คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

การยุบสภาผู้แทนราษฎรไทย

การทำให้ความเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยสิ้นสุดลง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

การยุบสภาผู้แทนราษฎรไทย คือกระบวนการทำให้ความเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยสิ้นสุดลง เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปอีกครั้ง

การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกลไกที่ใช้เมื่อเกิดวิกฤตการณ์การเมือง หรือเมื่อรัฐบาลเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งใหม่ การยุบสภาทำให้ฝ่ายบริหารมีเครื่องมือในการต่อรองกับสภาผู้แทน ซึ่งในประเทศประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเช่นไทย อำนาจยุบสภาผู้แทนมิใช่อำนาจบริหาร ตุลาการ หรือนิติบัญญัติ หากแต่เป็น "อำนาจเป็นกลาง" (Pouvoir Neutre) ซึ่งถือโดยผู้เป็นกลางที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด[1] เจ้าของอำนาจนี้คือพระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ขอใช้อำนาจดังกล่าวตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในต่างประเทศเคยมีตัวอย่างที่พระมหากษัตริย์ไม่ยินยอมยุบสภาตามคำเสนอของนายกรัฐมนตรี เช่นสหราชอาณาจักรในปี 2453 และมาเลเซียในปี 2564

Remove ads

ภูมิหลังในไทย

การยุบสภาปรากฎครั้งแรกในธรรมนูญการปกครองสยาม พุทธศักราช 2475 ที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งสมาชิกมาใหม่ ในพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภา เช่นนี้ ต้องมีกำหนดให้เลือกตั้งสมาชิกใหม่ภายในเก้าสิบวัน”

ในเวลาต่อมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มีการเพิ่มเงื่อนไขต่อท้าย ความว่า “...การยุบสภาผู้แทนจะทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน”[2] ซึ่งมีที่มาจากประวัติศาสตร์ในประเทศเยอรมนีในปี 2475 ซึ่งนายกรัฐมนตรีฟรันทซ์ ฟ็อน พาเพิน ยุบสภาสองครั้งในรัฐบาลชุดเดียว[3] เหตุการณ์นี้เป็นการทำลายระบบรัฐสภาอย่างร้ายแรง ปูทางให้ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจในต้นปีถัดมาโดยไม่ต้องใช้เสียงข้างมาก ด้วยเหตุนี้ในเวลาต่อมา รัฐธรรมนูญเยอรมันจึงมีการเพิ่มข้อความป้องกันการยุบสภาซ้ำซ้อน

Remove ads

ผู้มีอำนาจยุบสภา

การยุบสภาผู้แทนราษฎรมิใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรี หากแต่เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับซึ่งบัญญัติไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร...การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทําโดยพระราชกฤษฎีกา”

การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าการยุบสภาให้กระทําโดยพระราชกฤษฎีกา ก็เพื่อที่จะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีสิทธิ์ริเริ่มกระบวนการยุบสภา โดยจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นทูลเกล้าถวายให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ในกรณีที่ได้รับการลงพระปรมาภิไธย นายกรัฐมนตรีจะลงนามรับสนองพระราชโองการแล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้

ในกรณีที่ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาไม่ได้รับการลงพระปรมาภิไธย (รวมถึงร่างกฎหมายอื่นที่มีสถานะเป็นร่างพระราชกฤษฎีกา) ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องทำเช่นไรต่อไป เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเอาไว้ และเป็นกรณีที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในไทย ศาสตราจารย์หยุด แสงอุทัย เคยให้ความเห็นว่า กรณีที่นำร่างพระราชกฤษฎีกาทูลเกล้าแล้วไม่ได้รับการลงพระปรมาภิไธย รัฐบาลต้องลาออก เพราะถือว่าไม่สามารถทำงานกับกษัตริย์ได้แล้ว[4]

Remove ads

หลักการสำคัญในการยุบสภา

สรุป
มุมมอง

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หลักการสำคัญในการยุบสภาสามารถพิจารณาภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้ ดังนี้[5]

  1. การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (มาตรา 108 วรรคหนึ่ง) พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ แต่จะทรงใช้พระราชอำนาจนั้นได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีเสนอเท่านั้น
  2. การยุบสภาผู้แทนราษฎรต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 108 วรรคสอง) พระราชกฤษฎีกาจะใช้บังคับเมื่อใดแล้วแต่กำหนดไว้ในนั้นเองแต่ต้องหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการนี้ ต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ
  3. การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน (มาตรา 108 วรรค 3) หากมีจะการยุบสภาอีกครั้ง มิอาจอ้างเหตุผลที่ใช้ในการยุบสภาครั้งก่อนได้
  4. การยุบสภาผู้แทนราษฎรมีได้เฉพาะก่อนสภาสิ้นอายุ การยุบสภากระทำในเวลาใดก็ได้ก่อนสภาสิ้นอายุ แม้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา อย่างไรก็ตาม กรณีมีการเสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแล้ว ย่อมไม่สามารถยุบสภาได้
  5. การยุบสภาผู้แทนราษฎรทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง (มาตรา 106)

อนึ่ง คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ แต่ในกรณีพ้นจากตำแหน่งจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ได้แก่

  • ไม่กระทำการอันเป็นการใช้อำนาจแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
  • ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
  • ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
  • ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

ส่วนสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาหาได้สิ้นสุดลงจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ ดังนั้น จึงยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จะมีการประชุมวุฒิสภามิได้ เว้นแต่เป็นกรณีดังต่อไปนี้ (มาตรา 132)

Remove ads

ลำดับการยุบสภาผู้แทนราษฎร

สรุป
มุมมอง

การยุบสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นมาแล้วรวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง[6][7][8]

ข้อมูลเพิ่มเติม ครั้งที่, วันที่ ...
Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads