คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อังกฤษ: Faculty of Political Science, Chulalongkorn University) เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (เดิม: สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ) ถือได้ว่าเป็นคณะวิชาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นคณะรัฐศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 4 คณะแรกตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก อีกทั้งยังเป็นคณะที่ได้รับการเลือกเข้าศึกษาจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจากการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้วยระบบ Admission ถึง 4 ปีซ้อน (พ.ศ. 2553 – 2556)[1]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นคณะที่มีการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์เป็นแห่งแรก หากเริ่มนับตั้งแต่เวลาก่อตั้งสมัยเริ่มแรก เมื่อ พ.ศ. 2442 จนถึงปัจจุบัน สถาบันแห่งนี้มีอายุยาวนานถึง 123 ปี (พ.ศ. 2565)
คณะรัฐศาสตร์เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2442 (ร.ศ. 118) โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มจัดตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ขึ้นโดยพระราชทานนามว่า "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" โดยรับจากนักเรียนที่สอบผ่าน "ประโยคนักเรียน" มาแล้ว เข้าศึกษา "ประโยควิชา" ต่อเมื่อเรียนจบ "ประโยควิชา" แล้วจึงจะได้รับประกาศนียบัตรของโรงเรียน แล้วต้องออกฝึกราชการตามกระทรวงต่าง ๆ เพื่อสอบ "ประโยคฝึกหัด" ในขั้นสุดท้าย จึงจะถือว่านักเรียนผู้นั้นสำเร็จวิชาจากสถานศึกษาข้าราชการพลเรือนโดยสมบูรณ์ โรงเรียนนี้ได้เจริญขึ้นเป็นลำดับต่อมาจึงทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นักเรียนในโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก มีตำแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยใกล้ชิดและเข้าที่สมาคมในราชการให้มีความคุ้นเคยอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2445 (ร.ศ. 121) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนนามโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนเป็น "โรงเรียนมหาดเล็ก" โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า นักเรียนโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กทั้งสิ้น และตามประเพณีอันมีมาแต่โบราณข้าราชการ โดยมากยอมถวายตัวศึกษาราชการในกรมมหาดเล็กก่อนที่จะไปรับราชการในกรมอื่น จึงควรให้มีนามโรงเรียนสมแก่นักเรียนที่ได้เป็นมหาดเล็ก โรงเรียนนี้ได้เริ่มเปลี่ยนนามใหม่ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2445 โดยมีสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ พระยาวิสุทธ์สุริยาศักดิ์ (เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี) และจมื่นศรีสรรักษณ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นกรรมการที่ปรึกษา และมีหมื่นศรีสรรักษ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 (ร.ศ. 129) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเห็นว่าการที่จะฝึกนักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กให้ออกมารับราชการในกระทรวงมหาดไทยแต่กระทรวงเดียวนั้นไม่เพียงพอ ควรที่จะขยายการศึกษาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อส่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาออกไปรับราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม และเพื่อเป็นอนุสาวรีย์เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระบรมชนกาธิราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้เป็นทุนสำหรับจัดการโรงเรียนต่อไป และทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามโรงเรียนมหาดเล็กเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนพระราชทานนามว่า "โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2453 โดยโรงเรียนนี้กำหนดระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยเรียนในชั้นสอน 3 ปี และฝึกงานอีก 1 ปี ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ซึ่งเมื่อแรกตั้งได้แบ่งออกเป็น 4 คณะ คือ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบันคือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ (ชื่อแรกตั้งของคณะรัฐศาสตร์) ส่วนในด้านการศึกษายังเป็นไปในรูปเดิม นอกจากตำแหน่งผู้บังคับบัญชาโรงเรียนซึ่งแต่เดิมเรียกชื่อว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น ได้เปลี่ยนมาใช้นามว่า "คณบดี"
ครั้งในปี พ.ศ. 2472 หลังจากที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนแล้ว ความนิยมในการเข้าศึกษาในคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ได้ลดน้อยลง ในปีดังกล่าวนี้มีนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่เพียง 35 คน เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากผู้สำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรออกไปนั้น เมื่อเข้ารับราชการจะได้ตำแหน่งเพียงชั้นราชบุรุษเท่านั้น ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 5 ก็มีสิทธิสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนี้ได้แล้ว ส่วนนักเรียนที่ศึกษาจากคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ นอกจากจะสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาแล้ว ยังต้องศึกษาในคณะนี้อีกถึง 3 ปี ดังนั้น กระทรวงธรรมการจึงได้นำความทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตให้เลิกคณะนี้เสียเมื่อนักเรียนที่เหลืออยู่สำเร็จการศึกษาหมดแล้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้มีพระบรมราชานุญาต
เมื่อกระทรวงธรรมการได้สั่งปฏิบัติการตามกระแสพระบรมราชโองการแล้ว ต่อมามีสมุหเทศาภิบาลและข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นอันมากมาร้องทุกข์ว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป ทั้งกระทรวงมหาดไทยก็เล็งเห็นว่าจะขาดประโยชน์อย่างยิ่งถ้าขาดนักปกครองที่ผลิตจากคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ จึงได้มีการประชุมพิจารณาระหว่างคณะกรรมการดำริรูปการมหาวิทยาลัย ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยและผู้แทน ก.ร.พ. (กรรมการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาเสียใหม่และเปลี่ยนแปลงวิธีการรับนิสิตด้วย นอกจากนั้นได้เสนอความคิดเห็นให้เปลี่ยนชื่อคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ เป็นแผนกวิชาข้าราชการพลเรือน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชานุญาตตามข้อเสนอ และให้ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหัวหน้าแผนกคือ ผู้อำนวยการ ซึ่งมีฐานะเท่ากับคณบดี
ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2476 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ตั้งคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโอนโรงเรียนกฎหมายเข้าสมทบในคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ด้วย (ต่อมากลายเป็นคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ. 2476 ซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติว่า "ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนทรัพย์สินและงบประมาณของคณะเหล่านี้มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2477" เป็นอันว่าคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สิ้นสภาพลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการบริหารประเทศในอันที่จะได้ปฏิบัติราชการที่เพียบพร้อมไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญในการปกครองและการบริหารให้มีจำนวนเพียงพอ จึงได้จัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง โดยการตราพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2491 หลังจากที่ได้ยุบเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ปีเศษ และก็ได้เจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
คณะรัฐศาสตร์พัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน บุกเบิกความเป็นสมัยใหม่ทางวิชาการ ไม่เฉพาะในสาขาวิชารัฐศาสตร์ แต่ยังพัฒนาไปถึงในสาขาวิชาสังคมศาสตร์อื่น ๆ ด้วย ในขณะนั้นมีวิชาด้านสังคมศาสตร์ที่เปิดสอนอยู่หลายแผนกวิชา คือ แผนกวิชาการปกครอง แผนกวิชาการทูต แผนกวิชารัฐประศาสนศาสตร์ แผนกวิชาการคลัง แผนกวิชานิติศาสตร์ แผนกวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และแผนกวิชาประชากรศาสตร์ จนกระทั่งบางแผนกวิชาพัฒนามากขึ้นจึงจำเป็นต้องแยกตัวออกไปตั้งเป็นคณะใหม่ โดยแผนกวิชาการคลังรวมกับแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีตั้งเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2513 และแผนกวิชานิติศาสตร์ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2515 และแผนกวิชาสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ ได้ยกฐานะเป็นแผนกอิสระสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ และปัจจุบันคือคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้น สถาบันประชากรศาสตร์ สถาบันวิจัยสังคม สถาบันความมั่นคงและนานาชาติ สถาบันพัฒนานโยบายและ การจัดการ และสถาบันเอเชียศึกษา ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากคณะรัฐศาสตร์อีกด้วย
Remove ads
สถานที่ตั้งและพื้นที่
สรุป
มุมมอง
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอาณาเขตอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝั่งตะวันออกของถนนพญาไท ด้านข้างถนนอังรีดูนังต์ ติดกับสถานเสาวภา สภากาชาดไทย สามารถสังเกตกลุ่มอาคารของคณะได้จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย คณะรัฐศาสตร์ติดกับคณะอื่น ๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คณะ คือคณะเศรษฐศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ อีกทั้งยังตั้งอยู่ตรงข้ามกับคณะแพทยศาสตร์ โดยมีถนนอังรีดูนังต์ตัดขั้น
คณะรัฐศาสตร์ มีพื้นที่สีเขียว ลานสำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมหลายแห่ง อาทิ ลานไทร และลานโจก้า (ภายหลังคือ ลานเสรีภาพ) ซึ่งทั้งสองลานนี้อยู่ด้านหน้าและด้านหลังอาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ ภายในบริเวณคณะยังมีสนามฟุตบอลและสนามบาสเก็ตบอลด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐศาสตร์ ยังมี "ตึกกิจกรรมนิสิต" เป็นอาคารและพื้นที่สาธารณะอิสระให้นิสิตบริหาร จัดการ และสามารถใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ โดยเดิมทีตึกกิจกรรมนิสิตมีสภาพทรุดโทรมมานานกว่าหลายปี และได้ปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ช่วงที่เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2563 ช่วงปีที่เนติวิทย์เป็นนายกสโมสร เขาได้ตั้งชื่อห้องเดิมที่มีอยู่ใหม่เป็น "ห้องวิชิตชัย อมรกุล" และ "ห้อง ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน" เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงวีรชนนิสิตเก่าคณะที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ หลังจากนั้น ได้มีการปรับปรุงหลังคาและพื้นใหม่ นำโดยสิงห์ดำรุ่นที่ 24 เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 ถึงต้นปี พ.ศ. 2565 และได้เปิดตึกกิจกรรมนิสิตอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
ประกอบกับ สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 ได้ปรับปรุงทัศนียภาพใหม่ จึงได้ผนวกลานไทรและลานโจก้าเดิมเข้าด้วยกัน รื้ออาคารโรงอาหารเก่า และลานจอดรถออก และสร้างบ่อน้ำเพิ่มแทน สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ ปีการศึกษา 2564 จึงได้เปลี่ยนชื่อลานใหม่เป็น "ลานเสรีภาพ" เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการเมืองปัจจุบันและความเป็นรัฐศาสตร์มากขึ้น
Remove ads
สัญลักษณ์
- สัญลักษณ์
สัญลักษณ์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ "สิงห์ดำ" โดย "สิงห์" หมายถึง ผู้ปกครองดั่งราชสีห์ผู้เป็นจ้าวแห่งป่า และ "สีดำ" หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์ ดังนั้น สิงห์ดำ จึงมีหมายความว่า "การเป็นนักปกครองจะต้องเสียสละเพื่อมวลชน" (Black is Devotion)[5]
- กลอนสิงห์ดำ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกลอนประจำคณะที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นคติเตือนใจ โดยนิสิตจะรู้จักกันในชื่อ "กลอนสิงห์"
"เจ้าเป็นสิงห์เจ้าจงหยิ่งในสิงห์ศักดิ์ เจ้าเป็นนักรัฐศาสตร์องอาจหาญ กอปรกรรมดีให้จีรังยั่งยืนนาน มุ่งสมานใจรักสามัคคี จงรู้จักใช้วิชาหาประโยชน์ รู้จำแนกคุณโทษให้ถ้วนถี่ จงวางตนให้คนเห็นเป็นผู้ดี ถ้าเจ้ามีใจจริงเป็นสิงห์ดำ"
- สีประจำคณะ
สีดำ หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์
วารสารสังคมศาสตร์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำวารสารสังคมศาสตร์ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการผลิตผลงานทางวิชาการ/งานวิจัย และเพื่อเผยแพร่ รวมทั้งเป็นสื่อความเคลื่อนไหว ความเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าทางด้านสังคมศาสตร์ โดยเริ่มจัดพิมพ์วารสารฉบับแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 60 ปี นอกจากนี้ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังมีการจัดทำวารสารสังคมศาสตร์ฉบับย้อนหลังตั้งแต่ฉบับแรกเป็นแอพลิแคชั่นสำหรับดาวน์โหลดเพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านสังคมศาสตร์สำหรับนิสิต คณาจารย์ และประชาชนทั่วไป
Remove ads
ห้องสมุด
สรุป
มุมมอง
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีห้องสมุดประจำคณะที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากถึงสองแห่งด้วยกัน คือ ห้องสมุดรูฟุส ดี. สมิธ และ ชำนาญ ยุวบูรณ์ และอีกแห่งชื่อว่า ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. ถือได้ว่าทั้งสองแห่งเป็นหนึ่งในห้องสมุดด้านสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. เดิมชื่อห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2491 ตั้งอยู่ที่อาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ (ตึก 1) ในระยะเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 ศาสตราจารย์ รูฟุส แดเนียล สมิธ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับทุนฟูลไบรท์ให้มาสอนวิชาการปกครองเปรียบเทียบที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ช่วยเหลือกิจการห้องสมุดโดยติดต่อขอบริจาคหนังสือ และวารสารทางด้านสังคมศาสตร์จากองค์การมูลนิธิและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา นับเป็นการวางรากฐานกิจการห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ ทำให้เป็นห้องสมุดแห่งแรกในประเทศไทยที่เป็นแหล่งค้นคว้าสำคัญทางด้านสังคมศาสตร์ ต่อมาห้องสมุดได้ย้ายไปตั้งที่อาคารเกษมอุทยานิน (ตึก 3) และในปี พ.ศ. 2518 ได้ย้ายมาตั้งที่อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ ชั้น 1 จนถึงปัจจุบัน
35 ปี หลังจากมรณกรรมของศาสตราจารย์ รูฟุส แดเนียล สมิธ ที่ประชุมกรรมการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งชื่อ ห้องสมุดของคณะว่า "ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ." เพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกถึงพระคุณที่ท่านมีต่อคณะรัฐศาสตร์ โดยมีพิธีเปิดที่ห้องสมุดของคณะ ในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2531[6]
ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ห้องสมุดของคณะรัฐศาสตร์ทั้งสองแห่งได้รับรางวัลรับรองจากหลายสถาบัน[7]
- รางวัลชนะเลิศ ประเภทประสิทธิภาพของการบริการ รางวัลคุณภาพแห่งจุฬาฯ พ.ศ. 2550
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทนวัตกรรมการให้บริการ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2551
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทรายกระบวนงาน จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2553
- รางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประเภทการพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2556
Remove ads
หน่วยงานและหลักสูตร
สรุป
มุมมอง
Remove ads
คณบดี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีตำแหน่งคณบดีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2491
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี เป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น
Remove ads
บุคลากรที่มีชื่อเสียง
สรุป
มุมมอง
ดูเพิ่ม รายนามบุคคลจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการขบวนการเสรีไทยต่อต้านรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และอดีตรองปลัดกรุงเทพมหานคร
- ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- ดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตนักการทูต อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป
- ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตรองประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้ว่าการประปานครหลวง และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตรองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม อดีตเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในเครือพญาไท
- ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย อดีตวุฒิสมาชิก นิสิตเก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด
- เอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ นักวิชาการ นักเขียนสารคดี นักสะสมของเก่า และนิสิตเก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- อารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
- ฐากูร บุนปาน รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
- ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- วิบูลย์ สงวนพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย อดีตรองประธานรัฐสภา อดีตประธานวุฒิสภา อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการกฤษฎีกา อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
- รองศาสตราจารย์ ดร.พิทยา บวรวัฒนา นักวิชาด้านวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการต่างประเทศหลายฉบับ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร นักปรัชญาการเมือง และคอลัมนิสต์
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ อดีตประธาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ
- ศาสตราจารย์ ธเนศ วงศ์ยานนาวา บรรณาธิการ "รัฐศาสตร์สาร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักเขียนชื่อดัง
- ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ศาสตราจารย์ พลตำรวจโทหญิง ดร.นัยนา เกิดวิชัย อดีตคณบดีคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
- แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกรรมการมูลนิธิไทยคม
- รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการจัดวางระบบควบคุมภายในบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
- วิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และประธานสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี
- ดร.โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
- ชวน ศิรินันท์พร กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม[11] อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดแพร่ จังหวัดอุบลราชธานี
- วิมล คิดชอบ อดีตอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีและอดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
- ดร.สุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
- ศาสตราจารย์ ดร.อมร รักษาสัตย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายกสมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน
- อนุตตมา อมรวิวัฒน์ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและอาหารไทยตำรับชาววัง และกรรมการรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ (ทุกฤดูกาล)
- ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงมหาดไทย และประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตกงสุล ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง อดีตเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง
- ศาสตราจารย์ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต
- ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์ นักแสดงสังกัดช่อง 3 เอชดี
Remove ads
คณาจารย์ที่มีชื่อเสียง
- ศาสตราจารย์ จางวางตรี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย อดีตอาจารย์คณะรัฏฐประศาสนศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ ทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516
- รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์พฤทธิสาณ ชุมพล กรรมการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อดีตรองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และอดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
- ศาสตราจารย์ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้รับรางวัล TTF Award สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ พ.ศ. 2551
- ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- ศาสตราจารย์ ดร.สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย อดีตกรรมการและเลขานุการร่วม คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม
- รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- รองศาสตราจารย์ ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี อดีตรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตกรรมการสำนักงานจัดการทรัพย์สินสภากาชาดไทย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยวิทัศน์ จำกัด และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549
- ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทางการทหารไทยและความมั่นคงไทย และอดีตอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาสังคมศาสตร์ จากคณะกรรมการที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.)[12]
- ศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ
- รองศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ มหัทธโนบล นักวิจัยและอาจารย์สาขาจีนศึกษา นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ (สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์) ประจำปี 2558 ของสภาวิจัยแห่งชาติ[13]
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์ พงศ์สวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คอลัมนิสต์ และผู้ดำเนินรายการ Wake Up Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV
- รองศาสตราจารย์ ตระกูล มีชัย รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อดีตหัวหน้าภาคการปกครองคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- รองศาสตราจารย์ ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังสาธารณะ อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อนุกรรมการการปกครองท้องถิ่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ
- อาจารย์ ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
- รองศาสตราจารย์ ดร.งามพิศ สัตย์สงวน อดีตหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อดีตคณะกรรมการสาขาสังคมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภามหาวิทยาลัย
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads