คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
คิม จ็อง-นัม
บุตรชายของคิม จ็อง-อิล (ค.ศ. 1971–2017) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
คิม จ็อง-นัม (เกาหลี: 김정남; ฮันจา: 金正男, ภาษาเกาหลี: [kim.dzɔŋ.nam];[a] 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1971 – 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017) เป็นบุตรชายคนโตของคิม จ็อง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ตั้งแต่ราว ค.ศ. 1994 ถึง 2001 เขาได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดา[1] เขาถูกมองว่าตกต่ำลงหลังทำให้ระบอบอับอายใน ค.ศ. 2001 ด้วยความพยายามที่ล้มเหลวในการเดินทางไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์ด้วยหนังสือเดินทางปลอม แม้คิมเองจะกล่าวว่าการที่เขาไม่ได้รับความโปรดปรานนั้นเกิดจากการสนับสนุนการปฏิรูป
คิม จ็อง-นัมถูกเนรเทศออกจากเกาหลีเหนือใน ค.ศ. 2003 และกลายเป็นนักวิจารณ์ระบอบของครอบครัวเขาเป็นครั้งคราว[2] คิม จ็อง-อึน น้องชายต่างมารดาของเขา ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอำนาจในเดือนกันยายน ค.ศ. 2010[3] เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 รัฐบาลเกาหลีเหนือลอบสังหารคิม จ็อง-นัมด้วยสารทำลายประสาทวีเอ็กซ์ในประเทศมาเลเซีย หลังความพยายามลอบสังหารก่อนหน้านี้ไม่สำเร็จ[4]
วันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2019 เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่าคิม จ็อง-นัมเป็นแหล่งข่าวของสำนักข่าวกรองกลาง (CIA)[5][6]
Remove ads
ชีวิตและการงาน
สรุป
มุมมอง
ค.ศ. 1971–1998: ชีวิตช่วงต้น
คิม จ็อง-นัมเกิดเมื่อ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1971 ในเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีมารดาชื่อซ็อง ฮเย-ริม[7] หนึ่งในสี่หญิงที่ทราบกันว่ามีบุตรกับคิม จ็อง-อิล เนื่องจากคิม จ็อง-อิลต้องการเก็บความสัมพันธ์ของเขากับซ็องเป็นความลับเพราะคิม อิล-ซ็อง ผู้เป็นบิดาไม่เห็นด้วย เขาจึงไม่ได้ให้จ็อง-นัมเข้าโรงเรียนตั้งแต่แรก แต่ส่งเขาไปอยู่กับซ็อง ฮเย-รัง พี่สาวของซ็อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สอนพิเศษให้เขาที่บ้าน[8] นอร์ทโคเรียลีเดอร์ชิปวอตช์ (North Korea Leadership Watch) ระบุว่าเขาเดินทางออกจากเกาหลีเหนือเพื่อไปเยี่ยมย่าของเขาที่มอสโก สหภาพโซเวียต และใช้ชีวิตในวัยเด็กที่โรงเรียนนานาชาติทั้งในรัสเซียและสวิตเซอร์แลนด์กระทั่งกลับมายังประเทศบ้านเกิดใน ค.ศ. 1988[9]
คิม จ็อง-นัมถูกรายงานว่ามีบุคลิกคล้ายบิดา และป้าของเขาเคยบรรยายไว้ว่าเป็นคน "อารมณ์ร้อน อ่อนไหว และมีความสามารถทางศิลปะ"[10] ป้าของเขายังบอกใน ค.ศ. 2000 ด้วยว่าเขา "ไม่ต้องการสืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อจากบิดา"[10] เช่นเดียวกับคิม จ็อง-อิล เขาสนใจในภาพยนตร์: เขาเขียนบทภาพยนตร์และหนังสั้นมาตั้งแต่เด็ก[10] บิดายังสร้างฉากถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดเล็กให้เขาใช้ด้วย[10]
คิม จ็อง-นัมเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ หลายครั้งตั้งแต่ ค.ศ. 1995[10]
ค.ศ. 1998–2001: ผู้สืบทอดตำแหน่ง
ใน ค.ศ. 1998 คิม จ็อง-นัมได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเกาหลีเหนือ ในฐานะผู้นำในอนาคต[11] ยังมีรายงานว่าเขาได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการคอมพิวเตอร์เกาหลีเหนือ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2001 เขาเดินทางไปเซี่ยงไฮ้พร้อมกับบิดาโดยได้หารือกับเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไอที[11]
ค.ศ. 2001–2005: โตเกียวดิสนีย์แลนด์และการเสียความโปรดปราน
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 คิม จ็อง-นัมถูกจับกุมที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ โดยมีผู้หญิงสองคนและเด็กชายวัยสี่ขวบที่ระบุว่าเป็นบุตรชายของเขาเดินทางมาด้วย เขาใช้หนังสือเดินทางปลอมของสาธารณรัฐโดมินิกันและใช้นามแฝงภาษาจีนว่าพั่ง สฺยง (胖熊)[12][13] หลังถูกควบคุมตัว เขาก็ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน[14] ซึ่งเขาให้การว่าเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อเยี่ยมชมโตเกียวดิสนีย์แลนด์[11] อุบัติการณ์นี้ทำให้บิดาต้องยกเลิกกำหนดการเยือนจีนด้วยความอับอายที่เกิดขึ้น[11]
กระทั่งเกิดอุบัติการณ์โตเกียว คิม จ็อง-นัมถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้นำประเทศต่อจากบิดา ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 กองทัพประชาชนเกาหลีเริ่มการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อภายใต้คำขวัญ "มารดาที่เคารพคือผู้ซื่อสัตย์และภักดีที่สุดต่อท่านผู้นำที่รัก สหายผู้บัญชาการทหารสูงสุด" สิ่งนี้ถูกตีความว่าเป็นการยกย่องโค ยง-ฮี และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมคิม จ็อง-ช็อล หรือคิม จ็อง-อึน บุตรชายของเธอ[12][15]
เนื่องจากความจงรักภักดีของกองทัพเป็นรากฐานของการยึดอำนาจของตระกูลคิมในเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จึงเป็นผลเสียอย่างร้ายแรงต่อโอกาสของคิม จ็อง-นัม[12][16] ในช่วงปลาย ค.ศ. 2003 มีรายงานว่าคิม จ็อง-นัมอาศัยอยู่ในมาเก๊า ซึ่งตอกย้ำความเชื่อนี้[12][17]
คิม จ็อง-อึนได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศขณะบิดาไปเยือนประเทศจีน[16] ผู้สังเกตการณ์ภายนอกยังเชื่อว่าการจมเรือของเกาหลีใต้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของคิม จ็อง-อิลที่จะให้คิม จ็อง-อึนสืบทอดอำนาจ โดยการสร้างวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคงที่เขาสามารถใช้เพื่อรวบรวมการสนับสนุนจากกองทัพให้แก่คิม จ็อง-อึน[16]
การเสียความโปรดปรานของคิม จ็อง-นัมเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากอุบัติการณ์โตเกียว[12] อย่างไรก็ตาม คิม จ็อง-นัมเองอ้างว่าเขาหมดความโปรดปรานเนื่องจากการสนับสนุนการปฏิรูป[18] ในอีเมลที่ส่งถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โตเกียวชิมบุน คิม จ็อง-นัมเขียนว่าหลังได้รับการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์ เขา "ยืนกรานจะปฏิรูปและเปิดตลาด" ทำให้บิดาของเขาตัดสินใจว่าเขา "กลายเป็นนายทุน"[18] ในช่วงเวลานี้ คิม จ็อง-นัมยังถูกกล่าวขานว่าเป็น "ชาวเกาหลีเหนือที่ใกล้เคียงที่สุดกับการเป็นหนุ่มเจ้าสำราญระดับนานาชาติมาก"[19] และมีรับชื่อเสียงในเรื่อง "การพนัน การดื่ม และการจัดหาข้อตกลงทางธุรกิจเป็นครั้งคราว"[20] เขาเคยเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของตระกูลคิมที่เคยพูดคุยโดยตรงกับสื่อภายนอกเกาหลีเหนือ[19] กระทั่งคิม จ็อง-อึนตอบคำถามจากนักข่าวต่างชาติระหว่างการประชุมสุดยอดเกาหลีเหนือ-สหรัฐที่ฮานอย ค.ศ. 2019[21][22]
เชื่อกันว่าคิม จ็อง-นัมมีความสัมพันธ์อันดีกับจีน นักวิเคราะห์ภายนอกมองว่าเขาเป็นผู้สมัครที่เป็นไปได้ที่จะมาแทนที่คิม จ็อง-อึนหากผู้นำเกาหลีเหนือล่มสลายและจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรดั้งเดิม ต้องการหาผู้นำคนใหม่[12][23]
ค.ศ. 2005–2017: คิม จ็อง-อึนขึ้นสู่อำนาจ
อาซาฮิชิมบุน รายงานว่าคิม จ็อง-นัม ขณะเดินทางไปหาคิม จ็อง-ช็อล น้องชายในมิวนิก รอดชีวิตจากการลอบสังหารที่ท่าอากาศยานนานาชาติบูดาเปสต์ เฟริเฮกี ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 รายงานของเกาหลีใต้ระบุว่ารัฐบาลฮังการีประท้วงเหตุการณ์ดังกล่าวต่อสถานทูตเกาหลีเหนือในเวียนนา โดยขอไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก[24][25] เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 ว่าคิม จ็อง-นัมได้ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนกับครอบครัวที่มาเก๊ามาประมาณสามปีแล้ว
สถานีโทรทัศน์ของเกาหลีใต้และ เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานใน ค.ศ. 2007 ว่าคิม จ็อง-นัมมีหนังสือเดินทางโปรตุเกส อย่างไรก็ตาม ทางการโปรตุเกสและเปโดร มอยตินโญ เด อัลไมดา กงสุลโปรตุเกสประจำมาเก๊า ระบุว่าหากคิมมีเอกสารดังกล่าวจริง ก็จะเป็นเอกสารปลอม[26]
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 คิม จ็อง-นัมกล่าวว่าตน "ไม่สนใจ" จะขึ้นสู่อำนาจในเกาหลีเหนือต่อจากบิดา โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นเพียงการตัดสินใจของบิดาเขาเท่านั้น[27]
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 คิม จ็อง-นัมให้สัมภาษณ์สั้น ๆ กับแอสโซซิเอเต็ดเพรสในมาเก๊าขณะกำลังรอลิฟต์โรงแรม[28] เขากล่าวว่าเขา "ไม่มีแผน" จะแปรพักตร์ไปยุโรป ตามที่สื่อได้ลือกันเมื่อไม่นานมานี้[28] เขาเคยอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ทางตอนใต้สุดของเกาะโคโลอานของมาเก๊าจนถึง ค.ศ. 2007[29] เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ที่ไม่เปิดเผยชื่อรายงานในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 ว่าคิม จ็อง-นัมไม่ได้อาศัยอยู่ในมาเก๊ามา "หลายเดือน" แล้ว และเดินทางไปมาระหว่างจีนกับ "อีกประเทศหนึ่ง"[29]
ในปลายเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 คิม จ็อง-อึน น้องชายต่างมารดาของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง[30][31] คิม จ็อง-อึนได้รับการประกาศให้เป็น ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2011 หลังอสัญกรรมของคิม จ็อง-อิล พี่น้องต่างมารดาทั้งสองไม่เคยพบกันเลยเนื่องจากธรรมเนียมโบราณในการเลี้ยงดูผู้สืบทอดตำแหน่งแยกจากกัน[32][33]
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012 มีรายงานว่าคิม จ็อง-นัมบินกลับไปยังเปียงยางอย่างลับ ๆ จากมาเก๊าในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2011 หลังทราบข่าวอสัญกรรมของบิดาในวันนั้นและคาดว่าเขาได้ร่วมไว้อาลัยบิดาเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับคิม จ็อง-อึน เขาเดินทางกลับมาเก๊าในอีกไม่กี่วันต่อมาและไม่ได้เข้าร่วมพิธีศพเพื่อเลี่ยงการคาดเดาเกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจ[34]
วันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2012 คิม จ็อง-นัมถูกพบเห็นในปักกิ่งกำลังรอเที่ยวบินของแอร์ไชนาไปมาเก๊า เขายืนยันตัวตนของเขากับกลุ่มชาวเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอินช็อนและบอกพวกเขาว่าเขามักเดินทางคนเดียว[35]
ในหนังสือที่ออกวางจำหน่ายใน ค.ศ. 2012 ชื่อ My Father, Kim Jong Il, and Me (พ่อของผม, คิม จ็อง-อิล กับผม) โดยโกมิ โยจิ นักข่าวชาวญี่ปุ่นผู้ซึ่งเคยสัมภาษณ์เขาหลายครั้ง คิม จ็อง-นัมกล่าวว่าเขาคาดการณ์ว่าการนำของคิม จ็อง-อึนจะล้มเหลว โดยให้เหตุผลว่าเขายังอ่อนประสบการณ์และอายุน้อยเกินไป เขายังระบุด้วยว่า "หากไม่มีการปฏิรูป เกาหลีเหนือจะล่มสลาย และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น ระบอบก็จะล่มสลายลงเช่นกัน"[36]
ตามแหล่งข่าวกรองของเกาหลีใต้ คิม จ็อง-อึนได้ออกคำสั่งถาวรให้สังหารพี่ชายต่างมารดาของเขา[12] ใน ค.ศ. 2012 มีความพยายามลอบสังหารคิม จ็อง-นัมอีกครั้ง ซึ่งต่อมาในปีนั้นเขาส่งจดหมายถึงน้องชายต่างมารดาเพื่อขอชีวิต[12] ปลาย ค.ศ. 2012 เขาปรากฏตัวในสิงคโปร์หนึ่งปีหลังออกจากมาเก๊า[37] เขาออกจากมาเก๊าเนื่องจากสงสัยว่าตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารโดยคิม จ็อง-อึน ทางการเกาหลีใต้เคยตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือชื่อคิม ยง-ซู ผู้ซึ่งสารภาพว่าวางแผนโจมตีคิม จ็อง-นัมในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010[38]
วันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2019 วอลล์สตรีทเจอร์นัล อ้างคำกล่าวของอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐ ระบุว่าคิม จ็อง-นัมเป็นแหล่งข่าวของซีไอเอ หนังสือของแอนนา ฟิฟีลด์ หัวหน้าสำนักงาน วอชิงตันโพสต์ ในปักกิ่ง เคยรายงานเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าเขาเคยถูกบันทึกภาพในต่างประเทศกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐและมีเป้สะพายหลังที่บรรจุเงินสด 120,000 ดอลลาร์[5][6]
Remove ads
การลอบสังหาร
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 คิม จ็อง-นัม เสียชีวิตหลังได้รับสารทำลายประสาทวีเอ็กซ์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย[39] เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเขาถูกสังหารตามคำสั่งของคิม จ็อง-อึน น้องชายต่างมารดาของเขา[40][41][42] ผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีเหนือสี่คนเดินทางออกจากท่าอากาศยานไม่นานหลังการโจมตี และเดินทางกลับไปยังเปียงยาง[43][44]
ซิตี ไอซะฮ์ หญิงชาวอินโดนีเซีย และดว่าน ถิ เฮือง หญิงชาวเวียดนาม ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมแต่พวกเธอกล่าวว่าคิดว่ากำลังเข้าร่วมการแกล้งทางโทรทัศน์[45] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ซิตี ไอซะห์ได้รับการปล่อยตัวหลังข้อหาที่ถูกตั้งขึ้นถูกยกเลิก[46] ในเดือนเมษายน ข้อหาฆาตกรรมต่อเฮืองก็ถูกยกเลิกเช่นกัน และเธอยอมรับสารภาพในข้อหาที่เบากว่าคือ "การทำร้ายร่างกายโดยสมัครใจด้วยอาวุธหรือวิธีการอันตราย"[47] เธอถูกตัดสินจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ได้รับการลดโทษหนึ่งในสาม และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2019[48][49]
Remove ads
ชีวิตส่วนตัว
สรุป
มุมมอง
มีรายงานว่าคิม จ็อง-นัมมีภรรยา 2 คน และมีภรรยาน้อย 1 คน[29] และมีบุตรอย่างน้อย 6 คน[50] ภรรยาคนแรกของเขาคือชิน จ็อง-ฮี (เกิด ป. 1980) อาศัยอยู่ที่บ้านที่ชื่อว่าดรากอนวิลลา (Dragon Villa) ทางตอนเหนือของปักกิ่ง[29] ภรรยาคนที่สองของเขาคืออี ฮเย-คย็อง (เกิด ป. 1970) พร้อมกับบุตรชายของพวกเขาคือฮัน-ซ็อล (เกิด 1995) และบุตรีซ็อล-ฮี (เกิด ป. 1998) อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์สูง 12 ชั้นที่ไม่หรูหรานักในมาเก๊า[29] ส่วนภรรยาน้อยของเขา เป็นอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของแอร์โครยอชื่อซอ ย็อง-รา (เกิด ป. 1980) ก็อาศัยอยู่ในมาเก๊าเช่นกัน[29] เขามีรอยสักหลายแห่ง รวมถึงรอยสักมังกรสองตัว[51]
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเหตุ:
|
Remove ads
ดูเพิ่ม
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือ
- เค้าโครงของเกาหลีเหนือ
- การเมืองเกาหลีเหนือ
หมายเหตุ
- ชื่อ จ็อง-นัม / จ็อง นัม ออกเสียงว่า [tsʌŋ.nam] แบบแยกเสียง
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads