คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เกษม สุวรรณกุล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ศาสตราจารย์กิตติคุณ เกษม สุวรรณกุล (เกิด 1 มีนาคม พ.ศ. 2473) กรรมการกฤษฎีกา[1] เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย อดีตอธิการบดีและอดีตนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอดีตนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยรังสิต[2]
Remove ads
ประวัติ
เกษม สุวรรณกุล เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2473 ที่ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษาหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2494 (รุ่นที่ 1) โดยสอบได้เป็นอันดับที่ 1 ของรุ่น
การทำงาน
สรุป
มุมมอง
เกษม สุวรรณกุล เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2495 จากการชักชวนของศาสตราจารย์ เกษม อุทยานิน คณบดีคณะรัฐศาสตร์ในขณะนั้น หลังจากเป็นอาจารย์ได้เพียงปีเศษ สามารถสอบชิงทุนฟูลไบรท์ ไปศึกษาต่อวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อจบการศึกษาในระดับปริญญาโทกลับมาสอนหนังสือได้อีก 1 ปี ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับทุนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ภายหลังได้รับปริญญาเอกทางการบริหารและการปกครอง จึงกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่คณะรัฐศาสตร์อีกครั้ง ในขณะเดียวกันได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการนักบริหารสำนักงานเลขาธิการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในปี พ.ศ. 2513 เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึงปี พ.ศ. 2517 ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ดำรงตำแหน่งอีก 4 สมัย จนถึงปี พ.ศ. 2531 รวมระยะเวลาที่เป็นอธิการบดีทั้งสิ้น 11 ปี 7 เดือน ซึ่งในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้มีผลงานสำคัญ อาทิ การผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2522 ขึ้นแทนพระราชบัญญัติฉบับเดิมซึ่งใช้มากว่า 30 ปีแล้ว การก่อตั้งศูนย์เครื่องมือวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อปี พ.ศ. 2522 การก่อตั้งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2524 การจัดตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2526 และการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมวัฒนาธรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2538 เป็นต้น
เกษม สุวรรณกุล ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ อาทิ เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516[3] เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย 6 สมัย[4] [5][6][7][8] แต่มีครั้งหนึ่งยังมิได้เริ่มปฏิบัติงาน เนื่องจากไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาในการแถลงนโยบาย คือในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (ครม.35)[9] เขาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2535 ในสมัยรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน[10] เป็นเลขาธิการสภากาชาดไทย (พ.ศ. 2532-2534) เป็นประธานกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นวุฒิสมาชิก (พ.ศ. 2526-2531) นายกสภามหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง และยังเป็นกรรมการในคณะกรรมการในคณะกรรมการชุดต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
แม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว ศ.ดร.เกษม สุวรรณกุล ยังมีบทบาทสำคัญในหลายตำแหน่ง เช่น เป็นวุฒิสมาชิก[11] ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยต่าง ๆ 9 มหาวิทยาลัย รวมทั้งเป็นประธานกรรมการ กรรมการและที่ปรึกษาให้แก่หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรภาคเอกชนอีกหลายแห่ง อาทิ ประธานกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) (กฎหมายการศึกษา) โดยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ถึงปัจจุบัน ประธาน อ.ก.พ.พัฒนาข้าราชการ กรรมการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ประธานกรรมการโครงการคนไทยตัวอย่างของมูลนิธิธารน้ำใจ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ ดร.วิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ เป็นต้น
ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 9 ระหว่าง 29 มกราคม พ.ศ. 2544 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2545[12]
ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน
Remove ads
ผลงานดีเด่น
เกษม สุวรรณกุล ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม (ด้านการศึกษา) จากคณะกรรมการคัดเลือกและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของชาติ และได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[13]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เกษม สุวรรณกุล ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2522 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[14]
- พ.ศ. 2521 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[15]
- พ.ศ. 2530 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)[16]
- พ.ศ. 2520 –
เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[17]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ออสเตรีย:
- พ.ศ. 2529 –
เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นที่ 2[18]
- พ.ศ. 2529 –
ญี่ปุ่น:
- พ.ศ. 2531 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2531 –
ฝรั่งเศส:
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads