คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

คดีดิไอคอนกรุ๊ป

กรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์กระทำทางกาย วาจา ใจ หากเป็นสิ่งไม่ได้ เรียกว่า อกุศล มีผลเป็นบาป และ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คดีดิไอคอนกรุ๊ป
Remove ads

คดีดิไอคอนกรุ๊ป เป็นคดีพิเศษที่ 115/2567 และ 119/2567 ที่มีหมายจับ ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในข้อหามีพฤติกรรมหลอกชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายกลับไม่ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ โดย กรรชัย กำเนิดพลอย เริ่มเปิดเผยเรื่องนี้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567

ข้อมูลเบื้องต้น คดีดิไอคอนกรุ๊ป, สาระแห่งคดี ...

คดีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับนักแสดงและผู้มีชื่อเสียงชาวไทยจำนวนหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดในคดีนี้จำนวน 18 คน และตำรวจสามารถจับกุมได้ทั้งหมดในวันเดียวกัน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง แซม - ยุรนันท์ ภมรมนตรี, มีน - พีชญา วัฒนามนตรี และ กันต์ กันตถาวร โดยทั้งสามมีทนายความมายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมหลักทรัพย์ แต่ศาลอาญายกคำร้อง อีกทั้งศาลยังไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวจำเลยที่เหลือในคดีนี้ทั้งหมดด้วย

หลังเกิดกรณีดังกล่าว ธุรกิจจำนวนหนึ่งได้ชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ยังมีการพิจารณาเพิกถอนรางวัลที่เคยมอบให้บริษัทดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ละครโทรทัศน์ที่มีผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมแสดง จะยังคงออกอากาศตามเดิม

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปยอดการแจ้งความว่ามีผู้แจ้งความรวมทั้งสิ้น 10,460 ราย มูลค่าความเสียหาย 3,213 ล้านบาทเศษ[1]

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดเป็นเงินประมาณ 320,320,308 บาท โดยเป็นทรัพย์สินประเภทหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หน่วยลงทุน และสินทรัพย์ดิจิตอล จำนวน 26 รายการ และเป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีซื้อชายหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 63 รายการ รวมทรัพย์สินที่ยืดและอายัดทั้งสิ้น 89 รายการ มูลค่าประมาณ 144,275,765 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ รวมทั้ง 4 คำสั่ง[2]

Remove ads

ภูมิหลัง

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก่อตั้งโดย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล จดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท มีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านรามอินทรา ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงาม ในช่วง 5 ปีแรก ดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมทั้งหมดมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งเป็นรายได้ในปี พ.ศ. 2564 เพียงปีเดียว

บริษัทใช้กลยุทธ์ในการจำหน่ายสินค้าหลายประการ เช่น จำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายโดยที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้าไว้เอง และเปิดสอนการขายออนไลน์ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายและผู้ที่สนใจ รวมถึงการนำศิลปิน นักแสดง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มาดำรงตำแหน่งต่าง ๆ หรือเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าในเครือ

Remove ads

เหตุการณ์

สรุป
มุมมอง

จุดเริ่มต้น

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567 กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 เอชดี ได้ระบุในช่วงหนึ่งขณะดำเนินรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เกี่ยวกับบริษัทขายตรงชื่อดัง ที่ใช้ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และหลอกชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายกลับไม่ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม[3] โดยตนได้พูดคุยกับผู้เสียหายในกรณีนี้และรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว และต่อมาในวันรุ่งขึ้น (8 ตุลาคม) กรรชัยได้โพสต์ข้อความเพิ่มว่าบริษัทดังกล่าวเริ่มมีพฤติกรรมข่มขู่บุคคลอื่น และพยายามปกป้องพรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่ปกป้องผู้เสียหาย[4] ในเวลาต่อมามีผู้เสียหายออกมาแสดงตนและเปิดเผยกระบวนการหลอกลวงนี้เพิ่มขึ้น เช่น คริสโตเฟอร์ เบญจกุล อดีตนักแสดงที่ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเพจเฟซบุ๊กที่โพสต์ในกรณีของคริสโตเฟอร์ได้ระบุคำใบ้เพิ่มผ่านแฮชแท็ก #ขยันผิดที่10ปีก็ไม่รวย ซึ่งเป็นวลียอดนิยมของวรัตน์พลที่เป็นผู้ก่อตั้งดิไอคอนกรุ๊ป[5]

Thumb
บอสและพรีเซนเตอร์จากงาน ICON EVOLUTION EXPO เมื่อ 19 ธันวาคม 2566

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ใช้สื่อสังคมวิพากษ์วิจารณ์ดิไอคอนกรุ๊ปอย่างกว้างขวาง รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ไปยังผู้มีชื่อเสียงที่ดำรงตำแหน่งในดิไอคอนกรุ๊ป เช่น กันต์ กันตถาวร ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด, มิน - พีชญา วัฒนามนตรี ประธานเจ้าหน้าที่การสื่อสาร, แซม - ยุรนันท์ ภมรมนตรี ประธานเจ้าหน้าที่การวิจัย หรือพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าในเครือ เช่น บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, ป้อง - ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์, เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ, โดม - ปกรณ์ ลัม และ พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร เป็นต้น

การชี้แจงและให้สัมภาษณ์จากผู้ก่อตั้งบริษัท

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม สองวันหลังกรรชัยเปิดเผยพฤติกรรมของดิไอคอนกรุ๊ป วรัตน์พล ผู้ก่อตั้งดิไอคอนกรุ๊ป ได้โพสต์ชี้แจงโดยสรุปว่า ตนดำเนินธุรกิจนี้อย่างถูกต้องและโปร่งใสมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายนั้น ทีมงานของตนตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายของดิไอคอนกรุ๊ป อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหากตนทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ตนจะยอมรับโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด[6] ห้าวันถัดจากนั้นวรัตน์พลได้มาพูดคุยกับผู้เสียหายจากคดีดิไอคอนกรุ๊ปในรายการโหนกระแส และเดอะสแตนดาร์ดนาว ตามลำดับ โดยในรายการโหนกระแส เขาขอโทษผู้เสียหาย และบอกว่าจะ "พยายามรับผิดชอบให้เต็มที่ที่สุด จนกว่าผมจะไม่มีอะไรเหลือ หรือจนกว่าผมจะตาย"[7] และในเดอะสแตนดาร์ดนาว เขาได้ประกาศไม่รับตัวแทนจำหน่ายให้ดิไอคอนกรุ๊ปเพิ่ม[8]

ความเคลื่อนไหวจากผู้เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง

ผู้ดำรงตำแหน่งที่มีชื่อเสียง

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม สองวันหลังกรรชัยเปิดเผยพฤติกรรมของดิไอคอนกรุ๊ป แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ประธานเจ้าหน้าที่การวิจัย ได้ชี้แจงว่า ตนไม่ได้เข้าประชุมกรรมการ หรือมีส่วนในการกำหนดทิศทางของดิไอคอนกรุ๊ปแต่อย่างใด เนื่องจากวรัตน์พลเป็นกรรมการคนเดียวของดิไอคอนกรุ๊ป แต่หากตำรวจติดต่อมา ตนก็พร้อมที่จะเข้าให้ข้อมูล[9] ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม บอย ปกรณ์ ได้ชี้แจงว่าตนทำหน้าที่เพียงเป็นพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในดิไอคอนกรุ๊ป[10] ในวันเดียวกัน กันต์ กันตถาวร ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด ซึ่งเป็นพิธีกรในช่องเวิร์คพอยท์ ภายใต้สังกัดเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ได้ประกาศยุติบทบาทพิธีกรในรายการของเวิร์คพอยท์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว จนกว่าคดีนี้จะมีความชัดเจน[11] อย่างไรก็ตาม แม้ สคบ. จะเตรียมเรียกผู้มีชื่อเสียงที่ดำรงตำแหน่งในดิไอคอนกรุ๊ปทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลในสัปดาห์ถัดไป[12] แต่ในเวลาต่อมา ดิไอคอนกรุ๊ปก็ได้ออกแถลงว่า ทั้ง 3 คนไม่ได้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม หรือผู้ถือหุ้นของดิไอคอนกรุ๊ปแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วยและทำการตลาดให้สินค้าของดิไอคอนกรุ๊ปเท่านั้น[13] เช่นเดียวกับพรีเซ็นเตอร์อีก 2 คน คือ บอย ที่ดิไอคอนกรุ๊ปก็แถลงว่าเป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์เพื่อช่วยทำการตลาดให้สินค้าของดิไอคอนกรุ๊ปเช่นกัน[14] อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มีผู้มีชื่อเสียงประกาศยุติสัญญารับจ้างในการดำเนินงานกับดิไอคอนกรุ๊ปไปแล้ว 3 คน ดังนี้

  • บอย ปกรณ์ ประกาศในรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ขอยุติสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า และคืนเงินค่าจ้างให้ดิไอคอนกรุ๊ป โดยระบุว่าตน "พร้อมอยู่ฝั่งผู้เสียหาย"[15]
  • มิน พีชญา ประกาศในวันเดียวกัน ขอยุติสัญญาในการร่วมงานกับดิไอคอนกรุ๊ปทั้งหมด โดยระบุว่าตน "เลือกอยู่ข้างประชาชน" เช่นกัน[16]
  • กันต์ กันตถาวร ประกาศเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ขอยุติสัญญาในการร่วมงานกับดิไอคอนกรุ๊ปทั้งหมด โดยระบุว่า "ทุกอย่างต้องอยู่ในมาตรฐานของความถูกต้อง"[17]

ต่อมาในวันที่ 15 ตุลาคม มีบุคคลเบื้องหลังของดิไอคอนกรุ๊ปเปิดเผยในรายการถกไม่เถียงว่า วรัตน์พลและดิไอคอนกรุ๊ปมีที่ปรึกษาคือบุคคลตัวย่อ ธ. ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเคยถือหุ้นอยู่ 21% ในดิไอคอนกรุ๊ป[18] ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยว่าคือ ธเนตร วงษา สามีของ กบ - อนุสรา จันทรังษี อดีตนางเอกชื่อดังในยุค 80[19]

พระเมธีวชิโรดม

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม มีการเผยแพร่คลิปที่พระเมธีวชิโรดม (วุฒิชัย วชิรเมธี) เคยเทศน์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในดิไอคอนกรุ๊ป[20] สี่วันถัดมา (15 ตุลาคม) พระเมธีวชิโรดมออกประกาศชี้แจงว่าตนเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ที่ดิไอคอนกรุ๊ปนิมนต์มาสอนธรรมะและทำบุญถวายสังฆทานเป็นประจำทุกเดือน แต่ขออภัยในหลักการสอนของท่านเอง[21] และดิไอคอนกรุ๊ปก็แถลงขอขมาพระสงฆ์ทุกรูปเช่นเดียวกัน[22] อย่างไรก็ตาม สองวันถัดมา (17 ตุลาคม) ในรายการโหนกระแส ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ก็เปิดเผยว่า พบตาลปัตรเป็นตราดิไอคอนกรุ๊ป และมีการบริจาคเงินให้พระเมธีวชิโรดมอย่างน้อย 1,000,000 บาท[23]

ต่อมามีการเปิดเผยคลิปที่พระเมธีวชิโรดมเหน็บแหนมคนไม่มาสัมมนากับดิไอคอนกรุ๊ปว่ามีทัศนคติที่คับแคบและไม่ฉลาด[24] ส่งผลให้ในวันที่ 18 ตุลาคม อำนวยพร มณีวรรณ ได้นำคลิปดังกล่าวประกอบหลักฐานประกอบอื่น ๆ เข้าแจ้งความพระเมธีวชิโรดม ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้มีการฉ้อโกงประชาชนจากคดีนี้[25][26] ด้าน ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ตนไม่ก้าวล่วงในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของพระสงฆ์ และมอบอำนาจในการพิจารณาให้มหาเถรสมาคม[27]

อย่างไรก็ตาม มีผู้แสดงความเห็นว่า การกระทำของพระเมธีวชิโรดมดังกล่าว อาจไม่เข้าข่ายความผิดฐานสนับสนุนให้มีการฉ้อโกงประชาชน เช่นเดียวกับดาราที่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่มิได้เป็นผู้บริหารของดิไอคอนกรุ๊ป[28]

การรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแลคดีการหลอกให้ลงทุนของดิไอคอนกรุ๊ป โดยได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อรับแจ้งความจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและตกเป็นผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว[29] ต่อมา พันตำรวจเอก อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องภายใน 48 ชั่วโมง รวมถึงหารือกับกระทรวงการคลังในการตั้งข้อหา ซึ่งเบื้องต้นมีฐานความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และฟอกเงิน รวมถึงหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อพิจารณาโอนเป็นคดีพิเศษ[30]

สองวันถัดมา (13 ตุลาคม) พลตำรวจตรี โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพลตำรวจตรี มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม ได้แถลงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป โดยตอนหนึ่งระบุว่า นอกจากวรัตน์พล, กันต์ กันตถาวร, มิน พีชญา และแซม ยุรนันท์ แล้ว ผู้เสียหายยังแจ้งความเอาผิด "บอสปีเตอร์" และ "บอสหมอเอก" เพิ่มอีกด้วย ตำรวจจึงถือว่าทั้ง 6 คนเป็นผู้ต้องหา แต่ยังไม่มีการออกหมายจับ[31] วันถัดมา (14 ตุลาคม) กรรชัยพร้อมด้วย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ และบอย ปกรณ์ ได้พาผู้เสียหาย 40 คนที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมจากการดำเนินธุรกิจของดิไอคอนกรุ๊ป เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง[32]

การออกหมายจับผู้ต้องหา

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ตำรวจ ปคบ. ได้นำพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอนกรุ๊ปทั้งหมด 18 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้ต้องหา 6 คนข้างต้นด้วย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม[33] โดยศาลอนุมัติทั้ง 18 หมายจับ[34] ตำรวจ ปคบ. จึงเข้าจับกุมวรัตน์พลระหว่างเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับ สคบ. ในวันนั้น[35] และสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือได้จนครบทั้ง 18 คนในวันเดียวกัน[36] โดยผู้ต้องหาทั้ง 18 คน มีดังนี้[37]

  1. นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล
  2. น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร
  3. นายกลด เศรษฐนันท์
  4. นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ
  5. น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์
  6. น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์
  7. นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา
  8. นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์
  9. น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์
  10. น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา
  11. นายเชษฐ์ณภัฎ อภิพัฒนากานต์
  12. นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์
  13. นายจิรวัฒน์ แสงภักดี
  14. นางวิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ
  15. นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์
  16. นายกันต์ กันตถาวร
  17. น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี
  18. นายยุรนันท์ ภมรมนตรี

วันเดียวกัน DSI ได้อายัดที่ดินจำนวน 63 ไร่ ริมถนนคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษก ในพื้นที่ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งดิไอคอนกรุ๊ปซื้อมาในมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจและก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมในชื่อ "ดิไอคอนซิตี" (The iCon City) ซึ่งประกอบด้วย หอประชุม บ้านของผู้บริหาร และอาคารศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์ เนื่องจากพบว่าเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินและฉ้อโกงประชาชน[38] นอกจากนี้ตำรวจ ปคบ. ยังอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาในคดีนี้ ประกอบด้วยรถยนต์หรู 23 คัน, เงินสด 1,620,000 บาท, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 39 ชิ้น, สินค้าแบรนด์เนม 121 รายการ รวมถึงนาฬิกาหรูและทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท[39]

วันถัดมา (17 ตุลาคม) รองศาสตราจารย์ ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความอดีตผู้ประกาศข่าว ดีเจ และพิธีกรรายการชื่อดังมีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป[40] วันเดียวกัน ตำรวจได้นำผู้ต้องหาจำนวน 17 คนไปฝากขังที่ศาลอาญา พร้อมระบุว่าไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน[41] โดยแบ่งกลุ่มผู้ต้องหาออกเป็น 4 ชุด เพื่อขึ้นรถ 4 คัน ซึ่งกลุ่มสุดท้ายเป็นผู้มีชื่อเสียงที่ดำรงตำแหน่งในดิไอคอนกรุ๊ป คือ แซม ยุรนันท์, กันต์ กันตถาวร และมิน พีชญา รวมถึงหมอเอก[42] ซึ่งต่อมาตำรวจเปิดเผยว่าทั้ง 17 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา[43] ส่วนวรัตน์พลยังประสงค์ให้ปากคำต่อ จึงยังไม่มีการส่งตัวพร้อมกับคนอื่น ๆ โดยจะนำตัวมาฝากขังต่อศาลในวันถัดไป (18 ตุลาคม)[44] จากนั้นมีเพียงทนายความของแซม ยุรนันท์, กันต์ กันตถาวร และมิน พีชญา ที่ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวคนละ 2,000,000 บาท แต่ศาลอาญายกคำร้อง[45] ส่งผลให้ผู้ต้องหาทั้ง 17 คนถูกนำตัวไปยังเรือนจำกลางคลองเปรมเพื่อแยกคุมขังในคืนเดียวกันทันที[46] วันเดียวกัน คณะกรรมการธุรกรรม ภายใต้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติให้อายัดทรัพย์สินของดิไอคอนกรุ๊ปเพิ่มเติมอีก 1,500,000 บาท[47]

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังพบว่า นอกเหนือจากผู้มีชื่อเสียงที่ดำรงตำแหน่งทั้ง 3 คนและพระเมธีวชิโรดมแล้ว ยังมีผู้มีชื่อเสียงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวอีกหลายคน เช่น ปู - มัณฑนา หิมะทองคำ , มดดำ-คชาภา ตันเจริญ, ลีซอ - ธีรเทพ วิโนทัย[48], ตั้ม - วราวุธ โพธิ์ยิ้ม[49], ครูอ้วน - มณีนุช เสมรสุต[50], ลิเดีย - ศรัณย์รัชต์ ดีน[51], ก้อง - อรรฆรัตน์ นิติพน, วีที - วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์, ต๋อย - ไตรภพ ลิมปพัทธ์[52], พิชัย จาวลา[53], ธเนตร วงษา[54], พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร[55], ฝน ธนสุนทร[56], เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ, เอ๋ - อัจฉรา ทองเทพ, ป้อง - ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์, อ๋อม - สกาวใจ พูนสวัสดิ์, ต้นหอม - ศกุนตลา เทียนไพโรจน์, เด็บบี้ - เดบาร่าห์ ซี[57], บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ , โดม - ปกรณ์ ลัม, ไกรภพ จันทร์ดี (กบ ไมโคร), ลูกตาล - ชลธิชา เพ็ชรณสังกุล , เคนโด้ - เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร[58], ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เป็นต้น โดยทั้งหมดมีความผิดเบื้องต้น คือ ทราบว่าเป็นการหลอกลวงแต่เจตนาไม่แจ้งความ และสามารถช่วยประชาชนไม่ให้ถูกหลอกลวงได้แต่ไม่ทำ แต่ทั้งหมดก็ให้การปฏิเสธเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงกบ ลูกตาล และบุคคลภายนอกอีก 3 คน ที่วรัตน์พลกำลังพิจารณามอบหมายให้ทนายของตนยื่นหนังสือไปยัง DSI เพื่อแจ้งความเอาผิดในฐานะอดีตแม่ข่ายของดิไอคอนกรุ๊ป[59]

การโอนสำนวนคดีไปยังดีเอสไอและแจ้งความเพิ่ม

วันที่ 24 ตุลาคม พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้แถลงว่า DSI รับโอนคดีดิไอคอนกรุ๊ปส่วนที่เป็นความผิดฐานฟอกเงินตามประมวลกฎหมายอาญาเป็นคดีพิเศษ ส่วนความผิดฐานอื่น ๆ ยังคงให้ตำรวจสอบสวนกลางสอบสวนต่อ และ ปปง. ยังดำเนินการส่วนทรัพย์สินตามเดิม เนื่องจาก DSI พบว่าในฐานความผิดฟอกเงินนั้นเข้าเงื่อนไขกรณีที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป[60]

อย่างไรก็ตาม สองวันถัดมา (26 ตุลาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ปทั้งหมด ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ DSI และ ปปง. ได้เรียกประชุมหน่วยงานข้างต้นและมีข้อสรุปว่า จะให้ตำรวจสอบสวนกลางส่งมอบอำนาจในการดำเนินคดีดิไอคอนกรุ๊ปในฐานความผิดที่เหลือให้ DSI ทั้งหมด เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาท และมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก[61] การโอนสำนวนคดีเสร็จสมบูรณ์ในอีกสองวันถัดมา (28 ตุลาคม)[62]

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของ DSI ได้เดินทางไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดิไอคอนกรุ๊ปและผู้ต้องหาทั้ง 18 คนในฐานความผิดอีก 3 ข้อหา ได้แก่ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 1 ข้อหา และพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 อีก 2 ข้อหา คือ ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่าย และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต[63]

การสรุปสำนวนคดีส่งอัยการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พันตำรวจตรี ยุทธนา อธิบดี DSI ได้ระบุว่า คณะพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 119/2567 แล้ว มีมติสั่งฟ้องดิไอคอนกรุ๊ปและผู้ต้องหา 18 คนต่ออัยการในฐานความผิดทั้ง 5 ข้อหา คือ ฉ้อโกงประชาชน, ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ความผิดว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามกฎหมายการขายตรงอีก 2 ข้อหา ส่วนความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดเกี่ยวกับภาษีและบัญชี DSI แยกไว้สอบสวนในคดีพิเศษที่ 115/2567 โดยยังอยู่ระหว่างตรวจสอบบัญชีและทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อขยายผล[64]

การสั่งฟ้องศาล

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 อัยการพิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 119/2567 ได้สั่งฟ้องดิไอคอนกรุ๊ปพร้อมผู้ต้องหาทั้งหมดในฐานความผิดทั้ง 5 ข้อหาข้างต้น ยกเว้น แซม ยุรนันท์ ผู้ต้องหาที่ 17 และ มิน พีชญา ผู้ต้องหาที่ 18 ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง[65] เนื่องจากทั้งคู่ทำสัญญาเฉพาะรับจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ในช่วงปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากดิไอคอนกรุ๊ปจดทะเบียนจัดตั้งไปแล้ว 2 ปี[66] ทำให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวทั้งคู่ออกจากเรือนจำในวันดังกล่าวในทันที[67]

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 เมษายน อธิบดี DSI เห็นว่ายังมีข้อเท็จจริงบางประการที่ควรเสนอให้อัยการสูงสุดมีความเห็นชี้ขาด จึงทำความเห็นแย้งว่าเห็นควรฟ้องแซม ยุรนันท์ และมิน พีชญา ตามเดิม และเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดต่อไป[68]

การถอนแจ้งความ

ต่อมาในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นางสาวปราณิชพัชร์ วรกาญจน์ ซึ่งเป็นโกลด์ดีลเลอร์ของดิไอคอนกรุ๊ป ได้นำตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่เคยแจ้งความดำเนินคดีกับดิไอคอน มาถอนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม แต่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ถอนแจ้งความเนื่องจากปราณิชพัชร์ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์[69]

คลิปเสียง

มีการเปิดเผยคลิปเสียงปริศนาที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ปอยู่ใน 2 ประเด็น ดังนี้

  • "เทวดา สคบ." เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ในรายการโหนกระแส กรรชัยได้เปิดคลิปเสียงปริศนาที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าดิไอคอนกรุ๊ปได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในเรื่องที่ถูกร้องเรียน แต่ไม่ระบุว่าเป็นเสียงของใคร นักการเมือง ส. ได้แก่ นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคมีคำสั่งปลดออกจากตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจากคดีนี้[70] “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เนื่องจากได้โทรศัพท์ไปรีดไถเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความคดีดิไอคอน[71] ทนายตั้ม ซึ่งขณะนี้ตำรวจมีได้แจ้งข้อหากับทนายตั้ม รวม 4 คดี คือ คดีเงิน 71 ล้านบาท , เงินคริปโทเคอเรนซี , รถหรู และค่าออกแบบ ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน[72]
  • ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กับ พัช-กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ตกเป็นข่าว กรณีตบทรัพย์ โดยเรียกเงินบอสปัน 20 ล้านจากเครือดิไอคอนกรุ๊ป เพื่อพาไปออกรายการโหนกระแส โดยมีการพาดพิงถึง กรรชัย กำเนิดพลอย โดยฟิล์ม ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเสียงตน และขอโทษที่แอบอ้าง[73] “อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ” ปูดอีก “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ไม่ได้ตบทรัพย์ดิไอคอนแค่ 20 ล้าน ลั่นมีอีกเคส​ 60 ล้าน[74] ทางด้านตำรวจระบุว่าเป็นความผิดพยายามฉ้อโกง อยู่ระหว่างออกหมายเรียก[75][73] ส่วน ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องร่วมค่าย RS ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงบริษัท ไทยยินตัน จำกัด จำนวนเงิน 79 ล้านบาท[76]

ความเคลื่อนไหวจากหน่วยงานอื่น ๆ

เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เคยมอบโล่รางวัลเนื่องในวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย ประจำปี พ.ศ. 2565 ให้แก่ดิไอคอนกรุ๊ป ดังนั้น ภายหลังเกิดกรณีดังกล่าว จึงทำให้เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สั่งการให้ สคบ. รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายในกรณีดิไอคอนกรุ๊ป และใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างรัดกุม อีกทั้งประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหากพบว่าดิไอคอนกรุ๊ปกระทำความผิดตามที่กล่าวหาจริง จะสั่งการให้ สคบ. เพิกถอนโล่รางวัลที่เคยมอบให้ต่อไป[77]

วันเดียวกัน สมาคมการขายตรงไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าดิไอคอนกรุ๊ปไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทย พร้อมอธิบายรูปแบบธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องจำนวน 9 ข้อ[78] และจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของดิไอคอนกรุ๊ปจำนวน 13 รายการ ในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า มีผลิตภัณฑ์ได้รับอนุญาตจำนวน 12 รายการ ส่วนอีก 1 รายการ ไม่พบในระบบฐานข้อมูล[79]

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พล.อ.อ.นพ.อิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้แจ้งความต่อ บก.ปคบ. ให้เอาผิด "หมอเอก" ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ เนื่องจากแพทยสภาตรวจสอบพบว่าไม่มีชื่ออยู่ในระบบแพทย์[80] วันเดียวกัน เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ได้ออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของดิไอคอนกรุ๊ป, วรัตน์พล, ณิชพน ทองมี, ฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และ กันต์ กันตถาวร จำนวน 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125,548,076.99 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน[81]

วันถัดมา (16 ตุลาคม) ไอคอนสยาม ออกแถลงการณ์ระบุว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ปแต่อย่างใด[82] วันเดียวกัน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศยุติสัญญาในการเป็นพิธีกรและศิลปินในสังกัดกับกันต์ กันตถาวร โดยจะมีหนังสือแจ้งไปยังกันต์ต่อไป[83] วันถัดจากนั้น ช่อง 7HD ออกประกาศระบุว่าอดีตผู้บริหารของช่องที่ร่วมเป็นแม่ข่ายของดิไอคอนกรุ๊ป ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของช่องตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565 และการกระทำดังกล่าวเป็นไปในลักษณะส่วนบุคคล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับช่อง 7HD แต่อย่างใด[84] ในวันเดียวกัน บอย - ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการช่องวัน 31 ระบุว่า จะไม่ระงับการออกอากาศละคร เกมรักปาฏิหาริย์ ถึงแม้ว่าจะมี มิน พีชญา และแซม ยุรนันท์ ร่วมแสดงด้วยก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับละคร และมองว่าคนดูสามารถแยกแยะระหว่างละครและชีวิตจริงของนักแสดงได้[85]

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี ในที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือที่สื่อเรียกว่า ฐานะบอสโปลิส[86] ต่อมาตำรวจกองปราบปรามนำกำลังจับกุม นางสาว กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์[87] หัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ ต่อมาในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ เข้ามอบตัวเนื่องจากถูกออกหมายจับ[88] สามวันหลังจากนั้นตำรวจนำกำลังจับกุม นาง วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ และ นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตรองโฆษกรัฐบาล[89]

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 รณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. ในฐานะนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ออกคำสั่งเพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงของดิไอคอนกรุ๊ป เนื่องจากพบหลักฐานว่าผู้เสียหายไม่สามารถชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของดิไอคอนกรุ๊ปโดยตรงได้ ซึ่งเท่ากับว่าดิไอคอนกรุ๊ปไม่ได้มุ่งเน้นในการขายสินค้าให้กับผู้บริโภค แต่มุ่งเน้นให้สมาชิกรายเก่าหาสมาชิกรายใหม่เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 โดยมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2568[90]

Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads