![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0f/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A8%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg/640px-%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A8%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg&w=640&q=50)
พระกริ่ง
From Wikipedia, the free encyclopedia
พระกริ่ง คือพระพุทธรูปขนาดเล็ก มีรูปแบบทั่วไปคือเป็นพระพุทธรูปประทับบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเฉพาะเพียงด้านหน้า พระหัตถ์ขวาแสดงปางมารวิชัย พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา บนฝ่าพระหัตถ์มีหม้อยาหรือผลไม้ที่เป็นยาวางไว้ ซึ่งพุทธลักษณะคล้ายพระไภษัชยคุรุ จนเชื่อว่าพระกริ่งทุกองค์คือ พระไภษัชยคุรุ[1][2] เป็นพระพุทธเจ้าปางหนึ่งของลัทธิมหายาน เป็นครูในด้านเภสัช รักษาพยาบาล ตามความเชื่อโบราณ นิยมนำพระกริ่งอธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินด้วยความเชื่อว่า จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และเชื่อว่าช่วยขจัดอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และด้านโชคลาภเมตตามหานิยม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ใช้พระกริ่งปวเรศนี้ทําน้ำพุทธมนต์ที่ใช้ในพิธีมุรธาภิเษก[1]
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0f/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A.jpg/320px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A.jpg)
การสร้างพระกริ่งเริ่มต้นที่ทิเบตและจีน จึงเรียกพระกริ่งทิเบตและพระกริ่งหนองแส ต่อมานิยมสร้างในเขมร เรียกว่า พระกริ่งอุบาเก็ง หรือพระกริ่งพนมบาเก็ง และพระกริ่งพระปทุมสุริยวงศ์ พบว่าขอมได้สร้างพระกริ่งปทุมขึ้นอย่างแพร่หลายทุกยุคในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศบูชาแด่พระพุทธไภษัชยคุรุ ซึ่งได้มีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ภายหลังแพร่หลายในหมู่ชาวไทย ลาว สำหรับประเทศไทย การสร้างพระกริ่งปรากฏเป็นหลักฐาน ก่อนยุครัตนโกสินทร์ บ้างว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา บ้างว่าตั้งแต่สมัยสุโขทัย[3]
พระกริ่งนิยมมีการบรรจุเม็ดกริ่งเป็นเม็ดโลหะเล็ก ๆ ไว้ภายในองค์พระ เพื่อเขย่าแล้วเกิดเสียงเวลาสวดมนต์ขอพรจากพระพุทธองค์ พระกริ่งมี 3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ สำหรับบูชาประจำบ้าน ขนาดเล็ก สำหรับทำน้ำมนต์และบูชาห้อยติดตัว ขนาดจิ๋วสำหรับบูชาติดตัว นิยมเรียกว่า พระชัยหรือพระชัยวัฒน์ นิยมสร้างนวโลหะ หรือโลหะทั้ง 9 ชนิด คือ ทองคำ เงิน ทองแดง พลวง ดีบุก สังกะสี ชิน ปรอท เจ้าน้ำเงิน ตามตำราของโบราณาจารย์
พระกริ่งที่นิยมนับถือกันมากและหายาก คือ พระกริ่งวัดสุทัศน์ สร้างโดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทโว)[4]