คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ประเทศโรดีเชีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประเทศโรดีเชีย
Remove ads

โรดีเชีย (อังกฤษ: Rhodesia;[a] โชนา: Rodizha) มีชื่ออย่างเป็นทางการตั้งแต่ ค.ศ. 1970 ว่า สาธารณรัฐโรดีเชีย (อังกฤษ: Republic of Rhodesia)[2][3] เป็นรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองในภูมิภาคแอฟริกาใต้ที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 1965 ถึง ค.ศ. 1979 ตลอดสิบสี่ปีของการดำรงเป็นประเทศ โรดีเชียมีสถานะเป็นรัฐสืบทอดจากอาณานิคมเซาเทิร์นโรดีเชียของสหราชอาณาจักรโดยพฤตินัย จนกระทั่งใน ค.ศ. 1980 ประเทศจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศซิมบับเวเฉกเช่นปัจจุบัน

ข้อมูลเบื้องต้น สถานะ, เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด ...

เซาเทิร์นโรดีเชียได้รับสิทธิในการปกครองตนเองตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลรับผิดชอบ (responsible government) ใน ค.ศ. 1923 โดยเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับประเทศบอตสวานา (เบชวานาแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักรจนถึง ค.ศ. 1966) ทางทิศตะวันออกติดกับประเทศโมซัมบิก (มณฑลของโปรตุเกสจนถึง ค.ศ. 1975) ประเทศแอฟริกาใต้ทางทิศใต้ และประเทศแซมเบียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โรดีเชียเป็นหนึ่งในสองประเทศเอกราชในแอฟริกาแผ่นดินใหญ่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยผิวขาวที่มีเชื้อสายและวัฒนธรรมยุโรปนับตั้งแต่ ค.ศ. 1965 ถึง ค.ศ. 1979 โดยอีกแห่งคือประเทศแอฟริกาใต้

ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ดินแดนทรานส์วาลทางตอนเหนือเป็นเขตเช่าของบริษัทแอฟริกาใต้ของบริเตนที่นำโดยเซซิล โรดส์ โดยโรดส์และกองกำลังของเขา (Pioneer Column) เดินทัพขึ้นเหนือใน ค.ศ. 1890 และยึดครองดินแดนขนาดใหญ่ที่บริษัทปกครองจนถึงต้นทศวรรษ 1920 ต่อมาใน ค.ศ. 1923 สัญญาเช่าของบริษัทถูกเพิกถอนและเซาเทิร์นโรดีเชียได้รับอำนาจปกครองตนเอง รวมถึงมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติ จากนั้นในช่วง ค.ศ. 1953 ถึง ค.ศ. 1963 เซาเทิร์นโรดีเชียได้รวมกับนอร์เทิร์นโรดีเชียและนยาซาแลนด์เพื่อก่อตั้งเป็นสหพันธรัฐโรดีเชียและนยาซาแลนด์

การให้เอกราชแอฟริกาที่ดำเนินขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายทศวรรษ 1950 ถึงต้นทศวรรษ 1960 สร้างความกังวลให้กับประชากรผิวขาวในเซาเทิร์นโรดีเชีย เพื่อชะลอการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปกครองของคนผิวดำ รัฐบาลเซาเทิร์นโรดีเชียที่นำโดยคนผิวขาวจึงได้ประกาศเอกราชฝ่ายเดียวจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1965 ประเทศใหม่ซึ่งเรียกว่าโรดีเชียนี้พยายามขอการรับรองในฐานะสมาชิกเครือจักรภพ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนสถานะเป็นสาธารณรัฐใน ค.ศ. 1970

ภายหลังการประกาศเอกราชใน ค.ศ. 1965[4] คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติเรียกร้องให้นานาประเทศไม่รับรองเอกราชของโรดีเชีย กอปรกับพรรคชาตินิยมแอฟริกา 2 พรรค ได้แก่ สหภาพประชาชนแอฟริกาแห่งซิมบับเว (ZAPU) และสหภาพแห่งชาติแอฟริกาแห่งซิมบับเว (ZANU) ได้เริ่มทำสงครามกองโจรเพื่อต่อต้านรัฐบาล อันเป็นการเริ่มต้นของสงครามโรดีเชีย การคว่ำบาตรทางการค้าและแรงกดดันทางการทูต ทำให้เอียน สมิธ นายกรัฐมนตรีโรดีเชีย ยินยอมให้มีการปกครองโดยกลุ่มชนส่วนใหญ่ใน ค.ศ. 1978 อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวแบบพหุเชื้อชาติ ซึ่งสมิธถูกแทนที่โดยผู้นำสายกลาง อาเบิล มูโซเรวา ไม่สามารถทำให้นักวิจารณ์ระดับนานาชาติพอใจหรือยุติสงครามได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1979 มูโซเรวาจึงได้เจรจาข้อตกลงกับสหภาพประชาชนแอฟริกาและสหภาพแห่งชาติแอฟริกา ทำให้โรดีเซียกลับคืนสู่สถานะอาณานิคมชั่วคราว และจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร สหภาพแห่งชาติแอฟริกาชนะการเลือกตั้งใน ค.ศ. 1980 และประเทศได้รับการรับรองเอกราชในระดับนานาชาติในเดือนเมษายนปีเดียวกันในชื่อ "ซิมบับเว"

เมืองที่ใหญ่ที่สุดของโรดีเชีย คือ ซอลส์บรี (มีสถานะเป็นเมืองหลวง ปัจจุบันคือฮาราเร) และบูลาวาโย ช่วงก่อน ค.ศ. 1970 สภานิติบัญญัติเป็นระบบสภาเดียวที่มีผู้แทนชนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ โดยมีที่นั่งจำนวนน้อยสำหรับผู้แทนชนผิวดำ แต่หลังการประกาศเป็นสาธารณรัฐใน ค.ศ. 1970 สภานิติบัญญัติถูกแทนที่ด้วยระบบสองสภา ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ระบบสองสภานี้ยังคงใช้อยู่ในซิมบับเวหลัง ค.ศ. 1980 นอกเหนือจากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ โรดีเชียได้ปกครองตามระบบเวสต์มินสเตอร์ที่ได้รับมาจากสหราชอาณาจักร โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐเชิงพิธีการ และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ

Remove ads

หมายเหตุ

  1. /rˈdʒə/ roh-dee-zhə, /rˈdʃə/ roh-dee-shə[1]

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads