คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ฉลอง ภักดีวิจิตร
ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
บุญฉลอง ภักดีวิจิตร (18 มีนาคม พ.ศ. 2474 – 13 กันยายน พ.ศ. 2567) รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ฉลอง ภักดีวิจิตร เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับละครโทรทัศน์ชาวไทย มีฉายาที่วงการภาพยนตร์ขนานนามให้คือ “เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่น“ มีผลงานกำกับภาพยนตร์ไทยอย่าง เรื่อง “ทอง” และ “ทอง 2” ฉลองได้นำเอา “ดาราฝรั่ง-ต่างชาติ” มาร่วมงาน เช่น เกรก มอริส-คริส ท็อฟ (ชายงาม ออสเตรีย)-แจน ไมเคิล วินเซนต์-คริสโตเฟอร์ มิทชั่ม-โอลิเวียร์ ฮัสซีย์ และ นางเอกหนังเวียดนาม เถิม ทวี้ หั่ง
ทางด้านงานละคร ฉลองเป็นผู้บุกเบิก ละครแนวแอ็คชั่นของทางช่อง 7 สี คือ “ระย้า” นำแสดงโดยพีท ทองเจือ และฉัตรมงคล บำเพ็ญ ทั้งยังมีผลงานกำกับละคร อย่าง ดาวคนละดวง, รักซึมลึก, อังกอร์, ทอง 5, ล่าสุดขอบฟ้า, ฝนใต้, มาทาดอร์, อังกอร์ 2, เหล็กไหล, ฝนเหนือ, ชุมแพ, ทอง 9, ผ่าโลกบันเทิง, เสาร์ 5, นักฆ่าขนตางอน, อุบัติรักเกาะสวรรค์, เสาร์ 5 ตอน ทับทิมสยาม, พ่อตาปืนโต, ดุจตะวันดั่งภูผา, เลือดเจ้าพระยา, แข่งรักนักซิ่ง, หวานใจนายจิตระเบิด, ทอง 10, ทิวลิปทอง, พ่อตาปืนโต ตอน หลานข้าใครอย่าแตะ
ฉลอง ภักดีวิจิตรได้รับการยกย่องให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2556 และเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ฉลอง ภักดีวิจิตรได้ถูกบันทึกลงใน บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ว่าเป็นผู้กำกับการแสดงที่มีอายุมากที่สุดในโลก (Oldest TV Director) (อายุวันที่จดสถิติ 1 กันยายน 2565 คือ 90 ปี 297 วัน)[2]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ครอบครัวและชีวิตช่วงแรก
ฉลอง ภักดีวิจิตร เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2474 เป็นบุตรคนที่สี่จากทั้งหมดห้าคนของรองอำมาตย์โทพุฒ ภักดีวิจิตร ซึ่งรับราชการในกองแบบแผน กรมรถไฟหลวง กับมารดาชื่อลิ้นจี่[3]เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม พี่น้องทุกคนล้วนอยู่ในวงการสร้างภาพยนตร์ทุกคน ได้แก่ วิจารณ์ ภักดีวิจิตร, เขียวหวาน ภักดีวิจิตร และวินิจ ภักดีวิจิตร นอกจากนี้ยังมีน้องชายของพุฒ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเขา คือ สด ภักดีวิจิตร (สดศรี บูรพารมย์) ก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ [4] ส่วนพี่ชายอีกคน บุญศรี ภักดีวิจิตร ทำงานการรถไฟแห่งประเทศไทย อดีต วิศวกรกำกับการแผนกปรับประแจและเครื่องมือ กองโรงงานบำรุงทาง ฝ่ายการช่างโยธา
ฉลองเริ่มเห็นการทำงานด้านภาพยนตร์ของครอบครัวตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามจนถึง ม.6 จากนั้น สำเร็จการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนอำนวยศิลป์[5]
การทำงานช่วงแรก
ฉลอง ภักดีวิจิตรเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการเป็นตากล้องมาก่อน โดยทำหน้าที่เป็นตากล้องถ่ายทำภาพยนตร์ตั้งแต่ยุค 16 ม.ม. จนถึง 35 ม.ม. ให้กับผู้สร้างภาพยนตร์หลายราย เช่น วัชรภาพยนตร์ ภาพยนตร์สหะนาวีไทย ธาดาภาพยนตร์ นพรัตน์ภาพยนตร นันทนาครภาพยนตร์ บูรพาศิลปะภาพยนตร์ รามาภาพยนตร์ ลดาพรรณภาพยนตร์ พิษณุภาพยนตร์ เป็นต้น ภาพยนตร์เรื่องแรก คือเรื่อง แสนแสบ ในปี พ.ศ. 2493 [6] และยังได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 2 ตัว สาขารางวัลผู้ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ประจำปี 2507 จากเรื่อง ผู้พิชิตมัจจุราช ของ วัชรภาพยนตร์ นำแสดงโดย อดุลย์ ดุลยรัตน์ - อาคม มกรานนท์ – วิไลวรรณ วัฒนพานิช และในปี 2510 จากเรื่อง ละอองดาว ของภาพยนตร์สหะนาวีไทย นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี – พิศมัย วิไลศักดิ์ - อดุลย์ ดุลยรัตน์
ฉลองได้เป็นตากล้องถ่ายภาพหลายปี มีผลงานภาพยนตร์อย่างเช่น สิงห์เดี่ยว (2505) 7 ประจัญบาน (2506) เขี้ยวพิษ (2506) เก้ามหากาฬ (2507) จ้าวพยัคฆ์ (2507) อินทรีมหากาฬ (2508) มงกุฎเพชร (2508) เทพบุตรนักเลง (2508) น้ำเพชร (2508) นกขมิ้น (2508) หยกแก้ว (2508) เสือเหลือง (2509) ลมหนาว (2509) นกแก้ว (2509 สายเปล (2510) จ้าวอินทรี (2511) แท็กซี่ (2511) แมวไทย (2511) สมิงเจ้าท่า (2512) รักยม (2512) ขัง 8 (2517) ไอ้เพชร (2519) เสาร์ 5 (2519) จำเลยรัก (2521) เสือเผ่น (2524) รักพลิกล็อก (2529) แด่เพื่อนพ้องและตัวกูเอง (2532) สงคราเพลงแผน 2 (2533) เป็นต้น หลังจากนั้นฉลองได้เป็นผู้อำนวยการสร้างและถ่ายภาพให้ ภาพยนตร์ 16 ม.ม. เรื่อง น้ำเพชร นำแสดงโดย มิตร – เพชรา สร้างขึ้นในนามบางกอกการภาพยนตร์ มี ส.อาสนจินดา สร้างบทภาพยนตร์และกำกับการแสดง ออกฉายเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2508
กำกับภาพยนตร์และความสำเร็จ
ส่วนภาพยนตร์ที่ฉลอง ภักดีวิจิตร แสดงฝีมือ กำกับการแสดงเป็นเรื่องแรกก็คือ ภาพยนตร์ 16 ม.ม. เรื่อง จ้าวอินทรี นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา – พิสมัย วิไลศักดิ์ สร้างโดย รามาภาพยนตร์ของ สุมน ภักดีวิจิตร โดยใช้นามว่า ดรรชนี ในการกำกับการแสดง ออกฉายเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2511 ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สร้าง-ถ่ายภาพ และกำกับเอง จากนั้น ฉลองมีงานกำกับภาพยนตร์ 16 ม.ม.ให้กับ บูรพาศิลปะภาพยนตร์อีก 2 เรื่อง คือเรื่อง ลูกปลา นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา – เพชรา เชาวราษฏร์ และเรื่อง สอยดาวสาวเดือน นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา – เพชรา เชาวราษฏร์- โสภา สถาพร (เรื่องร่วมกันสร้างกับบางกอกการภาพยนตร์) จากนั้นเขาเริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง ฝนใต้ ที่ฉลองสร้างและกำกับการแสดงออกฉายในปี 2513 เป็นภาพยนตร์ เป็นบทประพันธ์ของเทอด ธรณินทร์ เขียนบทภาพยนตร์โดย ส.อาสนจินดา นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี – เพชรา เชาวราษฏร์ พร้อมด้วยนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เพลิน พรหมแดน, กังวานไพร ลูกเพชร, นวลละออง รุ้งเพชร ร่วมแสดง และยังต่อด้วยภาพยนตร์เรื่อง ฝนเหนือ
กระแสภาพยนตร์เพลงในช่วงนั้นแรงมาก จนฉลองต้องสร้าง ระเริงชล ออกมาฉายอีกในปี 2515 นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี - เพชรา เชาวราษฏร์ นักร้องลูกทุ่งก็มี เพลิน พรหมแดน สังข์ทอง สีใส ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 3 ล้านบาท หลังจากนั้นฉลองทำภาพยนตร์สู่ตลาดนอก โดยเริ่มจากเรื่อง 2 สิงห์ 2 แผ่นดิน (The Brothers) ที่ออกฉายในปี 2515 ซึ่งฉลองร่วมมือกับ ฉั่นทงหมั่น อดีตหัวหน้าฝ่ายโฆษณาของชอร์แห่งฮ่องกง ดารานำฝ่ายไทยมี สมบัติ เมทะนี แสดงร่วมกับนางเอกใหม่ลูกครึ่งไทย เยอรมันที่เพิ่งแสดงเป็นเรื่องแรก อโนมา ผลารักษ์ ส่วนดาราฮ่องกงก็มีเกาหย่วน พระเอกเงินล้านของชอร์และ หยีห้วย อดีตนางงามไซโก้ พร้อมด้วยดาวร้ายอย่าง เฉินซิง และ เถียนฟง มาร่วมแสดง [7] ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายทั่วเอเชีย โดยฝ่ายฮ่องกงจะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะชำนาญกว่า นอกจากนี้จะส่งไปฉายที่นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก, ชิคาโก และลอสแอนเจลิส ด้วย
ภาพยนตร์ที่ถือว่าสู่ตลาดต่างประเทศได้ประสบความสำเร็จคือเรื่อง ทอง (GOLD หรือ S.T.A.B.) นำแสดงโดย เกร็ก มอร์ริส (Greg Morris) พระเอกผิวสีของอเมริกา โด่งดังมาจากภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง ขบวนการพยัคฆ์ร้าย (Mission Impossible) โดยการติดต่อของ ดร.ดำริ โรจนเสถียร ฝ่ายจัดการต่างประเทศ และยังมีนางเอกชาวเวียดนามคือ เถิ่ม ถุย หั่ง ส่วนดาราไทยคือ สมบัติ เมทะนี, กรุง ศรีวิไล, อโนมา ผลารักษ์, ดามพ์ ดัสกร, ดลนภา โสภี, กฤษณะ อำนวยพร เป็นต้น [8] ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้งบกว่า 10 ล้านบาท สามารถทำรายได้ทั้งในประเทศ ฉลองขายให้ฮ่องกงและไต้หวัน และโดยเฉพาะที่อเมริกา ขายให้หนึ่งล้านเหรียญ (20 ล้านบาท) นอกจากนี้ ในการประกาศ รางวัลตุ๊กตาทองประจำปี 2517 โดยสมาคมหอการค้าไทย ทองก็ได้รับ รางวัล 3 ตุ๊กตาทอง คือ รางวัลยอดเยี่ยมลำดับภาพและตัดต่อ รางวัลยอดเยี่ยมถ่ายภาพ และรางวัลยอดเยี่ยมบันทึกเสียง[9]
ภาพยนตร์เรื่อง ตัดเหลี่ยมเพชร (H-Bomb) ในปี พ.ศ. 2518 นำดาราฮอลลีวู๊ดคู่พระนางจากเรื่อง นักฆ่าเพลินสวาท (The Summertime Killer) นั่นคือ โอลิเวีย ฮัสซีย์ ที่โด่งดังจากจากภาพยนตร์เรื่อง โรมิโอกับจูเลียต และคริสโตเฟอร์ มิทซัม (บุตรชายของ โรเบิร์ต มิทซัม) มาแสดงคู่กับ กรุง ศรีวิไล และภาวนา ชนะจิต [10] ร่วมแสดงโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์, มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, กฤษณะ อำนวยพร, เกชา เปลี่ยนวิถี
การทํางานช่วงบั้นปลายชีวิต
ทางด้านงานละคร ฉลองเป็นผู้บุกเบิกละครแนวแอ็คชั่นของทางช่อง 7 สี ในนามบริษัท บางกอก ออดิโอ วิชั่น จำกัด คือ "ระย้า" และ “อังกอร์ 1” ซึ่งนำแสดงโดย พีท ทองเจือ กับ เอ็มม่า-วรรัตน์ สุวรรณรัตน์ และยังมีผลงานกำกับละครอีกมากมาย อาทิ ล่าสุดขอบฟ้า เหล็กไหล ชุมแพ ทอง 9 เสาร์ 5 นักฆ่าขนตางอน ฯลฯ[11]
ในปี 2551 ฉลองได้รับรางวัลเกียรติยศ ปูชนียบุคคลแห่งวงการบันเทิง จากสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2007[12] ปี 2554 ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ จากงานประกาศผลรางวัลสตั๊นท์แมนยอดเยี่ยมครั้งที่1 [13] และปี 2555 ได้รับรางวัลรางวัลมณีเมขลาเกียรติยศ บุคคลดีเด่นผู้ทรงคุณค่าในวงการโทรทัศน์ จากงานรางวัลเมขลา ครั้งที่ 24[14] ประจำปี 2554
ในปี พ.ศ. 2556 ฉลองได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้สร้าง-ผู้กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ประจำปี พ.ศ. 2556
ในปี พ.ศ. 2559 ฉลองได้ตั้งบริษัทใหม่คู่กับภรรยาเป็นบริษัท อีนทรีย์ ออดิโอ วิชั่น จำกัด
ในปี พ.ศ. 2561 ฉลองได้เริ่มต้นชีวิตใหม่คู่กับภรรยามาอยู่บ้านหลังใหม่มาเปลี่ยนบริษัทใหม่เป็นบริษัท โกลด์ ซี พี จี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ฉลอง ภักดีวิจิตร ได้ถูกบันทึกชื่อลงในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ว่าเป็นผู้กำกับการแสดงที่มีอายุมากที่สุดในโลก (Oldest TV Director; อายุวันที่จดสถิติเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2565 คือ 90 ปี 297 วัน)[15]
ฉลอง ภักดีวิจิตรกำกับละครเป็นเรื่องสุดท้ายเรื่อง 'แคน 2 แผ่นดิน' ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2565 ฉลองได้เคยให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งไปร่วมงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยม ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 30 ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ว่าตั้งใจอยากจะสร้างและกำกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของชีวิต คือเรื่อง 'อังกอร์เดอะมูฟวี่'[16] แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยกเลิกความตั้งใจเพราะป่วยติดเชื้อในปอด
เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ 2566 ฉลอง ภักดีวิจิตรได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอาการป่วยเป็นโรคปอดติดเชื้อจนอาการดีขึ้น [17] เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพต่อเนื่องจากอาการป่วยติดเชื้อในปอด ฉลองจึงตัดสินใจวางมืองานกำกับการแสดง แต่ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างและควบคุมการผลิตอยู่เบื้องหลัง โดยมีผลงานชิ้นสุดท้ายคือเรื่อง'มรกตสีรุ้ง'ออกอากาศทางช่อง 7HD[18]
การเสียชีวิต
ฉลอง ภักดีวิจิตร ถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยภาวะปอดติดเชื้อและภาวะน้ำท่วมปอด สิริอายุ 93 ปี โดยจะมีการประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[19][20]
Remove ads
ชีวิตส่วนตัว
ฉลอง ภักดีวิจิตร สมรสกับภรรยาคนแรกชื่อนางชุลี เมรุดิษฐ์ มีบุตรด้วยกันสี่คนคือ วรินทร ภักดีวิจิตร (ติ๊ก) สุธิพงษ์ ภักดีวิจิตร (ต้อ) ภาวิณี ภักดีวิจิตร (ติ๋ม) และ ฐิติรัตน์ ภักดีวิจิตร (ตั้ง) ต่อมาได้สมรสกับสุมน ภักดีวิจิตรเมื่อปี พ.ศ. 2509 มีบุตรด้วยกันสามคนคือ กัญจน์ ภักดีวิจิตร (กอล์ฟ) บุญจิรา ภักดีวิจิตร ตรีริยะ (แก้ว) และ เฉิด ภักดีวิจิตร (กู๊ด)[21] แต่ภายหลังสุมนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557[22] และปลายปีหลังจากที่ภรรยาเสียชีวิตนั้น ฉลองได้สมรสใหม่กับ พิมพ์สุภัค อินทรี วัย 38 ปี โดยเข้าพิธีแต่งงานที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม[23] หลังจากที่ทั้งสองคบหากันตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน[24]
Remove ads
ผลงานกำกับภาพยนตร์
- จ้าวอินทรี (2511) (กำกับโดยใช้ชื่อ 'ดรรชนี')
- ลูกปลา (2512)
- สอยดาวสาวเดือน (2512)
- ระเริงชล (2515)
- 2 สิงห์ 2 แผ่นดิน (2515)
- ทอง (2516)
- ตัดเหลี่ยมเพชร (2518)
- ไอ้เพชร (2519)
- ตามฆ่า 20000 ไมล์ (2520)
- ถล่มมาเฟีย (2520)
- ขยี้มือปืน (2520)
- ใต้ฟ้าสีคราม (2521)
- รักข้ามโลก (2521)
- ไอ้หนุ่มตังเก (2522)
- คนละเกมส์ (2522)
- ผ่าปืน (2523)
- ทอง 2 (2525)
- ล่าข้ามโลก (2526)
- สงครามเพลง (2526)
- ผ่าโลกบันเทิง (2527)
- ซากุระ (2527)
- ปล้นลอยฟ้า (2528)
- เปิดโลกมหาสนุก (2528)
- ยิ้ม (2529)
- ร้อยป่า (2529)
- เพชรเสี้ยนทอง (2530)
- ทอง 3 (2531)
- ทอง 4 (2533)
- ผ่าปืน 91 (2534)
- มังกรเจ้าพระยา (2537)
- สุดขีดมังกรเจ้าพระยา 2 (2539)
- ทอง 7 (2547)
บทภาพยนตร์
- ผ่าโลกบันเทิง (2527)
อำนวยการผลิต
- ใต้ฟ้าสีคราม (2521)
ถ่ายภาพ
- สวรรค์วันเพ็ญ (2512)
- สมิงจ้าวท่า (2512)
- รักยม (2512)
- รักเธอเสมอ (2513)
- ขัง 8 (2517)
- ไอ้เพชร (2519)
- เสาร์ 5 (2519)
- จำเลยรัก (2521)
- เสือเผ่น(2521)
- รักพลิกล็อก (2529)
- แด่เพื่อนพ้องและตัวกู่เอง (2532)
- สงครามเพลงแผน 2 (2533)
อุปการะ
- นักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ (2527)
- ผ่าโลกโลกันต์ (2527)
- นายฮ้อยทมิฬ (2544)
- นางแมวป่า (2544)
- ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว (2544)
- พลอยล้อมเพชร (2546)
- 7พระกาฬ (2547)
- เหมราช (2548)
- สายรักสาระวิน (2549)
- คมแฝก (2551)
แสดงละคร
- รักของฟ้า (2544)
- ฟ้าใหม่ (2547) รับบท อะแซหวุ่นกี้ (รับเชิญ)
- เสาร์ 5 (2552) รับบท พ.อ. จามร จุฑาเทพ (รับเชิญกิตติมศักดิ์)
ผู้จัดและผู้กำกับ
- บริษัท บางกอก ออดิโอ วิชั่น จำกัด และ บริษัท อาหลองจูเนียร์ จำกัด
- บริษัท อินทรีย์ ออดิโอ วิชั่น จำกัด
- บริษัท โกลด์ ซี พี จี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
Remove ads
บทละคร
- สงครามเพลง (2560)
อำนวยการผลิต
- ระย้า (2541)
- รักซึมลึก (2543)
- แข่งรักนักซิ่ง (2557)
- มังกรเจ้าพระยา (2563)
- สมบัติมหาเฮง (2563)
- ปล้นลอยฟ้า (2564)
- หุบพญาเสือ (2565)
ควบคุมการผลิต
- ฝนเหนือ (2550)
- ผ่าโลกบันเทิง (2551)
- อุบัติรักเกาะสวรรค์ (2554)
- ดุจตะวันดั่งภูผา (2555)
- หวานใจนายจิตระเบิล (2558)
- แคน 2 แผ่นดิน (2566)
- มรกตสีรุ้ง (2567)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2558 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[25]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads