คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
แอร์บัส เอ319
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
แอร์บัส เอ319 (อังกฤษ: Airbus A319) เป็นรุ่นของอากาศยานไอพ่นลำตัวกว้างพิสัยสั้นถึงปานกลางในตระกูลแอร์บัส เอ320 ที่ผลิตและออกแบบโดยแอร์บัสแอสอาแอส เอ319 มีความจุผู้โดยสาร 124 ถึง 156 ที่นั่งและมีพิสัยการบินสูงสุดที่ 3,700 ไมล์ทะเล (6,900 กม.; 4,300 ไมล์) แอร์บัสเริ่มผลิตเอ319 ในปี 2017 โดยมีฐานการผลิตหลักขั้นสุดท้ายอยู่ที่ฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี และเทียนจิน ประเทศจีน
เอ319 เป็นรุ่นที่มีลำตัวสั้นลงของแอร์บัส เอ320 โดยเข้าประจำการในเดือนเมษายน ค.ศ. 1996 กับสวิสแอร์ ประมาณสองปีหลังจากแอร์บัส เอ321 และแปดปีหลังจากเอ320 ดั้งเดิม เอ319 มีระดับการอนุญาตการบินเฉพาะรุ่นเดียวเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ320 อื่นๆ ทั้งหมด ทำให้นักบินที่มีใบอนุญาตสำหรับการบินเอ320 อยู่สามารถทำการบินบนเอ319 ได้โดยไม่จำเป็นต้องฝึกอบรมเพิ่มเติม
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 แอร์บัสได้ประกาศเปิดตัวเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ320นีโอ (Neo; New Engine Option) โดยเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องบินตระกูลเอ320 เดิม หนึ่งในนั้นคือรุ่นเอ319นีโอ ที่มีลำตัวสั้นลงเหมือนกับเอ319 เดิม แต่จะใช้เครื่องยนต์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ผสมผสานกับการปรับปรุงโครงสร้างเครื่องบินและการใช้ปลายปีกแบบชาร์กเลต ทำให้แอร์บัส เอ319นีโอสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ยอดขายสำหรับเอ319นีโอนั้นต่ำกว่าเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ในตระกูลเอ320นีโอมาก โดยมีคำสั่งซื้อประมาณ 1% ของเครื่องบินทั้งตระกูล
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 มีการสร้างแอร์บัส เอ319 ทั้งหมด 1,501 ลำ โดยมี 1,359 ลำให้บริการอยู่กับ 90 สายการบิน นอกจากนี้ยังมีเอ319 ที่อยู่ระหว่างการสั่งซื้อสายการบินอีก 47 ลำ อเมริกันแอร์ไลน์เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดโดยมีเอ319ซีอีโอจำนวน 133 ลำในฝูงบิน
Remove ads
การพัฒนา
สรุป
มุมมอง
ภูมิหลัง
รุ่นแรกของเครื่องบินตระกูลเอ320 ก็คือแอร์บัส เอ320 ซึ่งเปิดตัวในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1984 และบินครั้งแรกในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1987[2] ต่อมาได้มีการขยายลำตัวของเอ320 เพื่อให้สามารถจุผู้โดยสารได้มากขึ้น จึงมีการสร้างแอร์บัส เอ321 (ส่งมอบครั้งแรกในปี 1994) และลดขนาดลำตัวของเอ320 เป็นแอร์บัส เอ319 (1996) และย่อลงอีกเป็นแอร์บัส เอ318 (2003) เครื่องบินตระกูลเอ320 จะใช้ระบบการบินแบบฟลาย-บาย-ไวร์ และใช้การควบคุมผ่านแท่นควบคุม อ้างอิงจากเดอะนิวยอร์กไทม์ส แอร์บัสได้พัฒนาเอ319 ตามคำขอของ Steven Udvar-Hazy อดีตประธานและซีอีโอของไอแอลเอฟซี[3]
จุดเริ่มต้นและลักษณะ
แอร์บัส เอ319 มีลักษณะคล้ายกับเอ320 โดยมีการลดความยาวของลำตัวเครื่องลง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเครื่องบินเอเอ1 ขนาด 130 ถึง 140 ที่นั่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยอากาศยานลำตัวแคบของแอร์บัส[4] โครงการเอสเอ1 ถูกพับไปหลังแอร์บัสมุ่งความสนใจไปที่เครื่องบินขนาดใหญ่กว่าแทน แอร์บัสก็มุ่งความสนใจไปที่โครงการเอ320เอ็ม-7 อีกครั้ง หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจำหน่ายเอ320 และเอ321 โดยเป็นโครงการที่จะลดขนาดลำตัวของเอ320 เดิมไปเจ็ดเฟรม[5] และจะทำให้เกิดการแข่งขันโดยตรงสำหรับโบอิง 737-300/-700[4] โดยจะนำโครงสร้างเครื่องบินด้านหน้าปีกออกสี่เฟรม และด้านหลังปีกอีกสามเฟรม จนมีความยาวเหลือเพียง 3.73 เมตร (12 ฟุต 3 นิ้ว)[6][7] นอกจากนี้แล้วยังมีการลดจำนวนประตูทางออกฉุกเฉินเหนือปีกจากสี่เหลือสองบาน เอ319 ที่มีการจัดเรียงที่นั่งแบบหนาแน่น เช่น การจัดเรียงที่นั่งชั้นประหยัด 156 ที่นั่งของอีซี่ย์เจ็ตจะยังคงมีประตูทางออกฉุกเฉินเหนือปีกสี่บานเช่นเดิม[8] ประตูบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ถูกแทนที่ด้วยประตูตู้สินค้าด้านท้าย ซึ่งสามารถบรรจุตู้สินค้า LD3-45 ที่ดัดแปลงความสูงลงแล้วได้[7] และยังมีการปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์เล็กน้อยให้เข้ากับลักษณะของเครื่องบินที่เปลี่ยนไป เอ319 จะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ระหว่าง ซีเอฟเอ็ม56-5เอ หรือ ไอเออี วี2500-เอ5 ที่ให้แรงผลักดัน 98 kN (22,000 lbf)และตัวเลือกที่จะเพิ่มเป็น 105 kN (24,000 lbf) ได้[9]
เอ319 จะติดตั้งถังเชื้อเพลิงคล้ายกับบนเอ320-200 และด้วยความจุผู้โดยสารที่น้อยกว่า จึงมีพิสัยการบินถึง 6,650 km (3,590 nmi) หรือ 6,850 km (3,700 nmi) เมื่อติดตั้งปลายปีกแบบชาร์กเลต ความยาวปีกของเอ319 นั้นยาวกว่าความยาวของเครื่องบินโดยรวม
การผลิตและทดสอบ
แอร์บัสเริ่มการขายเอ319 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 โดยมีไอแอลเอฟซีเป็นลูกค้ารายแรกที่สั่งซื้อไปทั้งหมดหกลำ[10] แอร์บัสได้มีการปรับราคาเป็น 275 ล้านเหรียญสหรัฐ (250 ล้านยูโร) ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1993 หลังมีรายงานถึงความต้องการสั่งซื้อเอ319 ของสวิสแอร์และอาลีตาเลีย[10][11] ในวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1995 เอ319 ลำแรกได้เข้ากระบวนการประกอบขั้นสุดท้ายในโรงงานที่ฮัมบาร์ค และได้เปิดตัวในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1995 และทำการบินครั้งแรกในวันถัดไป[12] กระบวนการทดสอบเพื่อรับใบอนุญาตใช้เครื่องบินสองลำกับอีก 350 เที่ยวบินทดสอบ โดยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ซีเอฟเอ็ม56-5บี6/2 ได้รับการรับรองในเดือนเมษายน ค.ศ. 1996 และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์วี2524-เอ5 ได้รับการรับรองในอีกหนึ่งเดือนถัดมา[13]
สวิสแอร์ได้รับมอบแอร์บัส เอ319 ลำแรกในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1996 และเข้าประจำการภายในเดือนนั้น[13] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1997 แอร์บัส เอ319 ได้ทำลายสถิติขณะทำการบินเที่ยวบินส่งมอบ โดยได้ทำการบินในเส้นทางรอบวงกลมใหญ่จากฮัมบวร์คสู่วินนิเพก รัฐแมนิโทบาเป็นระยะทาง 3,588 ไมล์ทะเล (6,645 กิโลเมตร) ด้วยระยะเวลา 9 ชั่วโมง 5 นาที[13] แอร์บัส เอ319 hได้รับความนิยมในสายการบินราคาประหยัด เช่น อีซี่ย์เจ็ต ที่รับมอบไป 172 ลำ
Remove ads
รุ่น
สรุป
มุมมอง
เอ319-100

แอร์บัส เอ319 หรือที่เรียกว่า เอ320M-7 เป็นรุ่นย่อของแอร์บัส เอ320 โดยมีความยาวลำตัวอยู่ที่ 3.73 ม. (12 ฟุต 3 นิ้ว)[14][15][16] โดยได้มีการถอดลำตัวเครื่องออกสี่เฟรม บริเวณด้านหน้าของปีกและสามเฟรมที่ท้ายปีกออก ด้วยความจุเชื้อเพลิงที่ใกล้เคียงกับ เอ320-200 และจำนวนผู้โดยสารที่น้อยลง สามารถจุผู้โดยสารได้ 124 คนในการจัดเรียงที่นั่งแบบสองชั้น ในพิสัยการบิน 6,650 กม. (3,590 nmi) หรือ 6,850 กม. (3,700 nmi) ด้วย "ชาร์กเล็ท" แม้ว่าจะใช้เครื่องยนต์เหมือนกับของเอ320 แต่เครื่องยนต์เหล่านี้ถูกลดแรงผลักดันลงเนื่องจากน้ำหนักขึ้นบินสูงสุดที่ต่ำกว่าของแอร์บัส เอ319
แอร์บัสได้มีการส่งมอบแอร์บัส เอ319ซีอีโอ ทั้งหมด 1,460 ลำ โดยเหลืออีก 24 ลำที่สั่งซื้อ ณ วันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2017[17] ในปี 2018 ราคาตามรายการของเอ319 อยู่ที่ 92.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[18]
เอ319ซีเจ

แอร์บัส เอ319ซีจี หรือ แอร์บัส เอซีเจ319 "เอเลแกนซ์" เป็นรุ่นเครื่องบินองค์กรที่พัฒนาต่อจากแอร์บัส เอ319 โดยมีการติดตั้งถังน้ำมันเพิ่มเติมในบริเวณช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โดยเป็นถังที่สามารถนำออกได้ มีการเพิ่มเพดานบินเป็น 12,500 m (41,000 ft).[19] และเพิ่มพิสัยการบินเป็น 6,000 ไมล์ทะเล (11,100 กิโลเมตร)[20][21] เอ319ซีเจสามารถดัดแปลงกลับเป็นเอ319 ธรรมดาได้โดยการนำถังเชื้อเพลิงเติมออกและจัดเรียงห้องโดยสาร เดิมเอ319ซีเจใช้ชื่อภายใต้แอร์บัสคอปอเรทเจ็ตว่าแอร์บัส เอซีเจ319
เอ319ซีเจสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุด 39 คน โดยส่วนมากจะจัดเรียงห้องโดยสารตามลูกค้า เอ319ซีเจแข่งขันกับเครื่องบินองค์กรอื่นๆ เช่น โบอิง 737-700บีบีเจ เอ็มบราเออร์ ลีเนียจ 1000 กัลฟ์สตรีม จี650 กัลฟ์สตรีม จี550 และบอมบาร์ดิเอร์ โกลบอล 6000 เอ319ซีเจถูกใช้เป็นเครื่องบินประจำรัฐบาลของแอลแบเนีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน บราซิล บัลแกเรีย เช็กเกีย เยอรมนี อิตาลี[22] มาเลเซีย สโลวาเกีย ไทย ตุรกี ยูเครน และเวเนซุเอลา
ในปี 2014 แอร์บัสได้เปิดตัวห้องโดยสารแบบ เอเลแกนซ์ บนเอซีเจ319 โดยจะเอื้อต่อการปรับเปลี่ยนห้องโดยสารและลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง[23]
เอ319แอลอาร์

แอร์บัส เอ319แอร์อาร์ เป็นรุ่นพิสัยไกลของแอร์บัส เอ319 โดยทั่วไปเอ319แอลอาร์ จะมีพิสัยการบินเพิ่มถึง 4,500 ไมล์ทะเล (8,300 กิโลเมตร)[24] กาตาร์แอร์เวย์เป็นผู้ให้บริการรายแรก โดยสั่งซื้อและให้บริการเอ319-100แอลอาร์จำนวนสองลำ[25] ต่อมาพริวัตแอร์ได้รับมอบเอ319แอลอาร์สองลำในปี 2003[26] และยูโรฟลายรับมอบอีกสองในปี 2005[27]
เอ319นีโอ

เอ319นีโอเป็นรุ่นย่อของแอร์บัส เอ320 โดยที่มีความจุผู้โดยสารสูงสุด 160 ที่นั่งในการจัดเรียงที่นั่งแบบหนึ่งชั้น รือ 140 ที่นั่งในการจัดเรียงแบบสองชั้นโดยสาร โดยมีพิสัยการบิน 3,750 ไมล์ทะเล (6,940 กม.) และประสิทธิภาพการบินที่ดีขึ้น ในขณะที่รุ่นเอซีเจ (แอร์บัสคอปอเรทเจ็ต) สามารถบรรทุกผู้โดยสาร 8 คนด้วยพิสัยการบิน 6,750 ไมล์ทะเล (12,500 กม.) หรือเวลาบินกว่า 15 ชั่วโมง[28]
ลูกค้าเปิดตัวของรุ่นเอ319นีโอในช่วงแรกคือกาตาร์แอร์เวย์ แต่สายการบินได้เปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อเป็นรุ่นเอ320นีโอ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในปลายปี ค.ศ. 2013[29] ทำให้ไม่มีผู้เปิดตัวรายใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งสปิริตแอร์ไลน์ได้สั่งซื้อเครื่องบินเอ319นีโอใหม่จำนวน 47 ลำ[30][31] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 ไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์รับมอบเอ319 นีโอลำแรกและกลายเป็นลูกค้าเปิดตัวของรุ่น[32]
แอร์บัส เอ319นีโอไม่ได้รับความสนใจมากนัก ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ยอดสั่งซื้อของเอ319นีโอ มีน้องกว่าเอ220 ที่เทียบเท่ากันมาก หลังจากเจ็ตบลูแอร์เวย์และบรีซแอร์เวย์สั่งซื้อเอ220 จำนวน 60 ลำ[33] นอกจากนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 แอร์บัสยืนยันว่า แม้ว่าคำสั่งซื้อจะน้อยลงเนื่องจากมีการแข่งขันกับเอ220-300 แอร์บัสก็ไม่มีแผนที่จะยุติการผลิตเอ319นีโอ[34]
รุ่นทางการทหาร
เอ319 MPA
แอร์บัส เอ319 MPA (Maritime Patrol Aircraft) เป็นรุ่นทางการทหารที่พัฒนาต่อจากแอร์บัส เอ319 โดยได้เริ่มพัฒนาในปี 2018[35] โดยแอร์บัสดีเฟนส์แอนด์สเปซ[36] เพื่อแข่งขันกับโบอิง พี-8 โพไซดอนเป็นรุ่นที่พัฒนามาจากโบอิง 737 เน็กซต์เจเนอเรชันที่ผลิตในสหรัฐ
เอ319 OH
แอร์บัส เอ319 OH "Offener Himmel" เป็นรุ่นทางการทหารที่พัฒนาต่อจากแอร์บัส เอ319ซีเจ รุ่นนี้จะติดตั้งเซ็นเซอร์ไฟฟ้าออปติคัล กล้อง EO-S/กล้องดิจิตอล และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR-S)[37]
ลุฟท์ฮันซ่าเทคนิคออกแบบเอ319 OH สำหรับกองทัพอากาศเยอรมันซึ่งใช้ในการปฏิบัติภารกิจสอดแนมตามสนธิสัญญาการเปิดน่านฟ้า ทุกๆ ปีกองทัพอากาศเยอรมันจะมีแผนการใช้งานเครื่องรุ่นนี้ 20 ภารกิจ และจะมีการเช่าให้กับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการใช้งานเครื่องบินลำนี้
Remove ads
ผู้ให้บริการ
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 มีแอร์บัส เอ319 ทั้งหมด 1,359 ลำ (รุ่นซีอีโอ 1342 ลำ และรุ่นนีโอ 17 ลำ) ให้บริการกับ 90 สายการบินโดยมีอเมริกันแอร์ไลน์และอีซี่ย์เจ็ตเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น โดยมีอ319ประจำการทั้งหมด 133 ลำ และ 96 ลำตามลำดับ แอร์บัส เอ319 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเครื่องบินตระกูลเอ320 ในการดำเนินการโดยรัฐบาล เครื่องบินผู้บริหารและเครื่องบินส่วนตัว โดยมีเครื่องบิน 84 ลำที่ประจำการในลักษณะนี้[1]
คำสั่งซื้อและการส่งมอบ
อุบัติเหตุและอุบัติการณ์สำคัญ
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 ได้มีอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ทางการบินที่เกี่ยวข้องกับแอร์บัส เอ319 ทั้งหมด 23 ครั้ง[38] โดยห้าครั้งส่งผลให้สูญเสียเครื่องบิน[39] แต่ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต[40]
- 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2018: เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 8633 เครื่องบินแอร์บัส เอ319-133 ทะเบียน B-6419 ได้เปลี่ยนเส้นทางเพื่อลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูซวงหลิว หลังจากกระจกห้องนักบินบานหนึ่งระเบิดออกระหว่างไต่ระดับ โดยที่ครึ่งตัวบนของนักบินผู้ช่วยถูกดูดออกไปนอกเครื่องบิน นักบินสามารถนำเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย โดยมีเพียงนักบินและลูกเรือเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ
Remove ads
ข้อมูลจำเพาะ

Remove ads
เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน
รุ่นที่ใกล้เคียงกัน
เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads