ประเทศโปรตุเกส
สาธารณรัฐในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ / From Wikipedia, the free encyclopedia
โปรตุเกส (โปรตุเกส: Portugal [puɾtuˈɣaɫ] ปุรตุกาล) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐโปรตุเกส (โปรตุเกส: República Portuguesa) เป็นรัฐเอกราชซึ่งมีแผ่นดินใหญ่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรียทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีพรมแดนติดกับประเทศสเปนทางทิศเหนือและทิศตะวันออก และติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตกและทิศใต้ อาณาเขตของโปรตุเกสยังรวมถึงหมู่เกาะอะโซร์ส และมาเดราบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก โปรตุเกสมีสภาพเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งปกครองด้วยระบบกึ่งประธานาธิบดี มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือลิสบอน และยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยวร่วมกับโปร์ตูและอัลการ์วึ
สาธารณรัฐโปรตุเกส | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศโปรตุเกส (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ลิสบอน 38°46′N 9°9′W |
ภาษาราชการ | โปรตุเกส |
มีรังดา[หมายเหตุ 1] | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2021)[หมายเหตุ 2][3] |
|
ศาสนา (ค.ศ. 2011) |
|
เดมะนิม | ชาวโปรตุเกส |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบอบกึ่งประธานาธิบดี[4] |
• ประธานาธิบดี | มาร์แซลู รึเบลู ดึ โซซา |
• นายกรัฐมนตรี | หลุยส์ มอนเตเนโกร |
สภานิติบัญญัติ | สมัชชาสาธารณรัฐ |
การก่อตั้ง | |
• เทศมณฑลแรก | ค.ศ. 868 |
• เทศมณฑลที่สอง | ค.ศ. 1095 |
• อธิปไตย | 24 มิถุนายน ค.ศ. 1128 |
25 กรกฎาคม ค.ศ. 1139 | |
• สนธิสัญญาซาโมรา | 5 ตุลาคม ค.ศ. 1143 |
• การฟื้นฟู | 1 ธันวาคม ค.ศ. 1640 |
• รัฐธรรมนูญฉบับแรก | 23 กันย่ายน ค.ศ. 1822 |
5 ตุลาคม ค.ศ. 1910 | |
25 เมษายน ค.ศ. 1974 | |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 25 เมษายน ค.ศ. 1976[หมายเหตุ 3] |
• ภาคยานุวัติ EEC | 1 มกราคม ค.ศ. 1986 |
พื้นที่ | |
• รวม | 92,212 ตารางกิโลเมตร (35,603 ตารางไมล์)[5] (อันดับที่ 109) |
1.2 (ใน ค.ศ. 2015)[6] | |
ประชากร | |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2021 | 10,344,802[7] |
112.2[8] ต่อตารางกิโลเมตร (290.6 ต่อตารางไมล์) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 419.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 52) |
• ต่อหัว | 40,805 ดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 45) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 251.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 51) |
• ต่อหัว | 24,495 ดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 45) |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 33.0[10] ปานกลาง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.864[11] สูงมาก · อันดับที่ 38 |
สกุลเงิน | ยูโร (€) (EUR) |
เขตเวลา | UTC (WET) UTC−1 (แอตแลนติก/อะโซร์ส) |
UTC+1 (WEST) UTC (แอตแลนติก/อะโซร์ส) | |
หมายเหตุ: โปรตุเกสแผ่นดินใหญ่และมาเดราใช้เวลา WET/WEST โดยที่อะโซร์สช้ากว่า 1 ชั่วโมง | |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +351 |
รหัส ISO 3166 | PT |
โดเมนบนสุด | .pt |
|
โปรตุเกสเป็นหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปยุโรป[12] อาณาเขตทั้งหมดเริ่มมีมนุษย์เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเคลต์, ฟินิเชีย และพ่อค้าชาวกรีกโบราณ ก่อนจะถูกปกครองโดยชาวโรมัน ตามด้วยการรุกรานของชาววิซิกอทซึ่งเป็นกลุ่มชนเจอร์แมนิก และหลังจากคาบสมุทรไอบีเรียถูกรุกรานโดยชาวมัวร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอัลอันดะลุสก ซึ่งปกครองโดยอาหรับและชาวมุสลิมในแอฟริกาเหนือ โปรตุเกสในฐานะประเทศได้ก่อตั้งขึ้นในสมัยเรกองกิสตา เคาน์ตีแห่งโปรตุเกสซึ่งหมายถึงสองมณฑลในยุคกลางที่ต่อเนื่องกันในภูมิภาครอบ ๆ บรากาและโปร์ตูได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 868 และมีชื่อเสียงจากเหตุการณ์สมรภูมิเซามาเมเดใน ค.ศ. 1128 ราชอาณาจักรโปรตุเกสได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1139 และปลดแอกจากราชอาณาจักรเลออนใน ค.ศ. 1143[13]
ในศตวรรษที่ 15 และ 16 จักรวรรดิโปรตุเกส ได้กลายเป็นมหาอำนาจและเป็นศูนย์กลางทางการค้า การเมือง และการทหารของโลก[14] ในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งเป็นยุคแห่งการสำรวจ นักสำรวจชาวโปรตุเกสได้บุกเบิกการสำรวจทางทะเลด้วยการค้นพบบราซิลสมัยอาณานิคม ใน ค.ศ. 1500 โปรตุเกสยังได้ผูกขาดการค้าเครื่องเทศในช่วงเวลานี้ และส่งผลต่อวัฒนธรรมบางส่วนของชาวเอเชียมาจนถึงปัจจุบัน สนธิสัญญาตอร์เดซิยัสแบ่งเขตอิทธิพลในดินแดนที่ค้นพบใหม่นอกยุโรประหว่างจักรวรรดิโปรตุเกสกับราชบัลลังก์กัสติยา และยังขยายอิทธิพลทางการทหารและวัฒนธรรมไปสู่ทวีปเอเชีย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 18 อาทิ แผ่นดินไหวในลิสบอน ค.ศ. 1755 การยึดครองของประเทศในช่วงสงครามนโปเลียน และเอกราชของบราซิล ส่งผลให้ความยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสเสื่อมถอยลง[15] ซึ่งตามมาด้วยสงครามเสรีนิยม ระหว่างฝ่ายเสรีนิยมกับผู้นิยมระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในการสืบราชสันตติวงศ์ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1828 ถึง 1834 การปฏิวัติใน ค.ศ. 1910 ได้โค่นล้มระบอบราชาธิปไตยที่ยาวนานมาหลายศตวรรษ ก่อนที่สาธารณรัฐที่ 1 ซึ่งเป็นประชาธิปไตยจะก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ และถูกแทนที่ด้วย อึชตาดูโนวู หรือสาธารณรัฐที่ 2 ซึ่งเป็นระบอบเผด็จการ กระนั้น ระบอบประชาธิปไตยก็ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งภายหลังการปฏิวัติคาร์เนชัน ใน ค.ศ. 1974 และเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามอาณานิคมโปรตุเกส ซึ่งตามมาด้วยการได้รับเอกราชของดินแดนโพ้นทะเลเกือบทั้งหมด
โปรตุเกสได้ทิ้งอิทธิพลทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และภาษาไปทั่วโลก โดยมีผู้พูดภาษาโปรตุเกสประมาณ 250 ล้านคน[16] โปรตุเกสเป็นประเทศพัฒนาแล้ว[17] พร้อมด้วยระบบเศรฐกิจที่มั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร[18][19][20] เป็นประเทศที่มีปริมาณทองคำสำรองในธนาคารกลางมากที่สุดเป็นอันดับ 14 ของโลก และยังเต็มไปด้วยทรัพยากรที่สำคัญรวมถึงมีปริมาณลิเทียมมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก[21][22] ซึ่งคิดเป็นปริมาณการส่งออกสูงถึง 49% ของจีดีพีรวมใน ค.ศ. 2022[23] โปรตุเกสยังได้รับการจัดอันดับที่สูงในด้านดัชนีสันติภาพโลก ประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ ดัชนีรัฐบอบบาง และทักษะทางภาษาอังกฤษ[24] โปรตุเกสเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป พื้นที่เชงเกน สภายุโรป และเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งของเนโท ยูโรโซน องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และประชาคมผู้ใช้ภาษาโปรตุเกสโลก