Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงครามพิวนิกครั้งที่สาม เกิดขึ้นระหว่าง 149–146 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของสงครามพิวนิก ระหว่างสาธารณรัฐโรมันและคาร์เธจโบราณ
สงครามพิวนิกครั้งที่สาม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามพิวนิก | |||||||
แผนที่การป้องกันของนครคาร์เธจ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
โรม | คาร์เธจ | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
สกิปิโอ ไอมิลิอานุส มานิอุส มานิลิอุส ลูกิอุส มาร์กิอุส แก็นโซรินุส ลูกิอุส กัลปูร์นิอุส ปิโซ |
ฮัสดรูบัล ดิโอเกเนส ฮิมิลโก ฟามีอัส | ||||||
กำลัง | |||||||
ทหารราบ 36,000–46,000 นาย ทหารม้า 4,000 นาย |
ทหาร 20,000 นาย หรือมากกว่านั้น พลเรือนติดอาวุธหลายคน | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ไม่ทราบ |
ถูกฆ่ามากกว่า 750,000 คน รวมถึงพลเรือน ผู้รอดชีวิตถูกจับไปเป็นทาส 50,000 คน |
จุดเริ่มต้นของสงครามมาจากสนธิสัญญายุติสงครามพิวนิกครั้งที่สอง คาร์เธจต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามและห้ามทำสงครามโดยปราศจากการยินยอมจากโรม ในปี 151 ก่อนคริสตกาล คาร์เธจจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจนครบและมองว่าตนพ้นจากสนธิสัญญานี้แล้ว[1] ในปีเดียวกัน ชาวนูมิเดียล้อมเมืองโอรอสโคปาของคาร์เธจ ทำให้คาร์เธจต้องยกทัพไปปราบ โรมมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการละเมิดสนธิสัญญาและประกาศสงครามในปี 149 ก่อนคริสตกาล[2] คาร์เธจพยายามขอเจรจาแต่ภายหลังปฏิเสธเมื่อกงสุลโรมันสั่งให้ชาวเมืองวางอาวุธและย้ายออกจากเมืองคาร์เธจ ก่อนที่เมืองจะถูกเผา ในช่วงแรกโรมล้มเหลวในการบุกเมืองคาร์เธจ แต่การยึดเมืองเนฟาริส ทางตอนใต้ของคาร์เธจทำให้ทหารคาร์เธจเสียขวัญ ชาวคาร์เธจสามารถยันทัพโรมันไว้ได้ถึงปี 146 ก่อนคริสตกาล ก่อนทัพโรมันจะบุกเข้าเมืองได้สำเร็จ เมืองคาร์เธจถูกเผา ส่วนชาวเมืองหลายแสนคนถูกฆ่าและขายเป็นทาส โรมผนวกคาร์เธจเป็นจังหวัดแอฟริกา[3] เมืองคาร์เธจกลายเป็นเมืองร้างจนกระทั่งจูเลียส ซีซาร์บูรณะเมืองนี้ขึ้นใหม่ในอีกหนึ่งศตวรรษต่อมา[4]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.