คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

กลุ่ม 40 ส.ว.

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

กลุ่ม 40 ส.ว. เป็นการรวมตัวกันของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในขณะนั้น จำนวน 40 คน ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีความขัดแย้งกับทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองที่ทักษิณก่อตั้ง เช่น พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เป็นต้น โดยปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชุด ใน 2 ยุค ดังนี้

พ.ศ. 2551

สรุป
มุมมอง

กลุ่ม 40 ส.ว. ชุดปี พ.ศ. 2551 เป็นการรวมตัวกันของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากการเลือกตั้งและจากการสรรหา โดยไม่มีการจดทะเบียนหรือมีกฎระเบียบข้อบังคับอย่างเป็นทางการ สมาชิกในกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักเนื่องจากมีความกระตือรือร้นในการทำงาน มักอภิปรายในสภาและยื่นญัตติต่าง ๆ ซึ่งทำให้กลุ่มนี้มีบทบาทที่โดดเด่นและเป็นที่จับตามองจากสื่อมวลชนและสาธารณชน[1]

ประวัติ

กลุ่ม 40 ส.ว. ชุดปี พ.ศ. 2551 เป็นการรวมตัวกันของสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 40 คน ร่วมหารือถึงการลงชื่อเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป ครม. สมัคร โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 [2] [3] ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาที่มีจุดยืนในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และมีการดำเนินการทางการเมืองที่ชัดเจนในการต่อต้านกลุ่มการเมืองที่พวกเขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง กลุ่มนี้มีลักษณะแนวทางไม่เห็นด้วยกับพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่มีการสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร

วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2552 กลุ่ม 40 สว. มีบทบาทสำคัญในการอภิปรายและการตัดสินใจต่างๆ เพื่อหาทางออกจากวิกฤติ มีผลงานเด่น ๆ ได้แก่ เรียกร้องให้นายสมัครลาออกหรือยุบสภาหลังเกิดเหตุการณ์ นปช. ปะทะพันธมิตรฯ ที่ถนนราชดำเนิน , การยื่นวินิจฉัยกรณีจัดรายการชิมไปบ่นไปของนายสมัคร สุนทรเวช จนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 , ลงชื่อคัดค้านการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่เกียกกาย, ไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และเรียกร้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกหรือยุบสภา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยความรุนแรงในวันที่ 7 ตุลาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา เคยยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายสมชายถือหุ้น บ.ซีเอส ล็อกอินโฟร์ จำกัด และยังได้คัดค้านการแก้ไข รธน.ปี 50 ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เป็นต้น

หลังจากที่สมาชิกในกลุ่มหมดวาระการดำรงตำแหน่ง สถานะของกลุ่มก็เริ่มห่างหายไป สมาชิกบางคนที่เคยมีบทบาทสำคัญในการประสานงานกลุ่มก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ทำให้กลุ่ม 40 สว. เริ่มแตกแยกและไม่ได้มีการประชุมหรือทำงานร่วมกันอย่างเป็นทางการเหมือนเดิม แต่สมาชิกบางส่วนยังคงมีการพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในบางโอกาสตามความเหมาะสม

รายชื่อ

สายสรรหา

สายเลือกตั้ง

ข้อเสนอการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง

ในวันที่ 14-16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ส.ว. ไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ไปร่วมรายการ เจาะข่าวเด่น ของ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 พร้อมกับชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา นายไพบูลย์ ยืนยันว่า นายกคนกลางที่ตนไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้นั้น เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่ง จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และความขัดแย้งได้ หากมีผู้ต่อต้าน ไม่ยอมรับ ก็จะสามารถจัดการกับปัญหาได้ นาย ไพบูลย์ ยืนยันว่าการแต่งตั้งนายกคนกลางนั้นเป็นเป็นไปตามมาตรา 7 ถ้าใช้มาตรา 7 ไม่ได้ ก็สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญได้ และเมื่อถูกซักถามจากนายชูวิทย์ ว่าที่จะปฏิรูป จะทำอะไรบ้าง? ในที่สุดนายไพบูลย์ จึงได้บอกรายละเอียดของการปฏิรูปคร่าวๆ ออกมาโดยกล่าวว่า

1. "พรรคการเมืองไม่ให้ใครไปเป็นเจ้าของ มหาชนเป็นเจ้าของ"

2. "ติดป้าย ติดเป้ยอะไร ไม่ต้องไปติด กกต. ไปติดให้เอง หาเสียงให้"

3. "เวลาเลือกตั้งเข้ามา ห้ามหาเสียงอะไรที่นอกจากการเป็น ส.ส. ทำหน้าที่นิติบัญญัติ คุณก็พูดแต่เรื่องกฎหมาย ไปพูดเรื่องบ้าเรื่องบออะไร 2 ล้านล้าน"

ซึ่งแบ่งเป็นประเด็นหลักๆ 3 ข้อ ซึ่งก็ถูกซักจากนายชูวิทย์ ว่าทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ ไม่สามารถรับประกันการแก้ไขปัญหาได้ และเมื่อมองในรายละเอียดแล้วก็มีปัญหาจริง เช่น

ตามข้อ 1. ถึงนายทุนไม่ได้เป็นเจ้าของพรรค แต่พรรคก็ต้องทำตามมติพรรค ซึ่งจะโน้มเอียงไปตามความเห็นของหัวหน้าพรรคการเมืองอยู่ดี

ตามข้อ 2. หมายความว่า กกต. เป็นผู้หาเสียง และ พรรคการเมืองไม่มีสิทธิในการหาเสียง หมายความว่าหาก กกต. ไม่เป็นกลางอย่างแท้จริง อาจจะไม่หาเสียงให้พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน

ตามข้อ 3. เป็นการยึดอำนาจบริหารจาก สภาผู้แทนราษฎรไทย และอนุญาตให้มีแค่อำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น ซึ่งทำให้รัฐบาลไม่สามารถบริหาร หรือ ดำเนินโครงการพัฒนาประเทศใดๆ ได้

Remove ads

พ.ศ. 2567

สรุป
มุมมอง

กลุ่ม 40 ส.ว. ในปี พ.ศ. 2567 เป็นคำที่สื่อมวลชนใช้เรียกกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 ที่แต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 40 คน ที่ได้ยื่นเรื่องต่อพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาในขณะนั้น เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จนนำมาสู่การถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 จากกรณีที่เศรษฐาแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยขาดคุณสมบัติ[4]

รายชื่อ

Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads