โรคจิต
กลุ่มโรคทางระบบประสาทที่สามารถรักษาได้ / From Wikipedia, the free encyclopedia
โรคจิต[6] หรือ ภาวะโรคจิต หรือ อาการโรคจิต (อังกฤษ: psychosis) เป็นจิตภาวะที่ผิดปกติซึ่งมีผลให้กำหนดไม่ได้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง[4][7] อาจมีอาการหลงผิด (delusion) ประสาทหลอน (hallucination) คือเห็นหรือได้ยินอะไรที่คนอื่นไม่เห็นไม่ได้ยิน[4] พูดไม่ปะติดปะต่อ มีพฤติกรรมที่ไม่สมควรกับสถานการณ์[4] มีปัญหานอนหลับ ปลีกตัวจากสังคม ไม่อยากจะทำอะไร และมีปัญหากับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
โรคจิต (Psychosis) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Psychotic break |
ภาพ ราตรีประดับดาว ปี 1889 ของจิตรกรชาวดัตช์ฟินเซนต์ ฟัน โคค แสดงความเปลี่ยนแปลงของแสงและสีที่อาจปรากฏกับอาการทางจิตนี้[1][2][3] | |
สาขาวิชา | จิตเวช, จิตวิทยาคลินิก |
อาการ | หลงผิด เห็นภาพหลอนหรือได้ยินเสียงหลอนที่คนอื่นไม่เห็นไม่ได้ยิน พูดไม่ปะติดปะต่อ[4] |
ภาวะแทรกซ้อน | ทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย[5] |
สาเหตุ | ความเจ็บป่วยทางจิตใจ (โรคจิตเภท โรคอารมณ์สองขั้ว) การขาดนอน โรคหรืออาการบางอย่าง ยาที่กินรักษาบางอย่าง สารเสพติด (รวมทั้งแอลกอฮอล์และกัญชา)[4] |
การรักษา | ยาระงับอาการทางจิต รับคำปรึกษาแนะนำจากแพทย์พยาบาล ความช่วยเหลือทางสังคม[5] |
พยากรณ์โรค | ขึ้นอยู่กับเหตุ[5] |
ความชุก | ในสหรัฐอเมริกา 3% ของประชากรทั้งหมดในช่วงชีวิต[4] |
ภาวะนี้มีเหตุหลายอย่าง[4] รวมทั้งความเจ็บป่วยทางจิต (mental illness) เช่น โรคจิตเภทหรือโรคอารมณ์สองขั้ว, การขาดนอน, โรคหรืออาการบางอย่าง, ยาที่กินรักษาบางอย่าง, สารเสพติด เช่น แอลกอฮอล์หรือกัญชา[4] แบบหนึ่งคือโรคจิตหลังคลอด (postpartum psychosis) อาจเกิดหลังคลอดบุตร[8] สารสื่อประสาทคือโดพามีนเชื่อว่ามีบทบาท[9] อาการที่เป็นปัจจุบันจัดเป็นภาวะปฐมภูมิถ้ามีเหตุทางจิตเวช และเป็นภาวะทุติยภูมิถ้ามีเหตุจากโรคหรืออาการทางแพทย์อย่างอื่น ๆ[10] การวินิจฉัยความเจ็บป่วยทางจิตใจจำเป็นต้องกันเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ออก[11] แพทย์อาจตรวจดูว่าโรคระบบประสาทกลาง ภาวะพิษ และปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ อาจเป็นเหตุหรือไม่[12]
การรักษาอาจรวมยาระงับอาการทางจิต (antipsychotic) รับคำปรึกษาแนะนำจากแพทย์พยาบาล (counselling) และความช่วยเหลือทางสังคม[4][5] การได้การรักษาตั้งแต่ต้น ๆ ดูเหมือนจะทำให้ได้ผลดีขึ้น[4] การรักษาด้วยยาดูเหมือนจะมีผลปานกลาง (moderate)[13][14] ผลที่ได้จะขึ้นอยู่กับเหตุ[5] ในสหรัฐอเมริกา ประชากร 3% จะเกิดภาวะนี้ในช่วงชีวิต[4] แพทย์กรีกโบราณคือ ฮิปพอคราทีส ได้กล่าวถึงภาวะนี้ตั้งแต่ 4 ศตวรรษก่อน ค.ศ. และพาไพรัสอียิปต์โบราณ (ที่เรียกว่า Ebers Papyrus) อาจกล่าวถึงภาวะนี้เมื่อ 15 ศตวรรษก่อน ค.ศ.[15][16]