คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

กระเปาะลำไส้ใหญ่อักเสบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กระเปาะลำไส้ใหญ่อักเสบ
Remove ads

กระเปาะลำไส้ใหญ่อักเสบ[4] หรือ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ[5] หรือ ถุงลำไส้อักเสบ[6] (อังกฤษ: diverticulitis, colonic diverticulitis) เป็นโรคทางเดินอาหารที่มีลักษณะเฉพาะคือการอักเสบของถุงยื่นผิดปกติที่เรียกว่า กระเปาะลำไส้ (อังกฤษ: diverticula) ที่เกิดขึ้นตามผนังลำไส้ใหญ่[1] อาการมักรวมถึงการปวดท้องน้อยอย่างฉับพลัน แต่อาจค่อย ๆ เป็นภายในไม่กี่วัน[1] อาจมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรือท้องผูกร่วมด้วย[1] การมีไข้หรือมีเลือดในอุจจาระบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน[1] อาจเกิดอาการเพียงครั้งเดียว อาจกำเริบซ้ำ ๆ หรืออาจเป็นแบบ "คุกกรุ่น" (อังกฤษ: smoldering) ไปอย่างต่อเนื่อง[2][7][8]

ข้อมูลเบื้องต้น กระเปาะลำไส้ใหญ่อักเสบ (diverticulitis), ชื่ออื่น ...

สาเหตุของโรคยังไม่ชัดเจน[1] ปัจจัยเสี่ยงอาจรวมถึงโรคอ้วน การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ ประวัติในครอบครัว และยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs)[1][2] อาหารที่มีกากน้อยเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือไม่นั้นยังไม่ชัดเจน[2] การมีถุงยื่นในลำไส้ใหญ่ที่ไม่อักเสบเรียกว่า ภาวะมีกระเปาะลำไส้ (diverticulosis)[1] จากนี้ประมาณ 10–25% จะเกิดการอักเสบเพราะติดเชื้อแบคทีเรีย[2][9] การวินิจฉัยโดยทั่วไปทำด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่การตรวจเลือด, การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หรือการถ่ายเอกซเรย์ลำไส้ใหญ่โดยสวนแบเรียม (lower gastrointestinal series[A]) ก็อาจช่วยด้วย[1] โรคที่ต้องวินิจฉัยแยกรวมถึงกลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น[2]

การป้องกันโรครวมถึงการเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงเช่น ลดความอ้วน ออกกำลังกาย และเลิกสูบบุหรี่[2] ยาเมซาลาซีนและ rifaximin ดูเหมือนจะช่วยป้องกันการกำเริบในผู้ที่มีกระเปาะลำไส้ได้[2] การหลีกเลี่ยงถั่วและเมล็ดพืชเพื่อป้องกันไม่แนะนำอีกต่อไป เพราะไม่มีหลักฐานว่ามีส่วนกระตุ้นให้กระเปาะลำไส้อักเสบ[1][10] ในรายที่อักเสบเล็กน้อย แนะนำให้รับยาปฏิชีวนะและทานอาหารเหลว[1] ในรายที่รุนแรง อาจต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ เข้าโรงพยาบาล และงดอาหารและเครื่องดื่มโดยสิ้นเชิง[1] ยาโปรไบโอติกส์ยังไม่ชัดเจนว่ามีประโยชน์[2] ภาวะแทรกซ้อน เช่นการเกิดฝี (abscess) การเกิดทางทะลุระหว่างอวัยวะ (fistula) การทะลุ (perforation) ที่ลำไส้อาจต้องผ่าตัด[1]

โรคนี้พบอย่างสามัญในประเทศตะวันตก แต่พบน้อยในแอฟริกาและเอเชีย[1] ในประเทศตะวันตก ประมาณ 35% ของประชากรมีกระเปาะลำไส้ เทียบกับ 1% ในชนบทแอฟริกา[9] จากนี้ประมาณ 4–15% อาจเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบได้[3] ในอเมริกาเหนือและยุโรป มักปวดท้องที่ด้านซ้ายล่าง (ลำไส้ใหญ่ส่วนคด) แต่ในเอเชีย มักเกิดทางด้านขวา (ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น)[2][11] โรคเกิดบ่อยขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จาก 5% สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 40 ปีไปจนถึง 50% สำหรับผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี[12][1] โรคนี้ยังเกิดเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาคของโลก[2] ในยุโรปปี 2003 มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 13,000 คน[2] เป็นโรคทางกายวิภาคที่พบบ่อยที่สุดของลำไส้ใหญ่[2] ในปี 2013 ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรคกระเปาะลำไส้ในสหรัฐอเมริกาสูงถึงประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 74,000 ล้านบาท) ต่อปี[2]

Remove ads

อาการ

สรุป
มุมมอง

โรคกระเปาะลำไส้อักเสบมักแสดงเป็นอาการปวดท้องเฉียบพลันบริเวณช่องท้องส่วนล่าง[1] ผู้ป่วยมักมีค่า "ซี-รีแอคทีฟ โปรตีน" สูงและมีจำนวนเม็ดเลือดขาวสูง[13] ในเอเชีย อาการปวดมักเกิดทางด้านขวา คือลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ในอเมริกาเหนือและยุโรป มักเกิดทางด้านซ้ายล่าง คือลำไส้ใหญ่ส่วนคด[2][11] อาจมีไข้ คลื่นไส้ ท้องเสีย หรือท้องผูกร่วมด้วย อาจมีเลือดในอุจจาระ[1] กระเปาะลำไส้สัมพันธ์กับการถ่ายอุจจาระบ่อยกว่าปกติ ซึ่งขัดกับความเชื่อที่แพร่หลายว่า ผู้มีกระเปาะลำไส้จะท้องผูก[14]

ภาวะแทรกซ้อน

Thumb
พยาธิสภาพของลำไส้ใหญ่ที่ผ่าตามยาว (เยื่อบุด้านในอยู่ด้านบน เยื่อหุ้มด้านนอกอยู่ล่าง) แสดงกระเปาะลำไส้อักเสบที่มีฝีสองแห่ง (ลูกศรสีขาว) สีเข้มทางด้านขวาเป็นเครื่องหมาย/รอยสักที่ทำอาศัยกล้องบนลำไส้ใหญ่ก่อนหน้านี้เพื่อระบุตำแหน่ง

ในกระเปาะลำไส้อักเสบที่มีภาวะแทรกซ้อน กระเปาะลำไส้อาจแตก ทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่ออกจากลำไส้สู่ภายนอกได้ หากการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังเยื่อบุช่องท้อง ก็จะเกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ บางครั้ง กระเปาะที่อักเสบอาจทำให้ลำไส้ตีบ ส่งผลให้เกิดภาวะลำไส้อุดตัน ในบางราย ลำไส้ส่วนที่อักเสบอาจยึดกับกระเพาะปัสสาวะหรืออวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกราน (pelvic cavity) ทำให้เกิดทางทะลุ (fistula) คือช่องเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างอวัยวะกับโครงสร้างหรืออวัยวะข้างเคียง คือลำไส้ใหญ่กับอวัยวะที่อยู่ติดกัน

พยาธิสภาพที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึง[15]

Remove ads

สาเหตุและการป้องกัน

สรุป
มุมมอง

สาเหตุของกระเปาะลำไส้อักเสบยังไม่ชัดเจน การเกิดกระเปาะลำไส้คาดว่าเกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างอายุกับอาหาร จุลชีพในลำไส้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรม การเคลื่อนไหวของลำไส้ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของลำไส้ใหญ่[16]

ปัจจัยเสี่ยง

พันธุกรรม

การทบทวนปี 2021 ประมาณว่า 50% ของความเสี่ยงการเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม[17] การศึกษาปี 2012 ประมาณว่า ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนราว 40% ของสาเหตุ โดยสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีร่วมกัน (ในครอบครัวเดียวกัน) มีส่วน 60%[18]

การมีปัญหาสุขภาพอื่นร่วมด้วย

ภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง และการกดภูมิคุ้มกัน[19] ระดับวิตามินดีต่ำสัมพันธ์กับความเสี่ยงการเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบที่เพิ่มขึ้น[20][21]

ความถี่การถ่ายอุจจาระ

การศึกษาปี 2022 พบว่า การถ่ายอุจจาระบ่อยดูเหมือนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดกระเปาะลำไส้ใหญ่อักเสบในอนาคตทั้งในชายหญิง[22][23]

น้ำหนักตัว

โรคอ้วนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อกระเปาะลำไส้อักเสบ[24] มีงานศึกษาบางงานที่พบสหสัมพันธ์ของความชุกกระเปาะลำไส้อักเสบที่สูงขึ้นกับน้ำหนักเกินและโรคอ้วน[25][26] แต่ก็ยังไม่ยุติว่านี่เป็นเหตุหรือไม่[27]

อาหาร

บทบาทของเส้นใยอาหารต่อกระเปาะลำไส้อักเสบยังไม่ชัดเจน[24] แม้มักจะกล่าวว่า การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยเป็นปัจจัยเสี่ยง แต่หลักฐานสนับสนุนจริง ๆ ก็ยังไม่ชัดเจน[24] การศึกษาปี 2012 พบว่าอาหารที่มีกากใยสูงและการขับถ่ายบ่อยขึ้นกลับสัมพันธ์กับความชุกโรคที่สูงขึ้น ไม่ใช่ลดลง[28]

ไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่าการหลีกเลี่ยงถั่วและเมล็ดพืชช่วยป้องกันไม่ให้กระเปาะลำไส้ลุกลามไปเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลันได้[10][29] จริง ๆ แล้ว การบริโภคถั่วและข้าวโพดมากขึ้นอาจช่วยหลีกเลี่ยงกระเปาะลำไส้อักเสบในชายวัยผู้ใหญ่ได้[29]

การบริโภคเนื้อแดงโดยเฉพาะที่ไม่แปรรูป สัมพันธ์กับความเสี่ยงกระเปาะลำไส้อักเสบที่สูงขึ้น[30][31][32]

การวิเคราะห์ปี 2017 พบว่าการรับประทานอาหารที่มีเนื้อแดง ธัญพืชขัดสี และผลิตภัณฑ์นมไขมันสูงในปริมาณมากสัมพันธ์กับความเสี่ยงการเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสีสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลง ชายกลุ่มบริโภคอาหารตะวันตกที่ได้คะแนนสูงสุด (ท๊อป 20%) มีอัตราส่วนการเกิดโรคแบบหลายตัวแปร (multivariate hazard ratio) ที่ 1.55 (ช่วงความเชื่อมั่น [CI] 95% ระหว่าง 1.20–1.99) เทียบกับกลุ่มที่มีคะแนนต่ำสุด อาหารที่บริโภคเร็ว ๆ นี้สัมพันธ์กับกระเปาะลำไส้อักเสบยิ่งกว่าอาหารที่บริโภคในระยะยาว ความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานอาหารกับโรค ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการกินเนื้อแดงและใยอาหาร[33] การทบทวนอย่างเป็นระบบปี 2012 ไม่พบงานศึกษาคุณภาพสูง แต่ก็พบว่า การศึกษาและแนวทางการปฏิบัติสนับสนุนอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อรักษาโรคที่มีอาการ[34] การทบทวนปี 2011 พบว่าอาหารที่มีกากใยสูงอาจช่วยป้องกันโรคกระเปาะลำไส้ โดยไม่มีหลักฐานด้วยว่าอาหารกากใยน้อยช่วยในการรักษาโรค[35] การศึกษาในระยะยาวปี 2011 พบว่าอาหารมังสวิรัติและอาหารกากใยสูงสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงในการเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากกระเปาะลำไส้อักเสบ[36]

แม้จะมีข้อเสนอว่ายาโปรไบโอติกส์อาจมีประโยชน์ในการรักษา แต่หลักฐานในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถสนับสนุนหรือปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้[37]

Remove ads

พยาธิสภาพ

กระเปาะลำไส้ด้านขวาเป็นการเลื่อนเล็ก ๆ (micro-hernia) ของเยื่อเมือกลำไส้ใหญ่และชั้นใต้เยื่อเมือกผ่านชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้ใหญ่ตรงจุดที่หลอดเลือดวิ่งผ่าน[2] ส่วนกระเปาะลำไส้ด้านซ้ายเป็นกระเปาะลำไส้เทียม เพราะการเลื่อนไม่ได้ผ่านทุกชั้นของผนังลำไส้ใหญ่[2] กระเปาะลำไส้อักเสบเชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในลำไส้ รวมถึงแรงดันสูงจากการบีบตัวที่รุนแรงผิดปกติ[38]

การวินิจฉัย

สรุป
มุมมอง
Thumb
กระเปาะลำไส้อักเสบในช่องท้องส่วนล่างด้านซ้าย ที่เห็นในมุมมองตามแกน (axial) เป็นภาพเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ความผิดปกติอยู่ในเส้นวงกลม)
Thumb
กระเปาะลำไส้อักเสบที่เห็นในมุมมองแบ่งหน้าหลัง (coronal) เป็นภาพเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
Thumb
กระเปาะลำไส้อักเสบ แสดงการอักเสบเฉียบพลันแบบมีหนองกระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อไขมันชั้นใต้เยื่อเลื่อม

ผู้ที่มีอาการตามที่กล่าวมักได้รับการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน)[39]

อัลตราซาวด์อาจใช้ตรวจในเบื้องต้นได้ สิ่งที่สามารถพบได้จากอัลตราซาวด์ ได้แก่ การโป่งของผนังลำไส้ที่ไม่ยุบตัว ผนังลำไส้หนาและสะท้อนเสียงน้อย หรือพบก้อนอุจจาระอุดตันที่ผนังลำไส้ อนึ่ง อาจพบอาการบวมน้ำของผนังลำไส้ร่วมกับเยื่อแขวนลำไส้ที่อยู่ติดกันโดยสะท้อนเสียงมาก

อย่างไรก็ตาม เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ก็เป็นเครื่องมือหลักในการวินิจฉัยกระเปาะลำไส้อักเสบและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง[15] การวินิจฉัยกระเปาะลำไส้อักเสบเฉียบพลันจะทำได้อย่างมั่นใจก็ต่อเมื่อพบส่วนที่มีกระเปาะลำไส้[40] ภาพซีทีสแกนจะแสดงผนังลำไส้หนาขึ้นเฉพาะที่ พร้อมการอักเสบที่ลามเข้าไปยังไขมันรอบลำไส้ใหญ่[41] ภาวะแทรกซ้อนที่เห็นได้ในภาพซีทีสแกน ได้แก่ ฝี ลำไส้ทะลุ (perforation) หลอดเลือดพอร์ทัลอักเสบ (pylephlebitis) การอุดตันของลำไส้ เลือดออก และทางทะลุระหว่างอวัยวะ (fistula)[15]

ในระยะเฉียบพลันของกระเปาะลำไส้อักเสบ มีข้อห้ามไม่ให้สวนแป้งแบเรียมและส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพราะเสี่ยงลำไส้ทะลุ (perforation)[42][43]

การจำแนกตามความรุนแรง

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือมีภาวะแทรกซ้อน

กระเปาะลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน หมายถึงการอักเสบเฉพาะที่ของกระเปาะลำไส้ใหญ่โดยไม่มีฝีหรือการทะลุ (perforation)[44] กระเปาะลำไส้อักเสบที่มีภาวะแทรกซ้อนรวมถึงการมีฝี เยื่อบุช่องท้องอักเสบ การอุดตัน การตีบ และ/หรือทางทะลุระหว่างอวัยวะ (fistula) ประมาณ 12% ผู้ป่วยกระเปาะลำไส้อักเสบจะมีภาวะแทรกซ้อน[45]

ระบบการจำแนก

มีการตีพิมพ์ระบบจำแนกความรุนแรงอย่างน้อย 4 ระบบในวรรณกรรมทางการแพทย์ การจำแนกแบบเยอรมันปี 2015[46] ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางโดยแยกตามนี้[47]

  • ระยะ 0 – กระเปาะลำไส้ที่ไม่มีอาการ
  • ระยะ 1a – กระเปาะลำไส้ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
  • ระยะ 1b – กระเปาะลำไส้อักเสบที่มีหนองรอบ ๆ (phlegmonous peridiverticulitis)
  • ระยะ 2a – กระเปาะลำไส้อักเสบที่ทะลุ (perforation) โดยซ่อนอยู่ มีฝีขนาดไม่เกิน 1 ซม.
  • ระยะ 2b – กระเปาะลำไส้อักเสบ มีฝีใหญ่กว่า 1 ซม.
  • ระยะ 3a – กระเปาะลำไส้อักเสบที่มีอาการ แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
  • ระยะ 3b – กระเปาะลำไส้อักเสบที่เป็นซ้ำ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
  • ระยะ 3c – กระเปาะลำไส้อักเสบที่เป็นซ้ำ และมีภาวะแทรกซ้อน

ณ ปี 2022 ยังมีระบบจำแนกประเภทอื่น ๆ ที่ใช้อยู่ด้วย[46] ความรุนแรงของกระเปาะลำไส้อักเสบสามารถจัดระดับทางรังสีวิทยาได้โดยใช้ระบบ Hinchey Classification[48]

กระเปาะลำไส้อักเสบแบบคุกกรุ่น

ในกระเปาะลำไส้อักเสบแบบคุกกรุ่น (SmD) อาการจะกำเริบซ้ำบ่อย [7] แต่ไม่ลุกลามไปมีภาวะแทรกซ้อน[8] ประมาณ 5% ของผู้ป่วยจะเกิดภาวะเช่นนี้[49] โรคแบบคุกกรุ่นคิดเป็น 4–10% ของกรณีที่ผ่าตัด[50]

การวินิจฉัยแยกโรค

การวินิจฉัยต้องแยกโรคต่าง ๆ รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเหตุขาดเลือด (ischemic colitis) และโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) รวมถึงโรคระบบทางเดินปัสสาวะและทางนรีเวชวิทยาหลายประการ ในผู้ไม่มีอาการแทรกซ้อน จะพบมะเร็งได้น้อยกว่า 1%[51]

Remove ads

พยากรณ์โรค

  • ประมาณว่า 5%[52] จนถึง 10–25% ของผู้ที่มีกระเปาะลำไส้จะเกิดการอักเสบ[53]
  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะหายดีหลังการรักษา ระยะฟื้นตัวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14 วัน ประมาณ 5% ของผู้ป่วยจะมีโรคแบบคุกกรุ่น[52]
  • กระเปาะลำไส้อักเสบจะกลับมาเป็นซ้ำในคนไข้ประมาณ ⅓ โดยราว 50% จะกลับเป็นซ้ำภายในหนึ่งปี และ 90% ในห้าปี โดยเกิดบ่อยในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า ผู้ที่มีฝีเมื่อวินิจฉัยครั้งแรก และหลังเกิดภาวะแทรกซ้อน[52]
  • ประมาณ 5% ของผู้ที่เป็นโรคกระเปาะลำไส้จะเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อเฝ้าติดตามนาน 10–30 ปี ความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบหรือไส้ทะลุ จะสูงขึ้นเมื่อเกิดกระเปาะลำไส้อักเสบเป็นครั้งแรก โดยความเสี่ยงจะลดลงในแต่ละครั้งที่เกิดซ้ำ ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจะเสี่ยงการกลับเป็นซ้ำพร้อมกับภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้ทะลุ สูงกว่าผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติถึง 5 เท่า[52]
  • เกณฑ์การตัดสินใจผ่าตัดยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงและยังพัฒนาอยู่[54][53][55][56]
  • หลังการผ่าตัดรักษา ประมาณ 25% ของผู้ป่วยยังคงมีอาการอยู่[52]
Remove ads

การรักษา

สรุป
มุมมอง

สำหรับกระเปาะลำไส้อักเสบที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน การให้ของเหลวอาจเพียงพอหากไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วย[47][57]

อาหาร

ผู้ป่วยกระเปาะลำไส้อักเสบอาจให้รับอาหารที่มีกากใยน้อย[58] หรืออาจให้ทานอาหารเหลว[59] แต่ทั้งสองก็ยังไม่มีหลักฐานว่ามีผลลัพธ์ที่ดีกว่า[57]

ยา

ยาปฏิชีวนะ

กระเปาะลำไส้อักเสบที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนและไม่มีการอักเสบทั่วร่างกาย "ไม่ควร" รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ[60][47][61][62] สำหรับกระเปาะลำไส้อักเสบฉับพลันที่เป็นน้อย ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และไม่มีหนอง การรักษาตามอาการ การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และการไม่ให้อาหารทางปากให้ผลไม่แย่กว่าการผ่าตัดทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง และดูเหมือนจะให้ผลลัพธ์เท่ากันในระยะ 24 เดือน หากพบฝีจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หลักฐานและแนวทางเวชปฏิบัติบางส่วนเบื้องต้นแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะทางปากหรือทางหลอดเลือดดำในรายที่มีฝีขนาดเล็กกว่า 5 ซม. และไม่มีการอักเสบทั่วร่างกาย แต่ถ้าฝีขนาดใหญ่กว่า 5 ซม. อาจต้องระบายหนองทางผิวหนังหรือการผ่าตัดส่องกล้อง (laparoscopic)[60][63]

งานวิเคราะห์อภิมานพบว่า ยาปฏิชีวนะ rifaximin ช่วยบรรเทาอาการและลดภาวะแทรกซ้อนได้[64] แต่คุณภาพทางวิทยาศาสตร์ของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมีข้อสงสัย[47]

เมซาลาซีน

เมซาลาซีน/เมซาลามีน (mesalazine/mesalamine) เป็นยาต้านการอักเสบที่ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD)[65] การศึกษาในวงจำกัดพบว่า ผู้ป่วยกระเปาะลำไส้อักเสบและผู้มีกระเปาะลำไส้ที่มีอาการ ทั้งสองดีขึ้นเมื่อรักษาด้วยเมซาลาซีน[66] ยาอาจช่วยลดการกลับเป็นซ้ำของโรคกระเปาะลำไส้ที่มีอาการแต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน[67] ในปี 2022 ประเทศเยอรมนีได้ออกแนวทางการใช้เมซาลาซีน เพื่อรักษากระเปาะลำไส้อักเสบฉับพลันที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน[68]

ศัลยกรรม

การผ่าตัดมีข้อบ่งชี้เป็นการเกิดฝีหรือทางทะลุระหว่างอวัยวะ (fistula) และลำไส้แตกร่วมกับเยื่อบุช่องท้องอักเสบ[38] แต่นี่เกิดไม่บ่อย[38] การผ่าตัดฉุกเฉินจำเป็นในกรณีที่เยื่อบุช่องท้องอักเสบจากกระเปาะลำไส้อักเสบที่ทะลุ (perforation)[60][63] หรือลำไส้แตก[69]

การผ่าตัดเมื่อมีฝีหรือทางทะลุระหว่างอวัยวะ (fistula) อาจมีข้อบ่งชี้แบบต้องทำเร่งด่วนหรือแบบเลือกได้ การผ่าตัดแบบเลือกจะพิจารณาเวลาที่เหมาะสมจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะของโรค อายุของผู้ป่วย สุขภาพทั่วไป ความรุนแรง/ความถี่ของการกำเริบ และอาการยังคงอยู่หรือไม่หลังจากเหตุการณ์เฉียบพลันครั้งแรก โดยมาก ถือว่ามีข้อบ่งชี้เมื่อความเสี่ยงจากการผ่าตัดมีน้อยกว่าความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากโรค โดยไม่ควรทำก่อนหกสัปดาห์หลังจากฟื้นตัวจากเหตุการณ์เฉียบพลัน[70]

Remove ads

ระบาดวิทยา

กระเปาะลำไส้อักเสบพบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ ในประเทศตะวันตก โรคกระเปาะลำไส้มักเกิดที่ลำไส้ใหญ่ส่วนคดมากที่สุด โดยพบในผู้ป่วยกระเปาะลำไส้อักเสบ 95%[71] พบในประชากรประมาณ 5–45% โดยความชุกเพิ่มขึ้นตามอายุ จากน้อยกว่า 20% ในผู้มีอายุ 40 ปี จนถึง 60% ในผู้มีอายุ 60 ปี[71]

โรคกระเปาะลำไส้ด้านซ้ายที่เกิดในลำไส้ใหญ่ส่วนคด พบได้บ่อยที่สุดในประเทศตะวันตก ในขณะที่โรคกระเปาะลำไส้ด้านขวา ซึ่งเกิดที่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น พบได้บ่อยกว่าในเอเชียและแอฟริกา[11] ในผู้ที่เกิดกระเปาะลำไส้ ประมาณ 4–15% จะลุกลามเป็นกระเปาะลำไส้อักเสบ[3]

การศึกษาปี 2009 ที่โรงพยาบาลราชวิถีพบว่า เกิดกระเปาะลำไส้ที่ด้านขวาร้อยละ 42 ที่ด้านซ้ายร้อยละ 35 และตลอดลำไส้ใหญ่ร้อยละ 23[72]

Remove ads

เชิงอรรถ

  1. lower gastrointestinal series เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ตรวจและวินิจฉัยปัญหาของลำไส้ใหญ่ เป็นการถ่ายภาพเอกซเรย์โดยใส่แบเรียมซัลเฟตซึ่งเป็นสารทึบรังสี เข้าสู่ลำไส้ใหญ่ด้วยการสวนทวารหนัก

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads