คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อค ช็อคยุทธภพ

ภาพยนตร์ของดรีมเวิกส์แอนิเมชัน ค.ศ. 2008 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อก ช็อคยุทธภพ (อังกฤษ: Kung Fu Panda) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวตลกและบันเทิงคดีกำลังภายในอเมริกัน ออกฉายใน ค.ศ. 2008 ผลิตโดยดรีมเวิกส์แอนิเมชันและจัดจำหน่ายโดยพาราเมาต์พิกเจอส์1 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยจอห์น สตีเฟนสัน และมาร์ก ออสบอร์น ร่วมผลิตโดยมาลิสซา คอบบ์ และพากย์เสียงโดยแจ็ก แบล็ก, ดัสติน ฮอฟแมน, แอนเจลีนา โจลี, เอียน แมกเชน, เซท โรเกน, ลูซี หลิว, เดวิด ครอสส์, แรนดัล ดุก คิม, เจมส์ ฮง, แดน ฟอกเลอร์, ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน และแจ็กกี ชาน ภาพยนตร์มีฉากในประเทศจีนโบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยประชากรสัตว์ที่สามารถพูดได้เหมือนมนุษย์ และดำเนินเรื่องเกี่ยวกับแพนด้าอ้วนใหญ่ที่ชื่อโป ผู้คลั่งไคล้ในกังฟู เขาถูกคัดเลือกให้เป็น "นักรบมังกร" โดยบังเอิญ เพื่อรับมือกับไต้ลุง นักรบกังฟูตัวร้ายที่หลบหนีออกจากคุก[1]

ข้อมูลเบื้องต้น กังฟูแพนด้า จอมยุทธ์พลิกล็อค ช็อคยุทธภพ, กำกับ ...

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นโดนมิชาเอล ลาชานซ์ หนึ่งในทีมงานบริหารของดรีมเวิกส์ ในตอนแรกภาพยนตร์ถูกวางโครงเรื่องให้เป็นแนวล้อเลียน แต่ผู้กำกับ สตีเฟนสัน ตัดสินใจวางโครงเรื่องเป็นแนวตลกกำลังภายใน ซึ่งนำไปรวมการบรรยายของตัวละครหลัก โดยให้ตัวละครหลักมีบทบาทในการดำเนินเรื่องตามต้นแบบดั้งเดิม (archetype) ของการเดินทางของวีรบุรุษ การจัดทำแอนิเมชันของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าซับซ้อนกว่าภาพยนตร์ของดรีมเวิกส์ที่ผ่านมา โดยฮันส์ ซิมเมอร์ (ในครั้งนี้ทำงานร่วมกับจอห์น โพเวล) ได้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อศึกษาวัฒนธรรมและพบปะกับวงออร์เคสตราแห่งประเทศจีน เพื่อเตรียมการในครั้งนี้

กังฟูแพนด้า จัดฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2008 โดยได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกอยู่พอสมควร ภาพยนตร์ถูกฉายในโรงภาพยนตร์ 4,114 แห่ง ทำรายได้ในวันเปิดตัว 20.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำรายได้ในสัปดาห์แรกถึง 60.2 ล้านเหรียญสหรัฐ จนขึ้นอันดับที่ 1 ของบ็อกซ์อฟฟิศ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาคต่อที่เปิดตัวได้ดีที่สุดของดรีมเวิกส์ และเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงที่สุดในปีนั้น นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่เปิดตัวได้ดีเป็นอันดับที่ 4 ของดรีมเวิกส์ในบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกันและแคนาดา เป็นรองเพียง เชร็ค 2, เชร็ค 3 และเชร็ค สุขสันต์ นิรันดร[2] ภาพยนตร์ภาคต่อ กังฟูแพนด้า 2 ปล่อยฉายเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 พร้อมกับซีรีส์โทรทัศน์ ตำนานสะท้านโลกันต์ ในช่องนิคเกิลโลเดิน โดยเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์นี้ ภาพยนตร์ภาคต่อที่สอง กังฟูแพนด้า 3 ปล่อยฉายวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2016

Remove ads

เนื้อเรื่อง

สรุป
มุมมอง

ในหุบเขาสันติในจีนโบราณ ซึ่งมีประชากรเป็นสัตว์ที่พูดได้ โป เป็นผู้คลั่งไคล้ในกังฟู และมีห้าผู้พิทักษ์ (นางพยัคฆ์, วานร, ตั๊กแตน, อสรพิษ, กระเรียน) ลูกศิษย์ของอาจารย์ชิฟู เป็นไอดอล อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าคงไม่สามารถเรียนรู้กังฟูได้แน่เพราะเขาต้องช่วยบิดาบุญธรรมอย่างอาปิง ขายก๋วยเตี๋ยว

ปรมาจารย์อูเกว ผู้เป็นที่ชี้แนะให้กับชิฟู เห็นนิมิตรว่าไต้ลุง อดีตลูกศิษย์ของชิฟู จะทำลายคุกและกลับมาล้างแค้นที่หุบเขาสันติเพื่อเอาคัมภีร์มังกร เมื่อชิฟูทราบเรื่องนี้ เขาจึงสั่งเซ็งให้ไปบอกผู้คุมคุกชอว์กัมให้มีการควบคุมที่แน่นหนาขึ้น นอกจากนี้ ชิฟูยังจัดการแข่งขันเพื่อค้นหาผู้ชนะที่จะได้เป็น "นักรบมังกร" และรับคัมภีร์มังกร โปเดินทางไปถึงสนามแข่งขันช้าและประตูปิดไปก่อน เขาจึงใช้เก้าอี้ติดชนวนระเบิดขึ้นไปบนฟ้า และตกลงมาที่ลานแข่งขัน โปลืมตัวขึ้นมาเห็นว่าอูเกวชี้นิ้วมายังตน และกล่าวว่าตนเป็นนักรบมังกร สร้างความประหลาดใจให้กับโป ห้าผู้พิทักษ์ และชิฟู ซึ่งเชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ

ชิฟูไม่เต็มใจในการยอมรับคำตัดสินของอูเกว เขาจึงพยายามกำจัดโปให้ออกไปจากเขตวังหยก ด้วยการฝึกอย่างโหดเหี้ยม ส่วนห้าผู้พิทักษ์เห็นว่าโปไม่มีศักยภาพที่จะเป็นนักรบมังกร โปในตอนแรกคิดว่าจะเลิกฝึกและกลับไปขายก๋วยเตี๋ยว แต่เมื่อได้ยินคำสอนของอูเกว เขาจึงตัดสินใจอยู่ที่วังหยกต่อ และตีสนิทกับห้าผู้พิทักษ์ด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวให้พวกเขากิน

ขณะเดียวกัน ไต้ลุงหลบหนีออกจากคุกชอว์กัมได้ โดยใช้ขนห่านของเซ็งที่ร่วงลงมาปลดตัวล็อก เมื่อชิฟูทราบข่าว จึงรีบไปบอกอูเกว อูเกวบอกว่าชิฟูต้องเชื่อมั่นในโป และอูเกวก็เดินทางกลับสู่สวรรค์ ชิฟูไปบอกข่าวให้กับโปและห้าผู้พิทักษ์ โปตกใจคิดว่าตนเองไม่น่าสู้ได้แน่ ส่วนนางพยัคฆ์ก็ขออาสาออกไปปราบไต้ลุงเอง ในคืนนั้น ห้าผู้พิทักษ์แอบหลบหนีชิฟูเพื่อเดินทางไปสู้กับไต้ลุง วันถัดมา ชิฟูพบว่าต้องใช้อาหารเป็นตัวล่อจึงจะสามารถฝึกโปได้ เขาพาโปไปฝึกที่สระน้ำตาศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่โปจะฝึกจนมีทักษะกังฟูที่ดีขึ้น

ห้าผู้พิทักษ์ถูกไต้ลุงสกัดจุดทางประสาท และเดินทางกลับมายังวังหยกอย่างอิดโรย ชิฟูตัดสินใจมอบคัมภีร์มังกรให้แก่โป แต่เมื่อเปิดออกมา พบว่าคัมภีร์ว่างเปล่าและมีแต่แผ่นกระดาษสะท้อน ชิฟูเห็นว่าคัมภีร์ไม่มีประโยชน์ จึงสั่งให้โปกับห้าผู้พิทักษ์อพยพชาวบ้าน ส่วนตนจะขอสู้กับไต้ลุงเอง โปได้พบกับอาปิงอีกครั้ง ปิงบอกว่าสูตรลับน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวนั้นคือ "ไม่มีอะไรเลย" ทำให้โปตระหนักถึงเนื้อหาที่ว่างเปล่าในคัมภีร์ และกลับไปเผชิญหน้ากับไต้ลุง

โปขึ้นไปที่วังหยกพบว่าชิฟูได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับไต้ลุง โปท้าไต้ลุงให้มาสู้กันเพื่อแย่งคัมภีร์ หลังที่จากที่ยื้อแย่งกันสักพัก ไต้ลุงได้ทีใช้เท้าฟาดโปตกลงพื้นและเอาคัมภีร์มาเปิดอ่าน แต่เขาไม่เข้าใจในความว่างเปล่านั้น ไต้ลุงโกรธจึงต่อยโป แต่หุ่นของโปทำให้เขาสะท้อนกลับมาชกไต้ลุงคืน ไต้ลุงพลาดท่าจึงถูกโปใช้ดัชนีวูชีส่งเขาไปยังปรภพ โปได้รับการสรรเสริญจากพลเมืองหุบเขาสันติ และได้รับความนับถือจากห้าผู้พิทักษ์ ที่เชื่อว่าโปคืออาจารย์กังฟูที่แท้จริง หลังจากนั้น โปได้กลับไปชิฟูอีกครั้ง ทั้งคู่นอนสงบจิตกันอยู่สักพัก โปจึงขัดจังหวะโดยถามชิฟูว่า "ไปหาไรกินกันมั้ย?"

Remove ads

งานพากย์

ไฟล์:ตัวละครกังฟู1.jpg
ตัวละครบางส่วนที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ เรียงจากซ้ายไปขวา: วานร, อสรพิษ, โป, ชิฟู, ไต้ลุง
ข้อมูลเพิ่มเติม ตัวละคร, ต้นฉบับภาษาอังกฤษ ...
Remove ads

งานสร้าง

สรุป
มุมมอง

งานประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2004[3] ต่อมาในเดือนกันยายน ค.ศ. 2005 ดรีมเวิร์กส แอนิเมชัน ประกาศว่า แจ็ก แบล็ก จะเป็นผู้พากย์เสียงตัวละครหลัก[4]

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ดรีมเวิร์กสประกาศว่า ดัสติน ฮอฟแมน, แจ๊กกี้ ชาน, ลูซี ลิว และเอียน แม็คเชน ก็จะมีส่วนร่วมในการพากย์เสียงด้วย[5] นอกจากนี้ยังทำให้เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองที่แบล็กกับแอนเจลีนา โจลี แสดงร่วมกัน โดยภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทั้งคู่แสดงร่วมกันคือ ชาร์กเทล ใน ค.ศ. 2004[6]

แนวความคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์ถูกแต่งขึ้นโดยมิชาเอล ลาชานซ์ หนึ่งในทีมงานบริหารของดรีมเวิร์กส[7] ในช่วงเริ่มแรก มีแนวความคิดที่จะทำเป็นภาพยนตร์ล้อเลียน แต่ผู้กำกับอย่าง จอห์น สตีเฟนสัน รู้สึกไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เขามีความคิดที่จะทำให้เป็นภาพยนตร์เชิงตลกและกำลังภายใน[8]

แนวคิดของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์กำลังภายในที่ออกฉายใน ค.ศ. 2004 ชื่อว่า คนเล็กหมัดเทวดา ซึ่งกำกับโดยโจว ซิงฉือ[9] เขาจึงต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับกังฟูและมีกลิ่นอายของความเป็นจีนด้วยเช่นกัน นักออกแบบงานผลิต เรย์มอนด์ ซิบาช และผู้กำกับภาพ ทั่ง เฮง ได้ใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าเกี่ยวกับจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรมแบบจีน และภาพยนตร์กังฟู เพื่อนำมาใช้ในการสร้างภาพยนตร์[10] ซิบาชกล่าวว่า ภาพยนตร์กำลังภายในที่มีอิทธิพลต่อเขานั้น ต้องมีเลห์เหลี่ยม ซึ่งได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง ฮีโร่, จอมใจบ้านมีดบิน และ พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก[10] เป้าหมายของสตีเฟนสันเกี่ยวกับภาพยนตร์ คือ "สร้างภาพยนตร์ดรีมเวิร์กสที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา" โดยขั้นตอนนี้ใช้เวลาดำเนินการ 4 ปี

ลำดับภาพที่ถูกวาดด้วยมือในช่วงต้นของภาพยนตร์ ถูกสร้างให้คล้ายกับการแสดงภาพเงาของจีน[11] ฉากเปิดซึ่งกำกับโดยเจนนิเฟอร์ ยูห์ เนลซอน และผลิตโดยเจมส์ แบ็กซ์เตอร์ ได้รับการยกย่องจากมันโอลา ดาร์กิส ผู้เขียนในเดอะนิวยอร์กไทมส์ ว่าเป็นฉากที่ "น่าประทับใจ" และ "แตกต่างจากแอนิเมชันอเมริกันส่วนใหญ่อย่างชัดเจน"[12]

นักเขียนท่านอื่นได้เปรียบเทียบฉากเปิดว่าคล้ายรูปแบบของ ซามูไรแจ็ก ซึ่งกำกับโดยเกนดี ตาร์ตาคอฟสกี[13][14] ฉากที่เหลือของภาพยนตร์เป็นคอมพิวเตอร์แอนิเมชันยุคใหม่ ซึ่งมีการปรับสีให้เข้ากับภูมิประเทศของจีน[11] และฉากเครดิต มีรูปแบบที่วาดด้วยมือ และมีภาพวาดเป็นพื้นหลัง[11]

คอมพิวเตอร์แอนิเมชันตลอดทั้งภาพยนตร์ มีความซับซ้อนกว่าภาพยนตร์ของดรีมเวิร์กสที่ผ่านมา เมื่อหัวหน้าฝ่ายงานสร้างได้ยื่นต้นฉบับให้แก่มาร์กัส แมนนิเนน ผู้บริหารระดับสูงของวีเอฟเอ็กซ์ เธอได้หัวเราะและอวยพรให้ทีมงาน "โชคดี" แมนนิเนนกล่าวว่า "ในช่วงที่เราเริ่มพูดคุยกันนั้น ภาพยนตร์มีแนวคิดมโนทัศน์ที่สูง ซึ่งทุกคนก็ได้พูดถึงความซับซ้อน พวกเราได้พูดคุยกันว่า จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีแก่นแท้ได้อย่างไร? และมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้มันเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ และไม่รู้สึกว่าความซับซ้อนเป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่โครงเรื่องและอารมณ์ต่างหากที่เป็นตัวขับเคลื่อน?"[15] และในช่วงเตรียมการนั้น ฝ่ายแอนิเมชันได้เรียนรู้วิชากังฟูเป็นเวลาหกชั่วโมง[16]

เมลิสซา คอบบ์ กล่าวว่า โปในตอนแรกเป็นตัวละครที่ฉุนเฉียว แต่ลักษณะนิสัยที่วางไว้ได้เปลี่ยนไปหลังจากที่ทีมงานได้รู้จักแจ็ก แบล็ก[16] โดยแบล็กนั้น เป็นคนที่ชอบทำงานคนเดียว แม้ว่าเขากับดัสติน ฮอฟแมน จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันก็ตาม คอบบ์มีส่วนช่วยให้ฉากที่มีตัวละครหลายตัวเผชิญหน้ากัน[16] ส่วนลูซี ลิว กล่าวว่าภาพยนตร์นี้ "ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่น เพราะมันมีกระบวนการสร้างที่ยาวนาน"[17] ลิวยังกล่าวอีกว่า เมื่อเธอถูกเสนอคู่กับโครงงาน ทีมงานได้มีงานภาพของตัวละครของเธออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งมันเป็น "รูปแบบวิดีโอสั้นที่เหมือนกับตอนเธอเคลื่อนไหว"[17]

Remove ads

การออกฉายและจัดจำหน่าย

การฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์จัดขึ้นที่เทศกาลภาพยนตร์กานครั้งที่ 61 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2008[18] โดยเมื่อภาพยนตร์ที่ฉายจบลง ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม[19] ภายหลังจากนั้น กังฟูแพนด้า ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2008 ที่โรงละครจีนกรอแมนในฮอลลีวูด ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย[20] และในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2008 ก็ได้จัดฉายรอบปฐมทัศน์ในสหราชอาณาจักรที่จัตุรัสเลสเตอร์ในลอนดอน[21] สำหรับในประเทศไทย ได้จัดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 2008[22]

กังฟูแพนด้า ได้ถูกจัดจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008[23] และจำหน่ายในรูปแบบบลูเรย์สามมิติเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2011[24] ชุดดับเบิลดีวีดีของ กังฟูแพนด้า นั้น ได้รวมภาพยนตร์สั้น ความลับของห้าผู้พิทักษ์ ด้วย[23] ใน ค.ศ. 2008 ดีวีดีถูกขายไปกว่า 7,486,642 ชุด ทำให้ กังฟูแพนด้า กลายเป็นภาพยนตร์ที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับที่สี่ของปีนั้น และเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในปีนั้นด้วย โดยดีวีดี กังฟูแพนด้า นั้น ได้ถูกจำหน่ายก่อน วอลล์-อี ซึ่งขายได้ 7,413,548 ชุด[25]

Remove ads

การตอบรับ

สรุป
มุมมอง

คำวิจารณ์

รอตเทนโทเมโทส์รายงานว่าร้อยละ 87 ของผู้วิจารณ์ 183 คนได้ให้ความเห็นในเชิงบวก ขณะที่คะแนนเฉลี่ยของภาพยนตร์อยู่ที่ 7.2 เต็ม 10 คะแนน ในบทความวิจารณ์ของเว็บไซต์กล่าวว่า "กังฟูแพนด้า มีบทพูดที่คุ้นเคย แต่สร้างความประทับใจด้วยอารมณ์ขัน ฉากกำลังภายในที่รวดเร็ว และแอนิเมชันที่มีสีสัน ซึ่งเหมาะที่จะทำให้ชนะเลิศในวงการบันเทิงฤดูร้อน"[26] เมทาคริติกรายงานว่าภาพยนตร์มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 73 เต็ม 100 คะแนน ซึ่งประเมินโดยผู้วิจารณ์ 33 คน[27] ส่วนในซีเนมาสกอร์ ผู้เข้าชมได้ให้คะแนนภาพยนตร์ในระดับ A-

ริชาด คอร์ลิส จาก นิตยสารไทม์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ กังฟูแพนด้า ในเชิงบวก โดยกล่าวว่า "มีทัศนศิลป์ที่หลักแหลมและความบันเทิงที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก"[28] เดอะนิวยอร์กไทม์ กล่าวว่า "ชื่อภาพยนตร์ที่ดูสามัญอย่าง กังฟูแพนด้า นี้ มีเป้าหมายในใจที่สูงมาก และผู้วิจารณ์ได้พูดถึงภาพยนตร์นี้ว่า "สนุกทั้งเรื่อง" และ "เห็นภาพได้อย่างชัดเจน"[12] คริส บาร์แซนตี จาก ฟิล์มคริติก.คอม ได้ให้ความเห็นว่า "จากการรับชมงานภาพที่ดีเลิศนี้ กังฟูแพนด้า แตกต่างจากภาพยนตร์แอนิเมชันอื่น ๆ ตรงความสวยงามที่ตรงไปตรงมาของมัน... ภาพยนตร์ได้เข่าสู่สถานะคลาสสิกอย่างทันที ราวกับว่ามันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์งดงามที่ฮอลลีวูดสร้างขึ้นนับตั้งแต่ยุคทองของดิสนีย์"[29] มิชาเอล ฟิลิปส์ จาก ชิคาโกทริบูน พูดถึงภาพยนตร์นี้ว่า "เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ตลกไม่กี่เรื่องใน ค.ศ. 2008 ที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังทำอะไร"[30] อย่างไรก็ตาม ทอม แชริตี จากซีเอ็นเอ็น วิจารณ์การแสดงว่า "เหมือนความวุ่นวายที่เอาไม้ฟาดตีกัน" และเห็นว่าลักษณะของโปคล้ายกับตัวละครอื่นที่แบล็กเคยแสดงมากเกินไป[31] ปีเตอร์ โฮเวลล์ จาก เดอะโทรอนโตสตาร์ ได้ให้คะแนนภาพยนตร์เพียงสองดาวครึ่งเท่านั้น ทั้งยังวิจารณ์ว่า "ขาดแก่นเรื่อง" ซึ่ง "มันพยายามทำให้สนุกอย่างฝืนเกินไป"[32]

รายได้

ภาพยนตร์ติดอันดับแรกของบ็อกซ์ออฟฟิศในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัว โดยทำรายได้ 60.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 4,114 โรงภาพยนตร์[33] ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้[34] และกลายเป็นภาพยนตร์ดรีมเวิกส์แอนิเมชันที่ไม่ใช่ภาคต่อที่เปิดตัวได้ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น[34] ในช่วงสัปดาห์ ภาพยนตร์มีรายได้ลดลงจากสัปดาห์แรกอยู่ร้อยละ 44 ทำให้ตกลงมาเป็นอันดับที่สองรองจาก มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง โดยในสัปดาห์นั้น กังฟูแพนด้า ทำรายได้ 33.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 4,136 โรงภาพยนตร์[35] กำหนดการฉายสิ้นสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2008 นับเป็นเวลา 125 วันหลังจากเปิดตัววันแรก โดยภาพยนตร์ทำรายได้ตลอดช่วงฉายถึง 215.4 ล้านดอลลาร์ฯ ในสหรัฐและแคนาดา และทำรายได้ 416.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในส่วนอื่น ๆ นอกจากสองประเทศนี้ รวมแล้วภาพยนตร์ทำรายได้ถึง 631.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[36] ด้วยเหตุนี้ ทำให้ กังฟูแพนด้า กลายเป็นภาพยนตร์ดรีมเวิกส์ที่ไม่ใช่เชร็คที่ทำรายได้มากที่สุดในสหรัฐและแคนาดา ก่อนที่จะถูกแซงด้วยเรื่อง อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ใน ค.ศ. 2010[37]

กังฟูแพนด้า ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในจีนด้วยเช่นกัน[38] ณ วันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 ภาพยนตร์ทำรายได้ 110 ล้านหยวน กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกที่ทำรายได้มากกว่า 100 ล้านหยวนในจีน[39][40] ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวจีน หลู่ ฉวน แสดงความเห็นว่า "จากจุดยืนในการผลิต ภาพยนตร์นี้ถือว่าเกือบสมบูรณ์แบบเอามาก ๆ ผู้สร้างสรรค์ชาวอเมริกันได้แสดงทัศนคติที่จริงใจต่อวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริง"[41][42] ความสำเร็จของภาพยนตร์นี้ในจีน ทำให้ชาวจีนท้องถิ่นตั้งคำถามว่า ทำไมจีนถึงไม่สร้างภาพยนตร์ที่เหมือนกับ กังฟูแพนด้า โดยนักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นตอบกลับมาว่า จีนมีงบประมาณในการทำภาพยนตร์ที่ค่อนข้างน้อย และรัฐบาลยังจับตาควบคุมมากเกินไป ส่งผลให้ขาดจินตนาการของชาติ และทัศนคติที่มีต่อประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีนก็ยังไม่ประสีประสานัก[43][44][45]

รางวัล

กังฟูแพนด้า ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์[46] และรางวัลลูกโลกทองคำ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[47] แต่รางวัลทั้งคู่ก็ถูกมอบให้กับ วอลล์-อี ของพิกซาร์ แจ็ก แบล็ก ได้พูดถึงการที่ภาพยนตร์ของเขาตกเป็นเบี้ยล่างในงานประกาศผลรางวัลว่า "ในแต่ละปี ผมทำงานเกี่ยวกับดรีมเวิกส์เพียงหนึ่งงาน ซึ่งผมต้องใช้เงินทั้งหมดเพื่อออสการ์ และเดิมพันกับพิกซาร์"[48]

กังฟูแพนด้า ชนะรางวัลแอนนีทั้งหมด 10 รายการ (รวมสาขาภาพยอดเยี่ยม) จากทั้งหมด 16 รายการที่เสนอชื่อ แม้ว่าจะมีคำครหาว่า ประธานบริหารของดรีมเวิกส์ เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ได้ซื้อคะแนนโหวตของสมาชิกอะซิฟา-ฮอลลีวูด ก็ตาม[49]

ข้อมูลเพิ่มเติม รายชื่อรางวัลที่กังฟูแพนด้าเสนอชื่อเข้าชิงและได้รับ, ผู้มอบรางวัล ...
Remove ads

เพลงประกอบภาพยนตร์

สรุป
มุมมอง
ข้อมูลเบื้องต้น กังฟูแพนด้า, ซาวด์แทร็กอัลบั้มโดยฮันส์ ซิมเมอร์ และจอห์น โพเวลล์ ...

ฮันส์ ซิมเมอร์ เป็นผู้เรียบเรียงเพลงประกอบภาพยนตร์ กังฟูแพนด้า เช่นเดียวกันกับเพลงประกอบภาพยนตร์อื่น ๆ ของดรีมเวิกส์แอนิเมชัน ซิมเมอร์ได้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อศึกษาวัฒนธรรมและพบกับวงออร์เคสตราซิมโฟนีแห่งประเทศจีน นอกจากนี้ ทิมบาแลนด์ยังมีส่วนร่วมกับเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย[65] เพลงชุดนี้ประกอบไปด้วยเพลงที่แต่งขึ้นใหม่จากเพลงคลาสสิกเดิมที่ชื่อ "เลิฟดรังก์" นำแสดงโดยบอยส์ไลก์เกิลส์และแจ็ก แบล็ก ในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง นอกจากนี้ เพลงเครดิตก็ยังถูกร้องโดยเรนด้วย

แม้ว่าซิมเมอร์จะประกาศว่าเขาเป็นผู้เรียบเรียงหลัก แต่ในช่วงทดสอบฉาก ซีอีโอของดรีมเวิกส์ เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ประกาศว่า จอห์น โพเวลล์ ก็จะมีส่วนร่วมกับเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย ส่งผลให้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำงานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่อง ผจญภัยแดนมหัศจรรย์ เอลโดราโด้ และ ชิลล์แฟกเตอร์ อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เผยแพร่ครั้งแรกโดยอินเตอร์สโคปเรเคิดส์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2008[66]

Remove ads

ภาคต่อ

ภาพยนตร์ภาคต่อ กังฟูแพนด้า 2 ปล่อยฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2011[67] โดยได้รับคะแนนจากรอตเทนโทเมโทส์ร้อยละ 81 ภาพยนตร์ฉายในรูปแบบสามมิติ กำกับโดยเจนนิเฟอร์ หยู เนลซอน (ผู้กำกับฉากเปิดตัวสองมิติในภาคแรก) และมีทีมพากย์เสียงชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ เนื้อเรื่องของภาคต่อนี้เกี่ยวกับตัวร้ายตัวใหม่ "อ๋องเช็น" ผู้มีศาสตราวุธอันทรงพลังซึ่งสามารถทำลายกังฟูได้ และโปมีภารกิจที่จะต้องหยุดยั้งแผนการอันชั่วร้ายของเขา

ภาพยนตร์ภาคต่อลำดับที่สอง กังฟูแพนด้า 3 เกิดจากการร่วมมือผลิตของดรีมเวิกส์แอนิเมชันและโอเรียนทัลดรีมเวิกส์ในเซี่ยงไฮ้[68] โดยปล่อยฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2016[69] โดยซีอีโอของดรีมเวิกส์ เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก กล่าวว่า มีแผนจะทำภาคต่อจากนี้อีกสามภาค เพื่อจะได้เป็นซีรีส์ภาพยนตร์หกภาค[70]

Remove ads

สิ่งสืบเนื่อง

มังงะ

มังงะซึ่งอิงตามภาพยนตร์ถูกเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่นทางนิตยสาร เคโรเคโระ เอซ ฉบับเดือนกันยายน ค.ศ. 2008[71] เนื้อหามังงะแต่งโดยฮันเท็น โอคุมะ และวาดภาพประกอบโดยทากาฟูมิ อาดาชิ[72]

ละครโทรทัศน์

ละครโทรทัศน์ กังฟูแพนด้า: ตำนานสะท้านโลกันตร์ ออกอากาศครั้งแรกทางช่วงนิกเกิลโลดีออนในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2011[73] โดยมีทีมพากย์จากภาพยนตร์ต้นฉบับเพียง 2 คนเท่านั้น ได้แก่ ลูซี ลิว (พากย์เสียงอสรพิษ) และเจมส์ ฮง (พากย์เสียงอาปิง)[74] ในละคร โปมีหน้าที่ต้องปกป้องหุบเขาสันติจากเหล่าวายร้ายต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเขาต้องเรียนรู้วิชากังฟูและพบปะกับอาจารย์ท่านต่าง ๆ ด้วย ในสหรัฐ ละครออกอากาศตอนสุดท้ายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2016 ทำให้ช่วงที่ออกอากาศมีจำนวน 3 ฤดูกาล และมีจำนวนตอนทั้งสิ้น 80 ตอน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะออกอากาศในสหรัฐนั้น ตอนช่วงสุดท้ายบางตอนก็ได้ออกอากาศในเยอรมนีไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ถึงวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2015

กังฟูแพนด้า: เดอะพอว์ออฟเดสทินี เป็นละครโทรทัศน์แอนิเมชันซึ่งออกอากาศครั้งแรกทางแอมะซอนไพรม์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 โดยเป็นละครโทรทัศน์เรื่องที่สองต่อจาก ตำนานสะท้านโลกันตร์

ฮอลิเดย์สเปเชียล

ตอนพิเศษ กังฟูแพนด้า ฮอลิเดย์สเปเชียล ได้ออกอากาศทางช่องเอ็นบีซีในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010[75]

Remove ads

วิดีโอเกม

กังฟูแพนด้าในรูปแบบวิดีโอเกม ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยแอคติวิชันในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2008[76] โดยสามารถเล่นได้ในเพลย์สเตชัน 3, เอกซ์บอกซ์ 360, วี, เพลย์สเตชัน 2, นินเท็นโด ดีเอส และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื้อเรื่องในเกมค่อนข้างคล้ายกับในภาพยนตร์ แต่ไต้ลุงจะมีลูกสมุนซึ่งล้อมรอบหุบเขาสันติเพิ่มเข้ามา ซึ่งโป ผู้มีทักษะการต่อสู้ที่ขึ้นกับระดับความก้าวหน้าในการเล่นเกม จะต้องปราบให้ได้ ตัวเกมเคยถูกเผยแพร่ทางไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป ตัวเกมได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมทาคริติกได้ให้คะแนนร้อยละ 76[77] และไอจีเอ็นให้คะแนน 7.5 เต็ม 10[78] ใน ค.ศ. 2009 ตัวเกมได้รับรางวัลแอนนีในสาขาวิดีโอเกมแอนิเมชันยอดเยี่ยม ซึ่งได้รับการยอมรับในความยอดเยี่ยมที่สร้างสรรค์ของงานศิลปะในแอนิเมชัน[79]

หมายเหตุ

  1. ^ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2014 สิทธิในการจัดจำหน่ายถูกโอนจากพาราเมาต์พิกเจอส์ไปยังดรีมเวิกส์แอนิเมชัน[80] และโอนย้ายไปยังทเวนตีเฟิสต์เซนจูรีฟอกซ์ ก่อนที่จะโอนคืนให้กับยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ใน ค.ศ. 2018

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads