คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู (อังกฤษ: Kota Kinabalu International Airport, KKIA) (IATA: BKI, ICAO: WBKK) เป็นสนามบินตั้งอยู่ในรัฐซาบะฮ์ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโกตากีนาบาลู ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 8 km (5.0 mi) เป็นท่าอากาศยานที่หนาแน่นเป็นอันดับที่สองของประเทศมาเลเซีย รองจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เนื่องจากมีผู้โดยสารมาใช้บริการถึง 6.9 ล้านคนต่อปี
อาคารผู้โดยสาร 1 มีเคาน์เตอร์เช็ค-อิน 64 ที่ ให้บริการสายการบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ มีหลุมจอดเครื่องบิน 17 หลุม อาคารผู้โดยสารนี้รับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 3,200 คน ส่วนอาคารผู้โดยสาร 2 หรืออาคารหลังใหม่ รับเครื่องบินได้ 12 ลำ
โถงผู้โดยสารขาออก มียอดเสาเป็นลายแบบ "วากิด" ซึ่งในทางวัฒนธรรมของซาบะฮ์แล้ว วากิดเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรื่นเริงและสนุกสนาน โถงมีพื้นที่ใช้สอยในชั้นที่หนึ่ง 24,128 ตารางเมตร ชั้นที่สอง 18,511.4 ตารางเมตร และชั้นที่สาม 22,339 ตารางเมตร
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู ถูกใช้งานครั้งแรกในฐานะสนามบินขนาดเล็ก ก่อสร้างโดยกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง[3] เปิดใช้งานในชื่อ สนามบินเจตเซลตัน ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเมืองโกตากีนาบาลู ก่อนสิ้นสุดสงคราม สนามบินได้ถูกทำลายโดยกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ในปี ค.ศ. 1945.[4]
หลังจากสิ้นสุดสงคราม แผนกการบินพลเรือน (DCA) ของเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ (รัฐซาบะฮ์ในปัจจุบัน) ได้ทำการก่อสร้างอาคารสนามบินใหม่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1957 พร้อมกับเปลี่ยนผิวทางวิ่งจากหญ้าให้กลายเป็นวัสดุคงทน[3] ต่อมาในปี ค.ศ. 1959 ได้มีการขยายทางวิ่งให้ยาวถึง 1,593 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินวิคเกอร์ วิสเคาต์ ของสายการบินมลายาแอร์เวย์ (ปัจจุบันสายการบินนี้ปิดทำการไปแล้ว) และได้ขยายทางวิ่งเพิ่มอีกครั้งในปี ค.ศ. 1963 โดยยาวถึง 1,921 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินไอพ่น คอเม็ท 4 ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ได้เปิดให้บริการเครื่องบิน คอนแวร์ 880 จำนวน 2 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในเส้นทางฮ่องกง–มะนิลา–โกตากีนาบาลู (ปัจจุบันสายการบินนี้ ได้ยกเลิกจุดหมายปลายทางนี้แล้ว)[5] ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการ และจำนวนเที่ยวบินที่ลงจอด ยังคงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในปี ค.ศ. 1969 ได้มีการวางแผนพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู ในช่วงปี ค.ศ. 1970–2000 แผนพัฒนามีดังนี้
- ขยายทางวิ่งให้ยาวถึง 2,987 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินโบอิง 707 และโบอิง 747
- สร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ และทางวิ่งสำหรับเตรียมตัวเพิ่มเติม
- ใช้อุปกรณ์อันทันสมัย และติดตั้งไฟสัญญาณที่ทางวิ่ง
ในปี ค.ศ. 1970–1989 มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ขึ้น เพื่อรองรับสายการบินส่วนใหญ่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1992 กรมการบินพลเรือน และการท่าอากาศยานมาเลเซีย ได้เข้ามาควบคุมท่าอากาศยานแห่งนี้[3]
Remove ads
การขยายและการปรับปรุง
สรุป
มุมมอง
ในช่วงกลางปี ค.ศ. 2005 รัฐบาลมาเลเซียอนุมัติโครงการปรับปรุงอาคารท่าอากาศยานหลัก (อาคารผู้โดยสาร 1) และการขยายทางวิ่ง ด้วยงบประมาณ 1.4 พันล้านริงกิต ได้ขยายทางวิ่งเพิ่มจาก 2,988 m (9,803 ft) ให้เป็น 3,780 m (12,402 ft) และขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสารจาก 34,000 m2 (370,000 sq ft) ให้เป็น 87,000 m2 (940,000 sq ft) เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบิน Boeing 747, Airbus A330, Boeing 737, Fokker 50 และ Dorniers ได้ อาคารมีสะพานเทียบเครื่องบิน 12 แห่ง[6][7] และได้มีการก่อสร้างหอควบคุมการบินแห่งใหม่ขึ้น ปัจจุบัน การก่อสร้างทางวิ่งเพิ่มเติม ยังล่าช้าอยู่มาก[8]
เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ ท่าอากาศยานจะสามารถรองรับเครื่องบินที่ใหญ่สุด ซึ่งก็คือ Airbus A380 ได้ และจะกลายเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในมาเลเซีย ซึ่งมีผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี โดยเป็นผู้โดยสารที่ใช้งานอาคารหนึ่ง 9 ล้านคน และอาคารสองอีก 3 ล้านคน[9]
ปัจจุบัน เครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถลงจอดที่สนามบินนี้ได้ คือ Boeing 777-200ER ให้บริการโดยสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์[10], มาเลเซียแอร์ไลน์[11][12] และดราก้อนแอร์ (เฉพาะฤดู)[13]
ท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู เป็นสนามบินแห่งแรกที่เครื่องบิน โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ ของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ลงจอด โดยลงจอดครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013[14]
Remove ads
อาคารผู้โดยสาร
สรุป
มุมมอง


อาคารผู้โดยสาร 1
อาคารผู้โดยสาร 1 เป็นอาคารหลักของสนามบินนี้ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและก่อสร้างส่วนต่อขยาย เมื่อเสร็จสมบูรณ์ จะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 9 ล้านคนต่อปี จากเดิม 2.5 ล้านคนต่อปี ภายในอาคารมีร้านคาปลอดภาษี, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว, ห้องรับรองสายการบิน และภัตตาคาร
ส่วนต่อขยายแรก เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2008 สำหรับสายการบินระหว่างประเทศ และส่วนต่อขยายที่ 2 เปิดทำการในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 สำหรับสายการบินภายในประเทศ เมื่อโครงการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ อาคารนี้จะประกอบไปด้วย
- เคาน์เตอร์เช็ค-อิน 64 ช่วง
- เครื่องตรวจร่างกาย 2 เครื่อง และเครื่องตรวจกระเป๋าอีก 5 เครื่อง
- ช่องตรวจคนเข้าเมือง 36 ช่อง
- สายพานกระเป๋า 6 สาย
- ชั้นทั้งหมด 3 ชั้น (ชั้นแรก: ขาเข้า, ชั้นที่สอง: ที่ทำการสนามบิน, ชั้นที่สาม: เคาน์เตอร์เช็ค-อิน และขาออก)
- สะพานเทียบเครื่องบิน 9 ตัว
- หลุมจอดเครื่องบิน 17 หลุม
- ที่จอดรถ 1,400 คัน
เที่ยวบินแรกที่ได้ใช้งานในอาคารส่วนต่อขยายใหม่ คือ มาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 2637 ออกจากสนามบินเวลา 6 นาฬิกา 50 นาที มุ่งหน้าท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ในขณะที่เที่ยวบินก่อนหน้าเมื่อเวลา 0 นาฬิกา 25 นาที ใช้งานในอาคารส่วนเก่า
มาเลเซียแอร์ไลน์ เป็นสายการบินหลักของท่าอากาศยานนานาชาติโกตากีนาบาลู[15]
อาคารผู้โดยสาร 2
อาคารผู้โดยสาร 2 สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานเป็นอาคารหลักแทนอาคารผู้โดยสาร 1 โดยตั้งอยู่ด้านข้างทางวิ่งจากอาคารผู้โดยสาร 1 อาคารนี้ใช้งานเป็นอาคารสายการบินราคาประหยัด โดยสายการบินที่เปิดใช้งาน คือ แอร์เอเชีย อาคารนี้ได้ปรับปรุงและเปิดใช้งานวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2007 พร้อมกับคำโฆษก ท่องเที่ยวมาเลเซีย 2007 ในอนาคต อาจย้ายสายการบินอื่นมาที่อาคารนี้[16]
อาคาร 2 มีเคาน์เตอร์เช็ค-อิน 26 ช่อง ทั้งภายในและระหว่างประเทศ มีหลุมจอด 6 หลุม เครื่องบินหลักได้แก่ โบอิง 737 และแอร์บัส เอ 320 มีเครื่องตรวจกระเป๋า 7 ตัว ช่องตรวจคนเข้าเมือง 13 ช่อง อาคารนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 3 ล้านคนต่อปี[9]




Remove ads
สายการบินที่ให้บริการ
Remove ads
จำนวนผู้โดยสาร
Remove ads
สายการบินที่เคยให้บริการ
เส้นทางการบิน
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
อุบัติเหตุและอุบัติการณ์
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads