พลเอก กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4[2], อดีตราชองครักษ์พิเศษ[3], อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี
ข้อมูลเบื้องต้น แม่ทัพภาคที่ 4, ก่อนหน้า ...
กิตติ รัตนฉายา |
---|
|
แม่ทัพภาคที่ 4 |
---|
ดำรงตำแหน่ง 1 เมษายน 2534 – 30 กันยายน 2537 |
ก่อนหน้า | พลโท ยุทธนา แย้มพันธุ์ |
---|
ถัดไป | พลโท ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ |
---|
|
ข้อมูลส่วนบุคคล |
---|
เกิด | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 (88 ปี) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศสยาม |
---|
คู่สมรส | คุณหญิงสุภาภรณ์ รัตนฉายา |
---|
อาชีพ | ทหารบก, นักการเมือง |
---|
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง |
---|
รับใช้ | ไทย |
---|
สังกัด | กองทัพบกไทย |
---|
ประจำการ | พ.ศ. 2499 - 2539 |
---|
ยศ | พลเอก[1] |
---|
|
ปิด
พล.ท. กิตติ รัตนฉายา เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 ที่บ้านกะแดะ ตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นบุตรของนายเตงและนางถวิล รัตนฉายา สมรสกับ คุณหญิงสุภาภรณ์ รัตนฉายา มีบุตร 3 คน คือ
- นายหงสเวส รัตนฉายา
- พล.ต. คมกฤช รัตนฉายา
- นายพชร รัตนฉายา
การศึกษาวิชาทหาร
- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 8 (ร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา)
- โรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ หลักสูตรผู้บังคับหมวด รุ่นที่ 6
- โรงเรียนสรรพาวุธทหารบก หลักสูตรสงครามเคมี ชีวะ รังสี รุ่นที่ 3
- โรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ หลักสูตรจู่โจม รุ่นที่ 4
- โรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ หลักสูตรผู้บังคับกองร้อย รุ่นที่ 28
- ศูนย์สงครามพิเศษ หลักสูตรพลร่มทั่วไป รุ่นที่ 2
- โรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ หลักสูตรผู้บังคับกองพัน รุ่นที่ 17
- วิทยาลัยการทัพบก หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 28
การศึกษาต่างประเทศ
- หลักสูตรผู้บังคับหมวด, โรงเรียนทหารราบ กองทัพบก ค่ายเบนนิง สหรัฐอเมริกา
- หลักสูตรรบในป่า, โจโฮร์บะฮ์รู มาเลเซีย
- หลักสูตรการเคลื่อนย้ายทางอากาศ, ชิลิต้าร์ สิงคโปร์
ราชการทหาร
รับราชการทหารเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2504
- พ.ศ. 2504 : ผู้บังคับหมู่หมวดปืนเล็ก กรมผสมที่ 5 กองพันราบทหารที่ 3
- พ.ศ. 2509 : ผู้ช่วยฝ่ายอำนวยการ กรมผสมที่ 5 กองพันราบทหารที่ 3
- พ.ศ. 2509 : ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันผสม
- พ.ศ. 2510 : ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กรมผสมที่ 5 กองพันทหารราบที่ 4
- พ.ศ. 2512 : ประจำ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- พ.ศ. 2512 : ฝ่ายอำนวยการที่ 3 กรมผสมที่ 5 กองพันทหารราบที่ 2
- พ.ศ. 2512 : ประจำ ฝ่ายยุทธศาสตร์ทหารบก ช่วยราชการ กองทัพภาคที่ 3
- พ.ศ. 2513 : ผู้ช่วยหัวหน้า ฝ่ายยุทธการ กองพลทหารอาสาสมัคร
- พ.ศ. 2514 : ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2
- พ.ศ. 2516 : ผู้บังคับกรมผสมที่ 15 กองพันทหารราบที่ 2
- พ.ศ. 2520 : ผู้บังคับกรมผสมที่ 15 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 / รอง ผบ.จังหวัดทหารบกสงขลา (อัตรายศพันเอก)
- พ.ศ. 2522 : ผู้บังคับกรมทหารราบที่ 15
- พ.ศ. 2524 : รองผู้บัญชาการกองพลที่ 5
- พ.ศ. 2528 : ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5
- พ.ศ. 2531 : รองแม่ทัพภาคที่ 4
- พ.ศ. 2534 : แม่ทัพภาคที่ 4
- พ.ศ. 2537 : ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก
ราชการพิเศษ
- 25 มิ.ย. พ.ศ. 2508 – 26 ธ.ค. : ผู้บังคับศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ 51 (ปัตตานี)
- พ.ศ. 2511 – 2512 : ผู้บังคับศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ 51 (ปัตตานี)
- พ.ศ. 2523 : ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจ 421
- พ.ศ. 2523 – 2524 : รองผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 42 (สุราษฎร์ธานี)
- พ.ศ. 2524 – 2525 : รองผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43
- พ.ศ. 2525 – 2528 : รองผู้บัญชาการกองกำลังผสม ชุดเฉพาะกิจไทย (สงขลา)
- พ.ศ. 2528 – 2531 : ผู้บัญชาการกองกำลังผสม ชุดเฉพาะกิจไทย (สงขลา)
- พ.ศ. 2531 – 2534 : รองผู้อำนวยการ ปค.ภาค 4 (นครศรีธรรมราช)
- พ.ศ. 2534 – 2537 : ผู้อำนวยการ ปค.ภาค 4 (นครศรีธรรมราช)
รับราชการและปฏิบัติงานใน 14 จังหวัดภาคใต้ตั้งแต่ปี 2504–2537 (ยกเว้นสงครามเวียดนาม) ได้รับการพิจารณาบำเหน็จสองขั้น 15 ครั้ง
- พ.ศ. 2506 : ปฏิบัติหน้าที่นายทหารการข่าวประจำกองอำนวยการฝึกและปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ร่วมกับตำรวจสนามมาเลเซีย บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย สงขลา, ยะลา และนราธิวาส
- พ.ศ. 2514 – 2520 : เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 5 รับผิดชอบในการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ในนครศรีธรรมราช และจ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งชุดต่อต้าน ผกค. ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย (บ้านบางระจัน 1) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น ทสป. และไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.)
- พ.ศ. 2522 – 2524 : เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 15 ปฏิบัติหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการพลเรือนตำรวจทหารที่ 42 รับผิดชอบความมั่นคงภายในนครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, ตรัง กระบี่, ภูเก็ต, ระนอง ชุมพร และพังงา
- พ.ศ. 2528 : เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 และผู้บัญชาการกองกำลังผสมเฉพาะกิจไทย-มาเลเซีย รับผิดชอบปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีผลงานด้านยุทธการหลายครั้ง
- พ.ศ. 2528 : เป็นผู้ริเริ่มใช้นโยบายยุติสงครามตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย กับทางโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาโดยการเจรจา ไทย-มาเลเซีย ทางลับตั้งแต่ปี 2528 จนประสบความสำเร็จร่วมกันระดับชาติ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2532
- เป็นประธานคณะทำงานแก้ปัญหามุสลิม (โครงการไทย-มุสลิมแก้ปัญหามุสลิม) อย่างไม่เป็นทางการได้ผลเป็นที่ยอมรับของชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างกว้างขวาง
เกียรติประวัติระดับนานาประเทศ
- พ.ศ. 2530 : ได้รับคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ และมูลนิธิเอเชีย ร่วมใน “GEORGETOWN LEADERSHIP SEMINAR” กับผู้นำนักบริหาร นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ ระดับสูง ซึ่งได้รับคัดเลือก จำนวน 27 คน ในจำนวน 24 ประเทศ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2533 : ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย จากพระราชาธิบดีมาเลเซีย มีบรรดาศักดิ์เป็น ดาโต๊ะ (DATO)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- เวียดนามใต้ :
- พ.ศ. 2513 - แกลแลนทรี่ครอส ประดับใบปาล์ม[11]
- พ.ศ. 2513 - เหรียญเกียรติยศกองทัพเวียดนาม ชั้นที่ 1[11]
- พ.ศ. 2513 - ซิฟเวิลแอคเชิน ยูนิท ไซเทเชิน
- พ.ศ. 2513 - เหรียญรณรงค์เวียดนาม[11]
- สหรัฐ :
- พ.ศ. 2513 - เหรียญคอมเมนเดชัน (ทหารบก)[11]
- พ.ศ. 2513 - เหรียญเนชันดิเฟนเซอวิส[11]
- รัฐเประ, มาเลเซีย :
- พ.ศ. 2532 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาโต๊ะ ปาห์ลาวัน ทามิง ซารี ชั้นที่ 2[12]
- มาเลเซีย :
- พ.ศ. 2533 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกปาละวานัน อังกะตัน เตนเตรา ชั้นที่ 1[13]