อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี
From Wikipedia, the free encyclopedia
อิบรอฮีม อะวาด อิบรอฮีม อะลี อัลบัดรี (อาหรับ: ابراهيم عواد ابراهيم علي البدري; 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1971 – 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019) โดยทั่วไปรู้จักกันในชื่อตอนสู้รบว่า อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี (อาหรับ: أبو بكر البغدادي) เป็นทหารชาวอิรักที่เคยเป็นเคาะลีฟะฮ์คนแรก[lower-alpha 1]ของรัฐอิสลาม (ไอเอส) ใน ค.ศ. 2014 จนกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 2019
อะมีรุลมุอ์มินีน อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี | |
---|---|
أبو بكر البغدادي | |
อะบู บักร์ อัลบัฆดาดีใน ค.ศ. 2004 | |
เคาะลีฟะฮ์คนที่ 1 แห่งรัฐอิสลาม | |
ดำรงตำแหน่ง 29 มิถุนายน 2014 – 27 ตุลาคม 2019 | |
ก่อนหน้า | ตนเอง (ในฐานะ เอมีร์แห่งรัฐอิสลาม) |
ถัดไป | อะบู อิบรอฮีม อัลฮาชิมี อัลกุเราะชี |
เอมีร์แห่งรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ | |
ดำรงตำแหน่ง 7 เมษายน 2013 – 29 มิถุนายน 2014 | |
ก่อนหน้า | ตนเอง (ในฐานะ เอมีร์แห่งรัฐอิสลามอิรัก) |
ถัดไป | ตนเอง (ในฐานะ เคาะลีฟะฮ์แห่งรัฐอิสลาม) |
เอมีร์คนที่ 2 แห่งรัฐอิสลามอิรัก | |
ดำรงตำแหน่ง 18 เมษายน 2010 – 7 เมษายน 2013 | |
ก่อนหน้า | อะบู อุมัร อัลบัฆดาดี |
ถัดไป | ตนเอง (ในฐานะ เอมีร์แห่งรัฐอิสลาม) |
เอมีร์แห่งญะมาอะฮ์ญัยช์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์[1] | |
ดำรงตำแหน่ง 2004–2006 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | ยุบเลิกตำแหน่ง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | อิบรอฮีม อะวาด อิบรอฮีม อะลี อัลบัดรี ابراهيم عواد ابراهيم علي البدري 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1971(1971-07-28)[2] ซามัรรออ์ ประเทศอิรัก[3][4] |
เสียชีวิต | 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019(2019-10-27) (48 ปี) บารีชา ประเทศซีเรีย |
สาเหตุการเสียชีวิต | ระเบิดฆ่าตัวตาย |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ |
|
ประจำการ | 2003–2019 |
ชั้นยศ | เคาะลีฟะฮ์ |
การยุทธ์ | สงครามต่อต้านการก่อการร้าย
|
คู่สมรส | Saja ad-Dulaimi |
บุตร | ลูกชาย Hudhayfah al-Badri ลูกสาว Hagar |
อัลบัฆดาดีเกิดที่ซามัรรออ์และได้รับปริญญาในสาขาเทววิทยาอิสลามในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ถึง 2000 หลังการรุกรานอิรักของสหรัฐในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2003 เขาจึงนำกลุ่มก่อความไม่สงบ "ญะมาอะฮ์ญัยช์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์" ในอิรัก และถูกคุมตัวร่วมกับผู้บัญชาการของอัลกออิดะฮ์ที่แคมป์บูกาของสหรัฐใน ค.ศ. 2004[8][9] กลุ่มของเขาเข้าร่วมกับแนวร่วมสภาชูรอมุญาฮิดีนใน ค.ศ. 2006 และต่อสู้ร่วมกับอัลกออิดะฮืในประเทศอิรัก[9] ก่อนการยุบแนวร่วมในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2006 อัลบัฆดาดีกลายเป็นสมาชิกชั้นนำขององค์กรรัฐอิสลามแห่งอิรักที่พึ่งก่อตั้งใหม่ และก้าวขึ้นตำแหน่งจนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเอมีร์ ผู้นำสูงสุด ใน ค.ศ. 2010[8][9] จากนั้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 กลุ่มนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "รัฐอิสลามแห่งอิรักและลิแวนต์" (ไอซิล) ประกาศเจตนารมณ์ขยายไปยังซีดรียและบังคับดูดกลืนแนวหน้าอันนุศเราะฮ์ นำไปสู่ความขัดแย้งกับคำสั่งทั่วไปของอัลกออิดะฮ์ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 กลุ่มนี้ระบุตนเองใหม่เป็น "รัฐอิสลาม" และประกาศตนเองเป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์[10] อัลบัฆดาดีได้รับเลือกเป็นเคาะลีฟะฮ์แห่งรัฐอิสลามจากสภาชูรอที่เป็นตัวแทนของสมาชิกรัฐอิสลาม ถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเลือกเคาะลีฟะฮ์[11]
ข้ออ้างเป็น "เคาะลีฟะฮ์" ของอัลบัฆดาดีถูกปฏิเสธจากประชาคมมุสลิมเกือบทั้งหมด ไอเอสถูกระบุเป็นองค์กรก่อการร้ายจากสหประชาชาติและรัฐอธิปไตยเกือบทั้งหมด และทางสหรัฐและหลายประเทศถือให้เขาเป็นผู้ก่อการร้าย[12] ในฐานะผู้นำกลุ่ม อัลบัฆดาดีนำสงครามต่ออิรักและซีเรีย เขาสั่งการใช้กลวิธีที่เป็นประเด็นขัดแย้ง เช่น การใช้ระเบิดฆ่าตัวตายจำนวนมาก และประหารเชลยศึก ไอเอสยึดครองดินแดนในอิรักและซีเรียภายในช่วงหนึ่ง แต่สูญเสียดินแดนทั้งหมดและนักรบเกือบทั้งหมดในสมัยที่อัลบัฆดาดีเป็นเคาะลีฟะฮ์ เขามีส่วนโดยตรงในความโหดร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนของไอเอส เช่น การสังหารหมู่ชาวยาซิดีในอิรัก ทาสทางอารมณ์ การขมขืนอย่างเป็นระบบ การเฆี่ยน และการประหารชีวิตอย่างเป็นระบบอย่างกว้างขวาง เขากำกับกิจกรรมทางก่อการร้ายและการสังหารหมู่ โดยยอมรับความโหดร้ายเป็นส่วนหนึ่งของจุดประสงค์ทางโฆษณาชวนเชื่อขององค์กร ผลิตวิดีโอที่แสดงความเป็นทาสทางเพศและการประหารชีวิตด้วยการฟัน ขว้างหิน และเผา[13][14] อัลบัฆดาดีเป็นผู้ข่มขืนต่อเนื่องที่มีทาสทางอารมณ์เป็นการส่วนตัวหลายคน[15][16]
ณ วันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019 อัลบัฆดาดีฆ่าตนเองกับลูกสองคนด้วยการจุดระเบิดเสื้อกั๊กฆ่าตัวตายในช่วงการรุกรานบารีชาที่จัดการโดยสหรัฐหลังได้รับการรับรองจากประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์[17] หลังทำพิธีศพตามศาสนา จึงนำร่างของเขาไปลงทะเล[18] ทางไอเอสยืนยันการเสียชีวิตตั้งให้อะบู อิบรอฮีม อัลฮาชิมี อัลกุเราะชีขึ้นดำรงตำแหน่งต่อ[19]