คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
อดีตนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ภ.ป.ร. ๑ (20 เมษายน พ.ศ. 2454 – 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักปราชญ์ นักเขียน นักการเมืองชาวไทย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2528 และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 13 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานรัฐสภาไทย ผู้ก่อตั้งหัวหน้าพรรคก้าวหน้า และพรรคกิจสังคมคนแรก เป็นน้องชายแท้ ๆ ของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 6
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ปลาย พ.ศ. 2551 กระทรวงวัฒนธรรมเสนอชื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลกต่อยูเนสโก[4] โดยมีทั้งเสียงสนับสนุน[5][6][7] และคัดค้าน[8] ต่อมาในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ยูเนสโกได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลก ใน 4 สาขา ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาล พ.ศ. 2554 โดยได้รับการประกาศพร้อมกันกับเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งได้รับในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาล พ.ศ. 2553[9]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เกิดวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2454 ในเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ตำบลบ้านม้า อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นโอรสคนสุดท้อง ในบรรดาโอรส-ธิดา ทั้ง 6 คน ของ พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง ปราโมช ณ อยุธยา ชื่อ "คึกฤทธิ์" นั้นมาจากการที่ชอบร้องไห้เสียงดังในวัยทารก จึงได้รับพระราชทานนามนี้จาก สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เขาสมรสกับ หม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง ทองใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2479 มีบุตรธิดา 2 คน คือ หม่อมหลวงรองฤทธิ์ ปราโมช และ หม่อมหลวงวิสุมิตรา ปราโมช ต่อมาได้แยกกันอยู่กับหม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์พักอยู่ที่บ้านในซอยพระพินิจ ซึ่งเป็นซอยย่อยอยู่ในซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ เขตสาทร บ้านหลังนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า "บ้านซอยสวนพลู"
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลที่มีบุคลิกและบทบาทที่หลากหลาย มีชื่อเสียงในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการประพันธ์ การแสดง และยังเป็นนักการเมือง เป็นผู้ก่อตั้งพรรคก้าวหน้า เมื่อ พ.ศ. 2488 ต่อมาได้ยุบรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ในปีถัดมา ต่อมาก่อตั้งหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2493 และก่อตั้งพรรคกิจสังคม เมื่อ พ.ศ. 2517 และได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2518 โดยสามารถเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลทั้งที่มีจำนวน ส.ส. ในมือเพียง 18 คน รัฐบาลคึกฤทธิ์ในครั้งนั้นมี บุญชู โรจนเสถียร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกิจสังคม เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบาย "เงินผัน" เป็นที่รู้จักเลื่องลือทั่วไปในสมัยนั้น
ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เคยรับบทเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศหนึ่ง ชื่อว่าประเทศสารขัณฑ์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Ugly American (1963) คู่กับมาร์ลอน แบรนโด เมื่อ พ.ศ. 2506 และหลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาเคยรับบทเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์ ผู้แทนนอกสภา กำกับโดย สุรสีห์ ผาธรรม นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี เมื่อ พ.ศ. 2526
ระหว่างการเล่นการเมือง หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์มีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองที่ทุกคนรู้จักดี คือ วาทะศิลป์ และบทบาทเป็นที่ชวนให้จดจำ เช่น การผวนพูดเล่นชื่อของตัวเองเมื่อมีผู้ถามว่า หมายถึงอะไร โดยตอบว่า "คึกฤทธิ์ ก็คือ คิดลึก" เป็นต้น
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ได้รับฉายาจากนักการเมือง และสื่อมวลชนมากมาย เช่น "เฒ่าสารพัดพิษ" "ซือแป๋ซอยสวนพลู" ภายหลังเมื่อมีอายุ จนสามารถแสดงความเห็นทางการเมือง ได้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ จึงได้รับฉายาว่า "เสาหลักประชาธิปไตย" นอกจากนี้ อีกฉายาหนึ่งที่ใช้เรียก หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ในบางแห่งคือ "หม่อมป้า"
ในด้านวรรณศิลป์ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ มีผลงานหนังสือที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมากมาย ที่ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น สี่แผ่นดิน, ไผ่แดง, กาเหว่าที่บางเพลง, หลายชีวิต, ซูสีไทเฮา, สามก๊กฉบับนายทุน และเรื่องสั้น "มอม" ซึ่งได้ใช้เป็นบทความประกอบแบบเรียนภาษาไทยในปัจจุบัน บางชิ้นมีผู้นำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ เช่น สี่แผ่นดิน, หลายชีวิต และทำเป็นภาพยนตร์ เช่น กาเหว่าที่บางเพลง
Remove ads
การศึกษา
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เริ่มต้นเรียนหนังสือที่บ้าน กับหม่อมราชวงศ์บุญรับ พี่สาวคนโต จนอ่านภาษาไทยได้ตั้งแต่อายุ 4 ปี กระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2458 เขาจึงเข้าศึกษาภาคบังคับ ที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (วังหลัง) จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ ที่โรงเรียนเทรนต์วิทยาลัย (Trent College) จากนั้นสอบเข้าวิทยาลัยควีนส์ (The Queen's College) แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) เพื่อศึกษาวิชาการปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ โดยสำเร็จปริญญาตรีเกียรตินิยม และอีกสามปีต่อมา ก็สำเร็จการศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
Remove ads
ถึงแก่อสัญกรรม
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538 ณ โรงพยาบาลสมิติเวช แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร สิริอายุได้ 84 ปี 172 วัน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร[1] แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2550 กระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอชื่อต่อยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขา การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และสื่อสารมวลชน เนื่องในโอกาสครบรอบชาตกาล 100 ปี เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554 นับเป็นคนไทยลำดับที่ 20
ผลงานประพันธ์
นวนิยาย
- สี่แผ่นดิน ( สร้างเป็นละครโทรทัศน์ และละครเวที)
- ไผ่แดง (สร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์)
- กาเหว่าที่บางเพลง ( สร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์)
- ซูสีไทเฮา
- สามก๊กฉบับนายทุน
- ราโชมอน
- ฮวนนั้ง
- โจโฉ นายกตลอดกาล
รวมเรื่องสั้น
- มอม
- เพื่อนนอน
- หลายชีวิต
สารคดี
- ฉากญี่ปุ่น
- ยิว
- เจ้าโลก
- สงครามผิว
- คนของโลก
- ชมสวน
- ธรรมคดี
- น้ำพริก
- ฝรั่งศักดินา
- สรรพสัตว์
- สัพเพเหระคดี
- ข้อคิดเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย
- โครงกระดูกในตู้
- พม่าเสียเมือง
- ถกเขมร
- เก็บเล็กผสมน้อย
- เบ้งเฮ็ก ผู้ถูกกลืนทั้งเป็น
- เมืองมายา
- เรื่องขำขัน
- โจโฉ นายกฯ-ตลอดกาล
- กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้
- คนรักหมา
- ตลาดนัด
- นิกายเซน
- บันเทิงเริงรมย์
- วัยรุ่น
- สงครามเย็น
- อโรคยา
- สยามเมืองยิ้ม
- ห้วงมหรรณพ
- ขุนช้าง ขุนแผน ฉบับอ่านใหม่
บทละครเวที
- ลูกคุณหลวง
- ราโชมอน
Remove ads
การทำงาน
บทความชีวประวัตินี้เขียนเหมือนประวัติสมัครงาน |
- รับราชการที่กรมสรรพากร
- เลขานุการที่ปรึกษากระทรวงการคลัง
- ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาลำปาง (พ.ศ. 2478-2486)
- รับราชการทหาร (เมื่อเกิดสงครามอินโดจีน และสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้รับยศ สิบตรี)
- หัวหน้าฝ่ายสำนักผู้ว่าการและหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
- ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
- เขียนบทความลงในคอลัมน์ "ซอยสวนพลู"
- อาจารย์พิเศษของคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำ พ.ศ. 2528

บทบาททางการเมือง
- พ.ศ. 2488 - 2489 : เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกในเมืองไทย ชื่อ "พรรคก้าวหน้า"
- พ.ศ. 2489 : ได้ร่วมในคณะผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนแรก
- พ.ศ. 2490 - 2491 : รัฐมนตรีที่ไม่ประจำกระทรวงในรัฐบาลพ.ต. ควง อภัยวงศ์ ในคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 19 และ คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 20
- พ.ศ. 2491 - 2492 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ใน คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 21
- พ.ศ. 2516 : สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ[10] และได้รับเลือกเป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
- พ.ศ. 2517 : จัดตั้งพรรคกิจสังคม และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นคนแรก
- พ.ศ. 2518 : จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น และได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
- พ.ศ. 2519 : ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร บริหารประเทศประมาณ 9 เดือน
ยศทหาร
- พ.ศ. 2531 : เขาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศพลตรี (ทหารราชองครักษ์พิเศษ)
Remove ads
ผลงานที่สำคัญ
บทความชีวประวัตินี้เขียนเหมือนประวัติสมัครงาน |
- หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลังจากที่ตัดขาดความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลมาเป็นเวลานาน
รางวัลและเกียรติยศ
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ได้รับพระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดนเป็น นายกองใหญ่ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย[3]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สรุป
มุมมอง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[1] ดังนี้
- พ.ศ. 2518 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[11]
- พ.ศ. 2517 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[12]
- พ.ศ. 2518 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[13]
- พ.ศ. 2528 –
เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)[14]
- พ.ศ. 2518 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[15]
- พ.ศ. 2530 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ)) สาขาวรรณศิลป์[16]
- พ.ศ. 2522 –
เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2530 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[17]
- พ.ศ. 2527 –
เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 9 (ร.จ.ท.9)
- พ.ศ. 2493 –
เหรียญพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2500 –
เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
- พ.ศ. 2537 –
เหรียญกาชาดสรรเสริญ
ต่างประเทศ
เบลเยียม :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎเบลเยียม ชั้นที่ 2[18]
- พ.ศ. 2503 –
ฝรั่งเศส :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องอิสริยาภรณ์เล็ทวล นัวร์ ชั้นที่ 2[18]
- พ.ศ. 2503 –
นอร์เวย์ :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ ชั้นทวีติยาภรณ์[18]
- พ.ศ. 2503 –
สวีเดน :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวขั้วโลก ชั้นทวีติยาภรณ์[18]
- พ.ศ. 2503 –
ลักเซมเบิร์ก
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อดอล์ฟแห่งนัสซอ ชั้นที่ 2[18]
- พ.ศ. 2503 –
มาเลเซีย :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ยาง อมาตย์ มูเลีย ปังกวน เนการา ชั้นที่ 1[18]
- พ.ศ. 2503 –
เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 1[19]
- พ.ศ. 2503 –
อิตาลี :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นที่ 2[18]
- พ.ศ. 2503 –
สเปน :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติคุณฝ่ายพลเรือน ชั้นมหากางเขน[18]
- พ.ศ. 2503 –
เนเธอร์แลนด์ :
- พ.ศ. 2503 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซา ชั้นอัศวินมหากางเขน[18]
- พ.ศ. 2503 –
ฟิลิปปินส์ :
- พ.ศ. 2518 –
เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นสายสร้อย[20]
- พ.ศ. 2518 –
โปรตุเกส :
- พ.ศ. 2525 –
เครื่องอิสริยาภรณ์อิงฟังตึ เด. เอ็งรีกึ ชั้นประถมาภรณ์
- พ.ศ. 2525 –
อินโดนีเซีย :
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ –
เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ชั้นอธิประธานา[19]
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ –
ยศ
ยศทางทหาร
- 26 ตุลาคม พ.ศ. 2531 : พลตรี[21]
Remove ads
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads