุนายน 2476

ในสมัยที่เจ้ากาวิละวงศ์รับราชการในสังกัดกรมทางหลวง ดำรงตำแหน่งนายช่างกำกับการภาคอิสาณ ขอนแก่น ท่านได้เป็นผู้ออกแบบและอำนวยการก่อสร้างสะพานข้ามลำโดมใหญ่ในทางหลวงแผ่นดินสายวารินชำราบ-ช่องเม็ก (ปัจจุบันคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 217 ถนนสถิตนิมานการ) ซึ่งตั้งอยู่ในช่วงกิโลเมตรที่ 33 ก่อนถึงอำเภอพิบูลมังสาหารประมาณ 10 กิโลเมตร จนสำเร็จ รัฐบาลไทยจึงประกาศให้ขนานนามสะพานนี้ว่า "สะพานกาวิละวงศ์" เมื่อ พ.ศ. 2493 เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน[4] สะพานแห่งนี้ทำเป็นรูปสะพานโค้ง ถือเป็นสะพานที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กที่ไม่มีเสากลางเป็นแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี นับว่าเป็นของแปลกใหม่สำหรับชาวจังหวัดอุบลราชธานีในยุคนั้น[5] โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อบ้านสะพานโดม ตำบลแก่งโดม อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี กับบ้านสะพานโดม ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันสะพานที่เจ้ากาวิละวงศ์ออกแบบไว้ได้ถูกรื้อถอนแล้วและกรมทางหลวงได้ก่อสร้างใหม่โดยเปลี่ยนแปลงแบบทั้งหมดเพื่อรองรับการจราจรซึ่งขยายตัวขึ้นตามกาลเวลา

เจ้ากาวิละวงศ์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหม่อมราชวงศ์จักรทอง ทองใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2502[6] และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ในระหว่างปี พ.ศ. 2504 ถึงปี พ.ศ. 2508

เจ้ากาวิละวงศ์เคยเป็นผู้จัดการตลาดวโรรส ในยุคที่เป็นตลาดของตระกูล ณ เชียงใหม่[7]

Remove ads

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

ต่างประเทศ

ลำดับสาแหรก

ข้อมูลเพิ่มเติม พงศาวลีของเจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ ...
Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads