Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฤดูพายุเฮอริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2563 คือช่วงของฤดูกาลในอดีตที่เคยมีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนภายในมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออก นับเป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนน้อยที่สุดของพายุเฮอริเคนแปซิฟิก นับตั้งแต่ฤดู 2553 ฤดูกาลนี้มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนใกล้กับค่าเฉลี่ย โดยมีพายุที่ได้รับชื่อจำนวนทั้งหมด 16 ลูก แต่จำนวนพายุเฮอริเคนและพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่นั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีพายุเฮอริเคนเพียง 4 ลูก และในจำนวนนี้มี 3 ลูกที่เป็นถึงพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553 อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้นั้นนับได้ว่าเป็นฤดูกาลที่มีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวขึ้นเร็วที่สุด ทางด้านตะวันออกของเส้นเมริเดียนที่ 140 องศาตะวันตก โดยพายุดีเปรสชันเขตร้อนหนึ่ง-อีได้ก่อตัวขึ้นในวันที่ 25 เมษายน ก่อนหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่างพายุโซนร้อนแอเดรียนในฤดูกาล 2560 เป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยฤดูกาลนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก และวันที่ 1 มิถุนายน ในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง และไปจบลงพร้อมกันในวันที่ 30 พฤศจิกายน[1] โดยขอบเขตดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่มีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวมากที่สุดในแอ่งแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่พายุหมุนเขตร้อนสามารถก่อตัวขึ้นได้ตลอดเวลา ดังที่แสดงให้เห็นด้วยกรณีของพายุดีเปรสชันเขตร้อนหนึ่ง-อี
ฤดูพายุเฮอริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2563 | |
---|---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | |
ขอบเขตฤดูกาล | |
ระบบแรกก่อตัว | 25 เมษายน พ.ศ. 2563 (สถิติก่อตัวเร็วที่สุดในแอ่งแปซิฟิกตะวันออก) |
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 |
พายุมีกำลังมากที่สุด | |
ชื่อ | มารี |
• ลมแรงสูงสุด | 130 ไมล์/ชม. (215 กม./ชม.) (เฉลี่ย 1 นาที) |
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 948 มิลลิบาร์ (hPa; 27.99 inHg) |
สถิติฤดูกาล | |
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 21 ลูก |
พายุโซนร้อนทั้งหมด | 16 ลูก |
พายุเฮอริเคน | 4 ลูก |
พายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ (ระดับ 3 ขึ้นไป) | 3 ลูก |
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | 46 คน |
ความเสียหายทั้งหมด | ≥ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงิน USD ปี 2020) |
พายุที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล ได้แก่ พายุโซนร้อนอะแมนดา และพายุเฮอริเคนเจนิวีฟ โดยพายุอะแมนดาพัฒนาขึ้นใกล้อเมริกากลางในปลายเดือนพฤษภาคม และพัดเข้าประเทศกัวเตมาลา ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างในประเทศใกล้เคียงอย่างประเทศเอลซัลวาดอร์ และมีผู้เสียชีวิต 40 คนท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ส่วนพายุเจนิวีฟผ่านเข้าใกล้คาบสมุทรบาฆากาลิฟอร์เนียในเดือนสิงหาคม ทำให้เกิดลมพัดแรงในระดับพายุเฮอริเคนและฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 คน และสร้างความเสียหายประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผลกระทบจากพายุลูกอื่น ๆ นั้นน้อยมาก ในปลายเดือนกรกฎาคม พายุเฮอริเคนดักลัสที่ผ่านเข้าใกล้รัฐฮาวาย โดยกำแพงตาด้านใต้ที่มีกำลังอ่อนของตัวพายุได้เคลื่อนผ่านเกาะโอวาฮู ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย ส่วนที่เหลือของพายุโซนร้อนฟาอุสโต ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอากาศแห้งและฟ้าผ่าในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ทำให้เกิดอัคคีภัยหลายร้อยครั้ง ขณะที่ส่วนที่เหลือของพายุเจนิวีฟได้ทำให้เกิดฝนตกหนักในรัฐแอริโซนาและเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย พายุโซนร้อนเอร์นันเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเม็กซิโกมาก และพัดขึ้นฝั่งในบาฆากาลิฟอร์เนียซูร์เป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย และพายุโซนร้อนฆูลิโอได้ทำให้เกิดอุทกภัยในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก พายุลูกสุดท้ายของฤดูกาลสลายตัวไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ประมาณ 11 วันก่อนวันสิ้นสุดฤดูกาลอย่างเป็นทางการ โดยรวมแล้วฤดูกาลนี้สร้างความเสียหายประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 46 คน
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.) |
พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.) |
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.) |
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 25 – 26 เมษายน | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1006 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.71 นิ้วปรอท) |
วันที่ 23 เมษายน ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) ออกการคาดการณ์อนาคตลมฟ้าอากาศเขตร้อนฉบับพิเศษ (STWO) สำหรับบริเวณของหย่อมความกดอากาศต่ำที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากจุดใต้สุดของคาบสมุทรบาฆากาลิฟอร์เนียทางใต้ในระยะหลายร้อยไมล์ โดยคาดว่าระบบมีโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อนได้[2] ต่อมา ร่องดังกล่าวเริ่มมีการจัดระบบอย่างรวดเร็ว โดยมีการพาความร้อนปรากฏขึ้นรอบศูนย์กลางของการไหลเวียน ตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำ ได้รับการสนับสนุนโดยกระแสไหลออกที่ดีมากทางด้านเหนือ และมีการพัฒนาขึ้นอย่างช้า ๆ ตลอดทั้งวัน จนวันที่ 24 เมษายน ตัวหย่อมความกดอากาศต่ำได้แยกออกมาจากร่องความกดอากาศต่ำ ดังนั้น ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติจึงได้กำหนดให้ตัวระบบ เป็นระบบที่มีแนวโน้มสูงในการก่อตัวเป็นพายุหมุนเขตร้อนในระยะเวลา 48 ชั่วโมง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในการจัดระบบ[3] อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมาวันเดียวกัน กลุ่มฝนและพายุฟ้าคะนองใกล้กับศูนย์กลางของระบบเริ่มลดน้อยลง ขณะที่ตัวศูนย์กลางระบบเริ่มมีความโค้งขึ้นเล็กน้อย[4] วันที่ 25 เมษายน การตรวจสอบโดยสแคตเตอร์มิเตอร์ พบว่าตัวหย่อมความกดอากาศต่ำที่พัฒนาขึ้นมีศูนย์กลางที่ลักษณะดีมากขึ้นในช่วงกลางคืน และกลุ่มพายุฟ้าคะนองเริ่มปรากฏบดบังการไหลเวียนได้อย่างเต็มที่ ในเวลานี้ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติได้ปรับให้ระบบเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และให้รหัสพายุว่า วัน-อี (One-E) ที่เวลาประมาณ 15:00 UTC ของวันที่ 25 เมษายน ทำให้พายุลูกนี้กลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวเร็วที่สุดในแอ่ง ในแง่ของพายุที่ก่อตัวขึ้นทางด้านตะวันออกของเส้นเมริเดียนที่ 140 องศาตะวันตก นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติที่เชื่อถือได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมา โดยถือเป็นพายุที่ก่อตัวขึ้นก่อนที่ฤดูกาลอย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นขึ้นถึงสามสัปดาห์[5][6] ส่วนสถิติเดิมเป็นของพายุโซนร้อยเอเดรียนในฤดูกาล 2560 ซึ่งก่อตัวขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม[5]
พายุดีเปรสชันเขตร้อนมีทิศทางเคลื่อนตัวเลี้ยวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจากจุดที่ก่อตัว โดยการพาความร้อนของระบบพายุย้ายลงไปทางด้านใต้ของระบบ อันเป็นผลมาจากอากาศแห้งที่เพิ่มขึ้นรอบ ๆ ระบบพายุ[7] อย่างไรก็ตาม การพาความร้อนขนาดเล็กที่ปะทุออกนั้น ช่วยให้พายุดีเปรสชันยังคงระดับความรุนแรงของตนไว้ได้ต่อไป แม้ว่าอากาศแห้งจะเริ่มไหลเวียนเข้าสู่ระบบแล้ว[5] วันที่ 26 เมษายน อากาศแห้ง ลมเฉือนที่เพิ่มขึ้น และพื้นผิวน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิเย็นขึ้น ทำให้ตัวพายุขนาดเล็กนี้ล้มลง โดยการพาความร้อนใกล้ศูนย์กลางเริ่มสลายตัวไปอย่างรวดเร็วและกระจายออกไปจากศูนย์กลางของระบบ ทิ้งไว้เพียงพายุฟ้าคะนองเล็กน้อยเท่านั้น พ้นจากเกณฑ์ที่เหมาะสมของพายุหมุนเขตร้อนไปโดยสิ้นเชิง[8] มีการประกาศว่าพายุดีเปรสชันได้สลายตัวไปแล้ว และกลายเป็นเศษที่หลงเหลือเล็กน้อยในวันเดียวกัน เนื่องจากการพยายามต่อสู้เพื่อการพัฒนาการพาความร้อนอีกครั้ง และการเพิ่มชึ้นของอากาศเสถียรรอบ ๆ ศูนย์กลาง[9] วันต่อมา เศษที่หลงเหลือได้สลายตัวไปอย่างสมบูรณ์
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 30 – 31 พฤษภาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1003 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.62 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 24 – 28 มิถุนายน | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1005 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.68 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 30 มิถุนายน | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1004 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.65 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 6 – 13 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 70 ไมล์/ชม. (110 กม./ชม.) (1 นาที) 993 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.32 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 13 – 14 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1007 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.74 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 20 – 21 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1007 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.74 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 20 – 29 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 130 ไมล์/ชม. (215 กม./ชม.) (1 นาที) 954 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.17 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 9 – 13 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 100 ไมล์/ชม. (155 กม./ชม.) (1 นาที) 975 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.79 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 13 – 16 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1004 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.65 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 16 – 17 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1004 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.65 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 16 – 21 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 130 ไมล์/ชม. (215 กม./ชม.) (1 นาที) 950 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.05 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 26 – 28 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 45 ไมล์/ชม. (75 กม./ชม.) (1 นาที) 1001 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.56 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 26 – 30 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 60 ไมล์/ชม. (95 กม./ชม.) (1 นาที) 997 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.44 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 5 – 7 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 45 ไมล์/ชม. (75 กม./ชม.) (1 นาที) 1003 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.62 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 12 – 17 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 60 ไมล์/ชม. (95 กม./ชม.) (1 นาที) 996 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.41 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 20 – 25 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 50 ไมล์/ชม. (85 กม./ชม.) (1 นาที) 999 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.5 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 29 กันยายน – 7 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 130 ไมล์/ชม. (215 กม./ชม.) (1 นาที) 947 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.96 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 5 ตุลาคม – ปัจจุบัน | ||
ความรุนแรง | 50 ไมล์/ชม. (85 กม./ชม.) (1 นาที) 1001 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.56 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 5 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน | ||
ความรุนแรง | 50 ไมล์/ชม. (85 กม./ชม.) (1 นาที) 1000 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.53 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 17 – 19 พฤศจิกายน | ||
ความรุนแรง | 45 ไมล์/ชม. (75 กม./ชม.) (1 นาที) 1004 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.65 นิ้วปรอท) |
รายชื่อต่อไปนี้ ใช้สำหรับการตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือในปี พ.ศ. 2562 สำหรับชื่อที่ถูกถอน ถ้ามีจะได้รับการประกาศโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกในฤดูใบไม้ผลิของปี พ.ศ. 2563 โดยชื่อที่ไม่ถูกปลด จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในปีฤดูกาล พ.ศ. 2568[10] รายชื่อชุดนี้เป็นชุดเดียวกันกับที่เคยใช้ไปในฤดูกาล พ.ศ. 2557 เว้น โอเดลีส ซึ่งถูกนำมาใช้แทนที่ โอดีล
ในฤดูกาล 2563 ชื่อในชุดรายชื่อถูกนำมาใช้ทั้งหมด 16 ชื่อ
รายชื่อพายุหมุนเขตร้อนของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกในฤดูกาล 2563 | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | ||||||||
02E | อะแมนดา (Amanda) |
09E | เอลิดา (Elida) |
14E | ไอเซลล์ (Iselle) |
18E | มารี (Marie) | ||||||||
03E | บอริส (Boris) |
11E | ฟาอุสโต (Fausto) |
15E | ฆูลิโอ (Julio) |
19E | นอร์เบิร์ต (Norbert) | ||||||||
05E | คริสตีนา (Cristina) |
12E | เจนิวีฟ (Genevieve) |
16E | คารินา (Karina) |
20E | โอเดลีส (Odalys) | ||||||||
08E | ดักลัส (Douglas) |
13E | เอร์นัน (Hernan) |
17E | โลเวลล์ (Lowell) |
21E | โพโล (Polo) | ||||||||
สำหรับพายุที่ก่อตัวภายในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์เฮอริเคนแปซิฟิกกลาง ครอบคลุมพื้นที่ระหว่างเส้น 140 องศาตะวันตกถึงเส้นแบ่งวันสากล ชื่อที่จะใช้จะเป็นชื่อในชุดหมุนเวียนสี่ชุด[11] โดยในฤดูนี้ ไม่มีพายุหมุนเขตร้อนใดได้รับชื่อจากชุดรายชื่อนี้เลย
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.