![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9d/Joe_Biden_presidential_portrait_%2528cropped%2529.jpg/640px-Joe_Biden_presidential_portrait_%2528cropped%2529.jpg&w=640&q=50)
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2567
From Wikipedia, the free encyclopedia
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2567 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 60 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567[1] การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการจัดสรรคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ตามการสำมะโนประชากรเมื่อ พ.ศ. 2563 นายโจ ไบเดิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ประกาศเจตนารมณ์อย่างเป็นทางการว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2[2] เช่นเดียวกันกับดอนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน[3]ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเข้าสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568
![]() | |||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง 538 คน ต้องการ 270 เสียงจึงชนะ | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||||||||||||
![]() แผนที่เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2567 คาดการณ์จากแผนที่ใน พ.ศ. 2563 | |||||||||||||||||
|
ในสหรัฐ การเลือกตั้งทั่วไปจะถูกจัดขึ้นหลังจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ทำการประชุมลับและเลือกผู้สมัครรอบแรกเพื่อเสนอชื่อเป็นประธานาธิบดี ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเข้าสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 ในครั้งนี้ทรัมป์ได้รับการคาดหมายว่าจะชนะการหยั่งเสียงเพื่อเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งอีกครั้ง โดยหากทรัมป์ชนะ เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สองต่อจาก โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ที่ดำรงตำแหน่งสองสมัยแบบไม่ต่อเนื่องกัน และหากไบเดินและทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรคอีกครั้ง จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ศ. 2499 ที่เป็นการชิงชัยระหว่างผู้สมัครเดิมจากทั้งสองพรรค การเลือกตั้งมีกำหนดจัดขึ้นในวันเดียวกับการเลือกตั้งวุฒิสภา, การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น พ.ศ. 2567
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 โรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ ทนายความด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม และนักเคลื่อนไหวการต่อต้านวัคซีน บุตรชายของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี และหลานชายของอดีตประธานาธิบดีชื่อดัง จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประกาศลงชิงตำแหน่งในนามพรรคเดโมแครต[4] ในเดือนต่อมา คะแนนนิยมของเขาในฐานะผู้สมัครอิสระพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่การลงสมัครของ รอสส์ เพโรต์ ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2535[5]
ศาลสูงสุดแห่งรัฐโคโลราโด และ เลขาธิการแห่งรัฐเมน มีมติตัดสิทธิทรัมป์จากการลงสมัครรับเลือกตั้งขั้นต้น โดยวินิจฉัยว่าทรัมป์ขาดคุณสมบัติในการรับตำแหน่งในรัฐบาลกลางสหรัฐ จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามก่อความไม่สงบ รวมถึงการขัดขวางกระบวนการรับรองไบเดินซึ่งเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง พ.ศ. 2563 นำสู่เหตุจลาจลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 คำตัดสินดังกล่าวอยู่ระหว่างการอุทธรณ์[6][7]
การเลือกตั้งครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกภายหลังศาลสูงสุดหรือศาลฎีกา พิพากษายกเลิกคำตัดสินคดี Roe v Wade ที่เคยพิพากษาเมื่อ พ.ศ. 2516 ว่าการทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ ขบวนการเรียกร้องสิทธิการทำแท้ง, การประกันสุขภาพ,[8] การศึกษา,[9] เศรษฐกิจ,[10] นโยบายด้านการต่างประเทศ,[11] นโยบายด้านผู้ลี้ภัยและการข้ามชายแดน, สิทธิของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ,[12] และ ประชาธิปไตย[13] ล้วนแต่ได้รับการคาดหมายให้เป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียงครั้งนี้[14]