Loading AI tools
โรงพยาบาลเก่าแก่ในสังกัดสภากาชาดไทย ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกให้กับคณะแพทยศาสตร์ ม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เป็นโรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดในสังกัดสภากาชาดไทย พระราชทานกำเนิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2445 ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ริมชายฝั่งทะเลอ่าวไทย สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า[3]
บทความนี้อาศัยการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิมากเกินไป |
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย | |
---|---|
Queen Savang Vadhana Memorial Hospital [Thai Red Cross Society] | |
ประเภท | โรงพยาบาลศูนย์ |
ที่ตั้ง | 290 ถนนเจิมจอมพล ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย |
ข้อมูลทั่วไป | |
ก่อตั้ง | 10 กันยายน พ.ศ. 2445 (122 ปี) |
สังกัด | สภากาชาดไทย |
ความร่วมมือ | คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
ผู้อำนวยการ | รศ.นพ.โศภณ นภาธร [1] |
จำนวนเตียง | 459[2] |
เว็บไซต์ | www.somdej.or.th |
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กำเนิดขึ้นจากพระประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี หลังจากพระองค์เสด็จประพาสและประทับพักฟื้น ณ พระตำหนัก ตำบลบางพระ จังหวัดชลบุรี ในปี พ.ศ. 2441 ในการนี้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)ได้จัดสร้างเรือนไม้ยื่นลงในทะเลตำบลศรีราชา เพื่อเป็นพระตำหนักแห่งใหม่และเชิญเสด็จจากตำบลบางพระมาประทับที่นี่ แต่พระตำหนักเรือนไม้ดังกล่าวอยู่ในน้ำ คับแคบและไม่แข็งแรง ราว 1 ปีหลังสร้างเสร็จ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าจึงทรงพระดำริเลือกหาพื้นที่บนชายฝั่งตำบลศรีราชาสำหรับสร้างพระตำหนัก จนกระทั่งพระองค์พอพระทัยพื้นที่บริเวณเนินเขาชายทะเลด้านทิศใต้ของพระตำหนักไม้เดิม พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์และเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีถวายความเห็น ต่อมามีพระกระแสรับสั่งให้จัดสร้างพระตำหนักใหญ่ 3 ชั้นขึ้นหลังหนึ่งสำหรับเป็นที่ประทับและเรือนหลังย่อม ๆ อีก 4-5 หลัง[4]
ประชาชนย่อมมีความเดือดร้อนทุกข์ทรมานจากการเจ็บไข้นั้น ถ้าได้มีสถานที่พยาบาลคนเจ็บไข้ขึ้นในตำบลนี้ นอกจากจะได้ใช้เป็นที่รักษาพยาบาลข้าราชบริพารและผู้ที่ตามเสด็จนั้นแล้ว ยังจะเป็นสาธารณประโยชน์ให้ประชาชนในท้องถิ่นที่ใกล้เคียงได้พึ่งพาอาศัยในยามเจ็บไข้ ซึ่งเป็นสาธารณกุศลและเป็นการช่วยชาติบ้านเมืองอีกส่วนหนึ่ง
— สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ระหว่างที่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีประทับอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ มีข้าราชบริพารและเจ้าหน้าที่รักษาพระองค์เป็นจำนวนมากที่เจ็บป่วย ประชาชนในเขตตำบลนี้ย่อมต้องเจ็บป่วยเช่นเดียวกัน ด้วยพระทัยเต็มไปด้วยการกุศลสาธารณะจึงทรงมีดำริให้สร้างสถานพยาบาลขึ้นในบริเวณใกล้เคียงพระตำหนักของพระองค์ ในช่วงก่อตั้งมีพระบำบัดสรรพโรค(หมอเอช. อาดัมสัน) เป็นผู้ช่วยในการวางแผนผังการก่อสร้าง โดยสร้างเป็นเรือนหลังคามุงจาก 2 ชั้นขึ้นก่อน 1 หลัง แล้วเพิ่มขึ้นอีก 4 หลังเป็นกลุ่มอาคารเดียวกันยื่นลงไปในทะเล การก่อสร้างสถานพยาบาลใหม่นี้แล้วเสร็จในต้นเดือน กันยายน พ.ศ. 2445[5]
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา อธิบดีกรมพยาบาล กระทรวงธรรมการ เสด็จประกอบพิธีเปิดสถานพยาบาลนี้ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2445 ซึ่งชาวบ้านในละแวกนี้ เรียกโรงพยาบาลในขณะนั้นว่า “โรงพยาบาลศรีมหาราชา” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าพระราชทานนามโรงพยาบาลนี้ว่า “โรงพยาบาลสมเด็จ”[6]
จากความทรุดโทรมของตัวโรงพยาบาลที่ยื่นลงไปในทะเล ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้งานอีกทั้งความทรุดโทรมนี้ไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมแซม นายบัวหรือขุนปราณเขตต์นครซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงพยาบาล กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เพื่อขอย้ายโรงพยาบาลขึ้นไปตั้งบนบกทางด้านเหนือของเขาพระตำหนัก(คือที่ตั้งโรงพยาบาลปัจจุบันนี้) พระองค์ทรงเห็นชอบด้วยและได้พระราชทานเงินเป็นค่าก่อสร้างในการย้ายนี้ประมาณสองหมื่นบาทเศษ โดยเริ่มสร้างโรงพยาบาลบนบกในปี พ.ศ. 2451 ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง หลังแรกเป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นล่างสำหรับทำการตรวจโรคและชั้นบนเป็นที่ทำการ หลังที่สองและสามเป็นเรือนไม้สำหรับผู้ป่วย หลังที่สี่เป็นเรือนไม้ยาวชั้นเดียวยกพื้นสำหรับเป็นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่ หลังที่ห้าเป็นบ้านพักแพทย์ผู้ปกครองโรงพยาบาล 1 หลัง อยู่บริเวณหน้าเรือนพักผู้ป่วย เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ย้ายคนเจ็บไข้จากเรือนในน้ำมาอยู่ในที่นี้เมื่อ พ.ศ. 2452[7]
ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลด้านกายภาพทั้งเงินค่าก่อสร้าง ค่าซ่อมแซม รวมถึงค่าใช้สอยประจำโรงพยาบาลจำพวก ค่าเวชภัณฑ์ ค่าครุภัณฑ์ ค่าอาหารเลี้ยงคนเจ็บไข้ ตลอดจนเงินเดือนแพทย์และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เป็นเงินส่วนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีทั้งสิ้น พระองค์พระราชทานตลอดมาทุกปี เป็นเงินราวปีละ 15,000 บาท ภายหลังได้เพิ่มเป็น 20,000 บาท ตลอดพระชนมายุ ต่อจากนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระราชทานเงินส่วนนี้เสมอมาทุกปี เพื่อเป็นที่รำลึกถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โรงพยาบาลได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา"[8]
แรกเริ่มสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีทรงฝากโรงพยาบาลสมเด็จสมเด็จนี้ไว้ในสังกัดโรงพยาบาลศิริราช จนถึงปี พ.ศ. 2461 พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้โรงพยาบาลนี้ไปอยู่ภายในการกำกับดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[9] ภายใต้กระทรวงธรรมการ(กระทรวงศึกษาธิการ) 10 ปีให้หลังในเดือนเมษายน พ.ศ. 2471 จึงโปรดเกล้าฯให้โอนโรงพยาบาลจากกระทรวงธรรมการไปสังกัดสภากาชาดไทย เป็นโรงพยาบาลแห่งที่สองของสภากาชาดไทยแต่มีอายุมากกว่าโรงพยาบาลแห่งแรกคือโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ถึง 12 ปี[10]
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา มีศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก(ศพค.) จัดตั้งอยู่ในโรงพยาบาลทำหน้าที่จัดการเรียนการสอนและฝึกปฏิบัติทางการแพทย์ให้กับนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4-6 ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[11]
ตั้งแต่ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไปจะทำหน้าที่เป็นศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกและสถาบันสมทบเพื่อการผลิตแพทย์ให้กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ และการผลิตบัณฑิตระหว่างคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย เพื่อร่วมมือในการผลิตบัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพให้มีเพิ่มมากขึ้น[12]
การร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือกันพัฒนา สร้างบุคลากรทางการแพทย์ขึ้นมา ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะรับผู้ที่จบปริญญาตรี เข้ามาศึกษาต่อในปริญญาแพทยศาสตร์เป็นระยะเวลา 4 ปี ในหลักสูตรนานาชาติ สำหรับการที่มาร่วมมือกันในครั้งนี้เนื่องจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เป็นโรงพยาบาลในสภากาชาดไทย ที่ได้มีความร่วมมือกันมานานแล้ว และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ยังอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งการพัฒนาบัณฑิต การพัฒนาคนเพื่อตอบสนองพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จะเป็นจุดสำคัญที่ดีที่ทำให้การพัฒนาภาพรวมของประเทศได้ดีในอนาคต[13]
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย จัดการเรียนการสอนในระดับ Clinical clerkship และ Externship (นิสิตแพทย์ชั้นปี 2-4) ตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน 1 หลักสูตร คือ
|
|
ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตลอดหลักสูตรรวม 4 ปี ดังนี้
|
|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.