คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
กวางมูส
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
กวางมูส (อังกฤษ: moose) คือกวางขนาดใหญ่ที่พบในป่าเขตหนาวและอบอุ่นซีกโลกเหนือ สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือสายพันธุ์อะแลสกา[2] สามารถพบได้ในบริเวณป่าไทกา ในทวีปอเมริกาเหนือจะเรียกว่า มูส ในยูเรเชียจะเรียกว่า เอลก์ พบมากในบริเวณประเทศแคนาดา, ประเทศลัตเวีย, ประเทศเอสโตเนีย และประเทศรัสเซีย
พวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่รวมกันเป็นฝูงและมีขนาดใหญ่แถมยังมีเขาที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้มันเคลื่อนที่ได้ค่อยข้างช้าทำให้พวกมันตกเป็นเหยื่อของนักล่าอย่างหมาป่าและมนุษย์ โดยปกติพวกมันจะเคลือนไหวช้าแต่ถ้าพวกมันโกรธหรือตกใจพวกมันก็สามารถวิ่งได้เร็วเช่นกัน
พวกมันจะผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งช่วงนั้นมันจะมีการต่อสู้อย่างดุเดือดของตัวผู้เพื่อแย่งตัวเมีย
Remove ads
การตั้งชื่อ
คำว่า moose เป็นชื่อเรียกของกวางในอเมริกาเหนือส่วนคำว่า elk เป็นคำเรียกในแถบยูเรเชีย เหตุผลที่ใช้ชื่อเรียกไม่เหมือนกันก็เพราะว่าคำว่า elk ในอเมริกาเหนือนั้นเอาไวใช้ในการเรียกชื่อกวางในสายพันธุ์อื่นไปแล้วนั้นก็คือกวางเอลก์ ซึ่งคำว่า elk ดังเดินมาจากภาษาเจอร์แมนิกดั้งเดิม ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษเก่าที่พัฒนาขึ้น[3]
ส่วนคำว่า moose เริ่มนำมาใช้ในปี 1606[4]ซึ่งยืมมาจากภาษาแอลกองเควียน[5][6] คำว่า "กวางมูส" เป็นชื่อของแหล่งกำเนิดในอเมริกาเหนือและชื่อวิทยาศาสตร์ของมันมาจากชื่อภาษาละติน[7]
กวางมูสหรือเอลก์สูญพันธุ์ไปจากเกาะบริเตนใหญ่ตั้งแต่ยุคสำริดซึ่งโครงกระดูกที่พบในประเทศสกอตแลนด์นั้นมีอายุถึง 3,900 ปี[8]แต่คำว่า elkก็ยังใช้เป็นชื่อกวางชนิดอื่นอยู่จนพจนานุกรมของศตวรรษที่ 18 ได้อธิบายว่าความหมายของคำว่า elk ว่าเป็นกวางที่มีขนาดใหญ่เท่าม้า[9]
Remove ads
ที่อยู่อาศัย
อเมริกาเหนือ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยูเรเชีย
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
จำนวนประชากรและชนิด
จำนวนประชากร
อเมริกาเหนือ
- ในประเทศแคนาดา: มีกวางมูสประมาณ 500,000 ถึง 1,000,000 ตัว[10]และในนิวฟันด์แลนด์มีประมาณ150,000ตัว[11]
- ในสหรัฐอเมริกา : อาจจะมีกวางมูสประมาณ 300,000 ตัว ดังนี้ :
ยูเรเชีย
- ประเทศฟินแลนด์ : ในปี 2009 มีประมาณ 11,500 ตัว[16]
- ประเทศนอร์เวย์ : ในปี 2009 มีประมาณ 120,000 ตัว[17] ในปี 2015 มีกวางมูสถูกยิง 31,131 ตัวมีกวางมูสตายในปี 1999 จำนวน 39,422 ตัว[18]
- ประเทศลัตเวีย : ในปี 2015 มีประมาณ 21,000 ตัว[19]
- ประเทศเอสโตเนีย : 13,260 ตัว[20]
- ประเทศโปแลนด์ : 2,800 ตัว[21]
- ประเทศเช็กเกีย : สูงสุด 50 ตัว[21]
- ประเทศรัสเซีย : ในปี 2008 มีประมาณ 730,000 ตัว[ต้องการอ้างอิง]
- ประเทศสวีเดน : ประชากรฤดูร้อนประมาณ 300,000-400,000 ตัว มีคนล่าพวกมันประมาณ 100,000 ตัว[22][23]
ชนิด
เอลก์ยูเรเชีย | A. a. alces | พบในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออกประเทศฟินแลนด์, ประเทศสวีเดน, ประเทศนอร์เวย์, ประเทศลัตเวีย, ประเทศเอสโตเนีย และประเทศรัสเซีย ไม่สามารถพบได้ในยุโรปกลางและยุโรปตะวันตกยกเว้นประเทศโปแลนด์, ประเทศลิทัวเนีย และประเทศเบลารุส เพศผู้มีน้ำหนักประมาณ 320 ถึง 475 กก. (705 ถึง 1,047 ปอนด์) และเพศเมียมีน้ำหนัก 275 to 375 กก (606 ถึง 827 ปอนด์) ความสูงถึงไหล่มีความสูงตั้งแต่ 1.7 ถึง 2.1 เมตร (5.6 ถึง 6.9 ฟุต)[24] |
มูสซาฮาหรือมูสไซบีเรียกลาง/มูสเลนา[25] | A. a. pfizenmayeri | พบในไซบีเรียตะวันออก, ประเทศมองโกเลีย และแมนจูเรีย ส่วนใหญ่พบในป่าทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย เป็นกวางมูสที่พบมากที่สุดในทวีปเอเชียมีขนาดใกล้เคียงกับ Western Moose of Canada |
มูสอุสซูรีหรือมูสอามูร์[25] | A. a. cameloides | พบได้มากทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย สายพันธุ์นี้แตกต่างจากสายพันธุ์กวางมูสพันธุ์อื่น ๆ ตรงที่พวกมันมีขนาดตัวและเขาขนาดเล็ก เป็นกลุ่มย่อยที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียและทั่วโลกโดยทั้งเพศผู้และเพศเมียมีความสูงถึงไหล่เพียง 1.65 ถึง 1.85 เมตร (5.4 ถึง 6.1 ฟุต) และมีน้ำหนักระหว่าง 200 ถึง 350 กิโลกรัม (441 และ 772 ปอนด์)[26] |
มูสชูคอตคาหรือมูสไซบีเรียตะวันออก[25] | A. a. burulini | พบได้ที่ไซบีเรีย เป็นกวางที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเอเชีย สามารถสูงได้ประมาณ 2.15 เมตร (7.1 ฟุต) และมีน้ำหนักระหว่าง 500 ถึง 725 กิโลกรัม (1,102 และ 1,598 ปอนด์) ; เพศเมียค่อนข้างเล็ก |
มูสตะวันออก | A. a. americana | ภาคตะวันออกของแคนาดา ได้แก่ ภาคตะวันออกของรัฐออนแทรีโอ, รัฐควิเบกทั้งหมด และรัฐในแถบมหาสมุทรแอตแลนติก; รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ รัฐเมน, รัฐนิวแฮมป์เชียร์, รัฐเวอร์มอนต์, รัฐแมสซาชูเซตส์, รัฐโรดไอแลนด์, รัฐคอนเนตทิคัต และทางภาคเหนือของรัฐนิวยอร์กใกล้ภูเขาแอดิรอนแด็ก จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น เพศหญิงมีน้ำหนักเฉลี่ย 270 กิโลกรัม (595 ปอนด์) เพศผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 365 กิโลกรัม (805 ปอนด์) และสูงประมาณ 2 เมตร (6.6 ฟุต) |
มูสตะวันตก | A. a. andersoni | รัฐบริติชโคลัมเบีย ไปทางตะวันตกถึงรัฐออนแทรีโอ, ตะวันออกของยูคอน, นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์, ตะวันตกเฉียงใต้ของนูนาวุต, รัฐมิชิแกน (บนคาบสมุทร) รัฐวิสคอนซิน รัฐมินนิโซตา รัฐนอร์ทดาโคตา มันมีน้ำหนักประมาณ 340 ถึง 420 กก. (750 ถึง 926 ปอนด์) ในเพศหญิงและ 450 ถึง 500 กิโลกรัม (992 ถึง 1,102 ปอนด์) ในเพศผู้[27] |
มูสอะแลสกา | A. a. gigas | พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่สามารถพบได้มากที่สุดในอเมริกาเหนือ[28] |
มูสไชรัส | A. a. shirasi | พบได้ในรัฐไวโอมิง, รัฐไอดาโฮ, รัฐยูทาห์, รัฐโคโลราโด, รัฐวอชิงตัน, รัฐออริกอน และรัฐมอนแทนา[29]สาขาย่อยที่เล็กที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือมีน้ำหนักประมาณ 230 ถึง 344 กิโลกรัม (507 ถึง 758 ปอนด์) |
† มูสคอเคซัส | A. a. caucasicus | อยู่บริเวณเทือกเขาคอเคซัส ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้วโดยช่วงที่มีชีวิตอยู่จะอาศัยอยู่บริเวณประเทศอิหร่าน, ประเทศรัสเซีย, ประเทศจอร์เจีย, ประเทศอาเซอร์ไบจาน และประเทศตุรกี |
Remove ads
ลักษณะ
สรุป
มุมมอง
อาหาร
กวางมูสเป็นสัตว์กินพืชสมุนไพรและสามารถกินพืชหรือผลไม้ได้หลายชนิด กวางตัวเต็มวัยโดยเฉลี่ยนั้นจะต้องการกินอาหารมากกว่า 9,770 กิโลแคลโลรี่ (40.9 MJ) ต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักตัว[30] พลังงานของกวางส่วนใหญ่ได้มาจากพืชซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยพืชสมุนไพรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หญ้าแต่จะเป็นยอดสดจากต้นไม้ เช่น วิลโลว์, เบิร์ช พืชเหล่านี้มีโซเดียมค่อนข้างต่ำจึงทำให้พวกมันต้องไปกินพืชน้ำที่จะให้โซเดียมเพิ่ม[31]
ในช่วงฤดูหนาวพวกมันจะไปตามถนนเพื่อเลียเกลือที่คนน้ำโรยถนน[32]กวางมูสโดยทั่วไปจะมีน้ำหนัก 360 กิโลกรัม (794 ปอนด์) และสามารถกินได้ถึง 32 กิโลกรัม (71 ปอนด์) ต่อวัน[31]
พวกมันไม่มีฟันบนด้านหน้าแต่มีฟันกรามด้านล่างแปดซี่ อีกทั้งพวกมันยังมีลิ้นยาว มีฝีปากและเหงือกซึ่งช่วยในการกินพืชไม้ยืนต้น พวกมันมีฟันกรามขนาดใหญ่เพื่อเอาไว้บดอาหาร ริมฝีปากบนของกวางมูสมีความสำคัญมากเนื่องจากเพื่อช่วยให้เห็นความแตกต่างระหว่างยอดสดและกิ่งไม้ที่แข็งและมันยังมีริมฝีปากจะหย่อนยานเพื่อดักไม่ให้อาหารตกลงพื้น[33][34] อาหารของพวกมันนั้นจะขึ้นอยู่ตามถิ่นที่มันอยู่อาศัยแต่โดยปกติแล้วพวกมันจะชอบกินไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น เมเปิล[35]
ถ้ามันกินใบไม้ต้นเตี้ย ๆ มันอาจงอหรือย่อตัวให้เตี้ยลงโดยใช้ริมฝีปากปากหรือลำตัว สำหรับต้นไม้ขนาดใหญ่ กวางมูสอาจยืนตรงและใช้ขาหน้าพาดต้นไม้ซึ่งทำให้มันสูงได้ถึง 4.26 เมตร (14.0 ฟุต) [36][37]
ขน
ขนของพวกมันมีสองชั้นโดยชั้นแรกจะค่อนข้างยาวเพื่อทำให้ร่างกายของมันอบอุ่น ส่วนชั้นที่สองจะมีกลักษณะเป็นขนอ่อนและเต็มไปด้วยอากาศสำหรับฉนวนกันความร้อนที่ดีและยังช่วยให้มันลอยตัวได้เวลาพวกมันว่ายน้ำ[38]
ขนาดและน้ำหนัก

โดยเฉลี่ยแล้วกวางตัวเต็มวัยจะมีความสูงเฉลี่ย 1.4-2.1 เมตร (4.6-6.9 ฟุต) โดยแค่ไหล่ของมันก็สูงกว่ากวางที่ใหญ่ที่สุดในอันดับถัดไปจึงทำให้มันเป็นกวางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน[39]
ตัวผู้โดยทั่วไปแล้วจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 380 ถึง 700 กก. (838 ถึง 1,543 ปอนด์) และตัวเมียนั้นโดยปกติจะมีน้ำหนักประมาณ 200 ถึง 490 กิโลกรัม (441 ถึง 1,080 ปอนด์) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัย อายุ และอาหารการกินด้วย[40][41] ความยางตั้งแต่หัวถึงหางอยู่ที่ 2.4-3.1 เมตร (7.9-10.2 ฟุต) หรืออาจจะยาวกว่านี้ 5-12 เซนติเมตร
สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อะแลสกาชื่อสายพันธุ์คือ A. a. gigas ซึ่งความสูงจกพื้นถึงไหล่คือ 2.1 เมตร (6.9 ฟุต) และยาวประมาณ 1.8 เมตร (5.9 ฟุต) ตัวผู้หนักประมาณ 634.5 กิโลกรัม ( 1,399 lb) และตัวเมียหนักประมาณ 478 กิโลกรัม (1,054 ปอนด์) [42]
ขนาดกวางมูสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบคือในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2440 ซึ่งมีน้ำหนัก 820 กิโลกรัม (1,808 ปอนด์) และสูง 2.33 เมตร (7.6 ฟุต)[43]
กวางมูสเป็นสัตว์บกที่ใหญ่เป็นอันดับสองในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปโดยเป็นรองเพียงวัวไบซัน[43]
สังคมและการสืบพันธุ์
กวางมูสส่วนมากจะชอบอยู่ตัวเดียวแต่เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์พวกมันจะอยู่กันเป็นกลุ่มหลายตัว การผสมพันธุ์นั้นจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม ตัวผู้จะหาคู่โดยใช้เสียงร้องที่ได้ยินไกลถึง 500 เมตร ในขณะที่ตัวเมียก็จะมีเสียงที่คล้ายกัน และถ้ามันเจอเพศผู้ตัวอื่นมาแย่งตัวเมียมันก็จะสู่กันเพื่อจะได้ตัดสินว่าใครจะได้คุ้มครองตัวเมีย[44]
พวกมันจะตั้งครรภ์ 8 เดือนโดยจะออกมาแค่ 1 หรือ 2 ตัว[45]ในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน[46]กวางมูสที่เกิดใหม่จะมีสีแดงเมื่อเทียบกับขนของตัวเต็มวัย และพวกมันก็จะอยู่กับเม่ของมันจนกว่าแม่จะมีลูกตัวใหม่
อายุโดยเฉลี่ยของกวางมูสอยู่ที่ 15-25ปี
- (เกิดใหม่)
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ - (3 เดือน)
พวกมันจะอยู่กับแม่ตลอดเวลา - (9 เดือน)
พวกมันจะเริ่มแยกออกจากแม่ - (10–11 เดือน)
ช่วงนี้มันจะโดนไล่เพราะแม่ตั้งครรภ์ใหม่
การรุกราน
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Remove ads
นักล่าตามธรรมชาติ
สรุป
มุมมอง


กวางมูสตัวเต็มวัยนั้นมีศัตรูตามธรรมชาติเพียงไม่กี่ชนิดจะมีก็แค่เสือโคร่งไซบีเรีย,หมาป่าที่มาล่ากวางมูสบ่อยๆ[47][48][49]แต่หมาป่าส่วนมากจะล่ากวางตัวเมียหรือลูกกวางมากกว่า[50]
หมีสีน้ำตาล[42]นั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ล่าโดยมันจะล่ากวางที่มันเห็นโดยไม่เกียงขนาดว่าจะใหญ่หรือเล็กและยังเป็นนักล่าเพียงตัวเดียวนอกจากหมาป่าที่ล่ากวางมูสในทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชียอย่างไรก็ตามพวกมันก็ขี้เกียจที่จะล่ามันจึงรอตอนที่หมาป่าล่าหรือรอตะครุบกวางเด็กมากกว่าที่จะมาไล่ล่ากวางตัวเต็มวัย[51][52][53]
หมีดำก็สามารถเป็นล่ากวางมูสได้เช่นกันในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงที่เหยือหายาก[54][55]และรวมถึงวุลเวอรีนก็ชอนกินกวางมูสเช่นกันแต่ส่วนมากมันจะกินซากกวางหรือรอล่าหวางมูสตอนที่พวกมันอ่อนแอจากฤดูหนาว
วาฬเพชรฆาตเป็นสัตว์ทะเลที่มีการล่ากวางมูสด้วยเช่นกันโดยมันจะมีการล่าในบริเวณชายฝั่งของเกาะในประเทศแคนาดา[56]อีกทั้งยังมีการบอกเล่าว่ากวางมูสถูกล่าโดยปลาฉลามกรีนแลนด์อีกด้วย[57]
ในบางพื้นที่นั้นกวางมูสเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับหมาป่าโดยมันมักจะตามล่ากวางเป็นระยะทาง 100 ถึง 400 เมตร (330 ถึง 1,310 ฟุต) บางครั้งเป็นระยะทางถึง 2-3 กิโลเมตร (1.2 ถึง 1.9 ไมล์) โดยการโจมตีของหมาป่านั้นจะทำการล่าเป็นฝูงแล้วต้อนให้จนมุมจากนั้นก็จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นโดยกวางอากจะถีบหมาป่าด้วยกีบเท้าที่แข็งและหมาป่าจะพยายามโดมตีที่อกซึ่งจะทำให้เสียเลือดจำนวนมาก หรืออาจโจมตีที่จมูกหรืออวัยวะเพศเพื่อทำให้กวางเป็นลมแล้วลงมือฆ่า[58]
หมาป่าส่วนมากจะล่ากวางที่มีอายุน้อยและกวางที่มีอายุเยอะหรือกวางแก่เพราะการล่ากวางที่อยู่ช่วยวัยกลางๆนั้นเป็นเรื่องยากจึงทำให้กวางที่มีอายุ2-8ปีไม่ค่อยโดนฆ่าเท่าไหร่[59]การล่ากวางเป็นฝูงจะมีประสิทธิภาพและสำเร็จได้ง่ายกว่าการล่าตัวเดียวนั้นทำให้พวกมันล่าเป็นฝูง[60][61]
จากการวิจัยเกี่ยวกับการล่ากวางมูสแสดงให้เห็นว่าพวกมันการตอบสนองต่อภัยคุกคามในการรับรู้ซึ่งได้มาจากการเรียนรู้มากกว่าสัญชาตญาณของมัน เมือก่อนพวกมันถูกล่าจนทำให้ประชากรของพวกมันลดลงเป็นจำนวนมากแต่ในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มค่อนข้างดีขึ้น และจากการศึกษาพบว่าพวกมันได้มีการเรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสามารถหนีหมาป่าให้ทันด้วยการดมกลิ่นหรือฟังยินเสียงหรือการพบนกกินซากเช่นอีกา[62]
กวางมูสยังเป็นโรคต่าง ๆ ในรูปแบบของปรสิตด้วย เช่น การถูกแมลงวันมูส (moose botfly) ฝังไข่ลงในเนื้อ หรือการมีพยาธิ[63]
Remove ads
ความสัมพันธ์กับมนุษย์
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประวัติ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาหาร
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อุบัติเหตุ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิชาที่ว่าด้วยสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads