คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา (เกิด 8 มกราคม พ.ศ. 2480) ประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ประธานสมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตที่ปรึกษายิ่งลักษณ์ ชินวัตร[3] อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลทักษิณ อดีตนายทหารราชองครักษ์พิเศษ[4] อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทย และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดยสื่อมวลชนมักเรียกว่า "บิ๊กอ็อด"
Remove ads
ประวัติ
ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2480 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ พล.ท. อรรถ และนางจำรูญ ศศิประภา เป็นพี่ชายของพล.อ. อัครเดช ศศิประภา อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานกรรมการบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) (ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว) ด้านชีวิตครอบครัวได้สมรสกับคุณหญิงอรพรรณ ศศิประภา ธิดาของจอมพล ประภาส จารุเสถียร กับท่านผู้หญิงไสว จารุเสถียร มีบุตรธิดา 4 คน คือ
- พ.ต. ดร.ปรภฎ ศศิประภา
- นางสาวอภิษฎา ศศิประภา
- นางสาววลัยพรรณ ศศิประภา
- นางสาวจันทิมา ศศิประภา
การศึกษา
ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 8 (ร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ. กิตติ รัตนฉายา) ในปี พ.ศ. 2504 เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 48 หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 33 นอกจากนั้นยังผ่านการอบรมหลักสูตรพลร่ม และจู่โจม จากศูนย์การทหารราบ กองทัพบก สหรัฐอเมริกา
Remove ads
การทำงาน
สรุป
มุมมอง
ราชการทหาร
พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รับราชการในสังกัดกองทัพบก จนกระทั่งได้รับยศชั้น "พลตรี" ในปี พ.ศ. 2528 ในตำแหน่งเสนาธิการกรมการรักษาดินแดน ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้เลื่อนชั้นยศเป็น "พลโท" ในตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายการข่าว และได้รับพระราชทานยศ "พลเอก" ในปี พ.ศ. 2536[5] เป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม และได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม[6] เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 ได้รับพระราชทานยศ "พลเรือเอก พลอากาศเอก"[7] จนเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2541
การเมือง
พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เข้าสู่งานการเมืองโดยการร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2544 จึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
ภายหลังการยุบพรรคไทยรักไทย ยุทธศักดิ์ได้ย้ายมาสังกัดพรรคชาติไทย และลงสมัครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6 ลำดับที่ 1[8] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้ง สส.ในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 23[9] และได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อเปิดทางให้ผู้สมัครในลำดับถัดได้เลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี[10] และจากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน โดยสำนักเอแบคโพล เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 พล.อ. ยุทธศักดิ์เป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนพึงพอใจ เป็นลำดับที่ 4[11] แต่ในเดือนตุลาคมของปี พ.ศ. 2555 ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556[12] ซึ่งมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 ก่อนการชุมนุมของกปปส. และแนวร่วมไม่นาน ได้ปรากฏคลิปเสียงที่เชื่อว่าเป็นเสียงสนทนากันระหว่างพลเอกยุทธศักดิ์ กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ต่างประเทศ โดยเนื้อหาที่ปรากฏเป็นเรื่องการสนทนากันเกี่ยวกับนายทหารระดับผู้บัญชาการกองทัพ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก และตอนหนึ่งได้มีการกล่าวถึงถั่งเช่า ซึ่งเป็นสมุนไพรนจีนสำหรับบำรุงสมรรถนะทางเพศ จึงทำให้พล.อ. ยุทธศักดิ์ได้รับฉายาว่า "นายพลถั่งเช่า"[13]
ต่อมาในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีจากตำแหน่งเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขาดความชอบธรรม[14]
การกีฬา
พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ถึงปี พ.ศ. 2545[15] และเป็นอดีตประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย[16] และเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Remove ads
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2536 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[17]
- พ.ศ. 2532 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[18]
- พ.ศ. 2554 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ (ท.ภ.)[19]
- พ.ศ. 2540 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)[20]
- พ.ศ. 2554 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[21]
- พ.ศ. 2507 –
เหรียญชัยสมรภูมิ การร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ ประเทศเกาหลี (ช.ส.)[22]
- พ.ศ. 2516 –
เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)[23]
- พ.ศ. 2540 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[24]
- พ.ศ. 2510 –
เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[25]
- พ.ศ. 2520 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[26]
- พ.ศ. 2507 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 5 (ภ.ป.ร.5)[27]
- พ.ศ. 2500 –
เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
- พ.ศ. 2546 –
เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
ต่างประเทศ
เวียดนามใต้ :[28]
- พ.ศ. 2515 –
แกลแลนทรี่ครอส ประดับดาวบรอนซ์
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญเกียรติยศกองทัพเวียดนาม ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญเจ้าหน้าที่ราชการ ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญปฏิบัติการกิจการพลเรือน ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญรณรงค์เวียดนาม
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญวัฒนธรรม และการศึกษา ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญบริการสาธารณสุข ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญสวัสดิภาพสังคม ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญบริการโยธาธิการ สื่อสาร และการขนส่ง ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญแรงงานอันทรงเกียรติ ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญพัฒนาชนบท ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญเกียรติคุณตำรวจ ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
เหรียญกีฬาเยาวชน ชั้นที่ 2
- พ.ศ. 2515 –
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads