ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อดีตนายกรัฐมนตรีไทย / From Wikipedia, the free encyclopedia
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ม.ป.ช. ม.ว.ม. ต.จ.ว. ร.ม.ก. (เกิด 21 มีนาคม พ.ศ. 2497) ชื่อเล่น ตู่ เป็นทหารบกและนักการเมืองชาวไทย[2] ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 29 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[3] ผู้บัญชาการทหารบก[4][5] และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งก่อรัฐประหาร ใน พ.ศ. 2557 และเป็นคณะทหารที่ปกครองประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 จนถึง 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562[6]
ประยุทธ์ จันทร์โอชา | |
---|---|
ประยุทธ์ ใน พ.ศ. 2565 | |
องคมนตรี | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 (0 ปี 149 วัน) | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 29 | |
ดำรงตำแหน่ง 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566[lower-alpha 1] (8 ปี 363 วัน) | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
รอง | |
ก่อนหน้า | นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (รักษาการ) |
ถัดไป | เศรษฐา ทวีสิน |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 – 1 กันยายน พ.ศ. 2566 (4 ปี 53 วัน) | |
นายกรัฐมนตรี | ตนเอง |
รัฐมนตรีช่วย | ชัยชาญ ช้างมงคล |
ก่อนหน้า | ประวิตร วงษ์สุวรรณ |
ถัดไป | สุทิน คลังแสง |
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557[lower-alpha 2] – 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 (5 ปี 55 วัน) | |
รอง | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | ยุบเลิกตำแหน่ง |
ผู้บัญชาการทหารบก | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 – 30 กันยายน พ.ศ. 2557 (3 ปี 364 วัน) | |
ก่อนหน้า | พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา |
ถัดไป | พลเอก อุดมเดช สีตบุตร |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 21 มีนาคม พ.ศ. 2497 (70 ปี) ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | อิสระ |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | รวมไทยสร้างชาติ (2566)[lower-alpha 3] |
คู่สมรส | นราพร โรจนจันทร์ (สมรส 2527) |
บุตร |
|
บุพการี |
|
ญาติ | ปรีชา จันทร์โอชา (น้องชาย) |
ศิษย์เก่า | วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า |
อาชีพ | ทหารบก นักการเมือง |
ทรัพย์สินสุทธิ | 130 ล้านบาท (พ.ศ. 2566) |
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | พ.ศ. 2519–2557 |
ยศ | พลเอก |
บังคับบัญชา |
|
ผ่านศึก | เหตุปะทะชายแดนไทย–เวียดนาม |
หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ. 2553 พลเอก ประยุทธ์ มีลักษณะเป็นผู้นิยมกษัตริย์และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี[7] พลเอกประยุทธ์ถือเป็นสายแข็งในกองทัพ เขาเป็น 1 ในผู้นำการปราบปรามของทหารต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน 2552 และเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553[8][9] ต่อมาเขามุ่งวางตนเป็นกลาง โดยพูดคุยกับญาติผู้ประท้วงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์[10] และร่วมมือกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์[11] ซึ่งชนะการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ระหว่างวิกฤตการณ์การเมืองซึ่งเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2556 ต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เขาอ้างว่ากองทัพเป็นกลาง[12] และจะไม่รัฐประหาร ทว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พลเอกประยุทธ์รัฐประหาร[13] สุเทพ เทือกสุบรรณเปิดเผยว่า ตนกับประยุทธ์วางแผนโค่นทักษิณด้วยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553[14]
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเอกฉันท์เลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสมาชิกสภานั้นถูก คสช. เลือกมาทั้งหมด[15] คสช. สั่งปราบปรามผู้เห็นแย้ง ห้ามการอภิปรายสาธารณะเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการวิจารณ์รัฐบาล จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทยอย่างหนัก[16] ในปี พ.ศ. 2562 รัฐสภาลงมติเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ในวาระที่สอง เขาถูกวิจารณ์ในเรื่องการจัดการกับผลกระทบของโควิด-19 การกู้เงินจำนวนมาก ตลอดจนการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เขาได้รับคะแนนไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 แต่ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เขาได้ย้ายไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค และเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคในการเลือกตั้งปีดังกล่าว ก่อนจะประกาศวางมือทางการเมืองในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน และสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลเอกประยุทธ์ดำรงตำแหน่งองคมนตรี[17][18]