คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร
สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร (อังกฤษ: Police Tero F.C.) เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย โดยปัจจุบันลงทำการแข่งขันอยู่ใน ไทยลีก 2 ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ในนาม โรงเรียนศาสนวิทยา และได้เปลี่ยนชื่อเป็นปัจจุบันในปี พ.ศ. 2561
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
Remove ads
ประวัติสโมสร
สรุป
มุมมอง
เริ่มต้น
สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโรเริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2535 โดย นายวรวีร์ มะกูดี ในชื่อ โรงเรียนศาสนวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียน ในเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และได้ส่งเข้าแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ง ซึ่งสโมสรทำผลงานได้ดี จนเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน ถ้วยพระราชทาน ค ในปี พ.ศ. 2536 และ ถ้วยพระราชทาน ข ในปี พ.ศ. 2537
ในปี พ.ศ. 2538 สโมสรฯ สร้างสีสรรในฟุตบอลไทย โดยหลังจากที่ได้เลื่อนชั้นมาเล่นใน ถ้วยพระราชทาน ก สโมสรฯ ได้ย้ายที่ตั้งสโมสรมาที่ จังหวัดสุราษฏร์ธานี[1] และ เริ่มมีนักฟุตบอลต่างประเทศมาเล่นในไทย เช่น อุสมัน ไนยี, จอร์จี้ คริสเตียน, และ ลอเรนโซ่ ยูจิน ลอเรนท์ โดยมีนักฟุตบอลชาวไทยที่เป็นตัวหลักในขณะนั้นอย่าง ดุสิต เฉลิมแสน, รุ่งเพชร เจริญวงศ์, ณรงค์ พรไพบูลย์ เป็นต้น
สิงห์-เทโรศาสน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
2539-40: ชุดแข่งในยุคแรกของสโมสรฯ ในระบบฟุตบอลลีก |
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2539 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดลีกฟุตบอลอาชีพขึ้นในนาม ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก ทางสโมสรฯ ได้รับเงินสนับสนุนจาก บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด โดยเบียร์สิงห์ และ บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น สิงห์-เทโรศาสน และได้มีการเปลื่ยนสีเสื้อมาเป็นสีเหลือง รวมไปถึงมีการจ้างผู้ฝึกสอนเป็นชาวต่างชาติ และใช้สนามเหย้าคือ สนามกีฬาสิรินธร ใน โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และเริ่มเสริมทีมด้วยนักฟุตบอลไทยที่มีชื่อเสียงเช่น วัชรพงษ์ สมจิตร และ ยังได้ วรวุฒิ ศรีมะฆะ, สะสม พบประเสริฐ และ สิงห์ โตทวี ของธนาคารกสิกรไทย ในเลกที่สองฤดูกาลนั้น [1] ซึ่งทำให้สโมสรฯ ได้รับสมญานามว่า ทีมเจ้าบุญทุ่มเมืองไทย แต่อย่างไรก็ดี สโมสรฯกลับทำผลงาน ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยจบฤดูกาล 2539-2540 ด้วยอันดับที่ 12 ของลีก
ก่อนมังกรไฟ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 บุญรอดบริวเวอรี่ยกเลิกการสนับสนุนทีม ทำให้สโมสรเปลื่ยนชื่อมาเป็น เทโรศาสน และได้เปลื่ยนแปลงผู้ฝึกสอนมาเป็น พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และได้นักฟุตบอลจาก องค์การโทรศัพท์ฯ อย่าง อนุรักษ์ ศรีเกิด, จตุพงษ์ ทองสุข, ทิวากร สุขสด เป็นต้น[1] ซึ่งสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 แต่ว่าได้สิทธิเป็นตัวแทนประเทศไทย ลงแข่งขันในเอเชียนคลับแชมเปียนชิพ และนักเตะของสโมสรอย่าง วรวุฒิ ศรีมะฆะ ยังเป็นดาวซัลโวของลีกอีกด้วยการยิงไป 17 ประตู
บีอีซี เทโรศาสน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 กลุ่มบีอีซี เวิลด์ ได้เข้าซื้อกิจการของ บจก.เทโร และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) จึงเปลี่ยนชื่อสโมสรใหม่อีกครั้งเป็น บีอีซี เทโรศาสน โดยสโมสรฯสามารถจบอันดับที่ 3 ใน ฤดูกาล 2541 แล้วยังได้สิทธิซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์คัพ ในฐานะสโมสรชนะเลิศ สิงห์ เอฟเอคัพ
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2542 สโมสรฯ ได้ เจสัน วิธ ลูกชายของ ปีเตอร์ วิธ ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ในขณะนั้นมาร่วมทีม และได้ อเดบาโย กาเดโบ กองหลังชาวไนจีเรีย ที่มีดีกรีระดับทีมชาติไนจีเรีย ระดับเยาวชน รุ่นเดียวกับ เอ็นวานโก้ คานู, เจย์ เจย์ โอโคชา มาร่วมทีม ซึ่งสโมสรจบฤดูกาลที่อันดับที่ 3 ของลีก แต่ผลงานในบอลถ้วย กลับไม่ดีนัก โดยในการแข่งขัน สิงห์ เอฟเอคัพ ก็ตกรอบแปดทีมสุดท้าย ส่วนผลงานในฟุตบอลเอเซีย อย่าง เอเอฟซีแชมเปียนส์คัพ ก็ทำผลงานได้ไม่สมบูรณ์เท่าไรโดยนัดแรกเอาชนะ ทรีสตาร์คลับ ของเนปาลไป 6-1 แต่นัดที่สองแพ้ให้กับ ต้าเลียน วันด้า ไป 3-1 จึงต้องตกรอบ
สู่จุดสูงสุด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 สโมสรฯสร้างเกียรติประวัติที่สูงสุดได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ไทยลีก ได้เป็นสมัยแรกของสโมสร และนักเตะของสโมสรอย่าง อนุรักษ์ ศรีเกิด ก็ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย จากนั้นในปี พ.ศ. 2544 สโมสรฯ เปลี่ยนแปลงผู้ฝึกสอนมาเป็นคนไทย อย่าง พิชัย ปิตุวงศ์ ซึ่งในฤดูกาลนั้นได้ตัว เทิดศักดิ์ ใจมั่น จาก กรุงเทพมหานคร และแจ้งเกิดนักเตะดาวรุ่งในยุคนั้นอย่าง ดัสกร ทองเหลา ที่ ณ ขณะนั้นมีอายุเพียง 16 ปี เล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ ไทยลีก 2544/2545 ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ไทยลีก 2 สมัยซ้อนเป็นครั้งแรก
ในปี พ.ศ. 2545 สโมสรฯ เปลื่ยนแปลงผู้ฝึกสอนจาก พิชัย ปิตุวงศ์ เป็น อรรถพล บุษปาคม ซึ่งสโมสรฯ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยในการแข่งขัน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก โดยเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศกับสโมสร อัล ไอน์ ตัวแทนจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งแข่งขันแบบเหย้า-เยือน โดยนัดแรกสโมสรฯบุกไปเยือนแล้วแพ้ไป 2-0 แต่ในนัดที่สองได้เล่นเป็นทีมเหย้าโดยแข่งที่ ราชมังคลากีฬาสถาน สโมสรเอาชนะไปได้ 1-0 จากการยิงลูกโทษของ เทิดศักดิ์ ใจมั่น แต่ก็แพ้ไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ได้แค่รองชนะเลิศ ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของสโมสรฟุตบอลจากประเทศไทยที่ทำได้ในการแข่งขันนี้ นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ขณะเดียวกัน สโมสรฯก็ยังได้รองชนะเลิศการแข่งขัน อาเซียนคลับแชมเปียนชิพ โดยแพ้ให้กับ อิสต์ เบงกอล ของ อินเดีย 3-1 ซึ่งในทีมชุดนั้นมีนักเตะที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศมากมายเช่น วรวุฒิ ศรีมะฆะ, ดุสิต เฉลิมแสน, ขวัญชัย เฟื่องประกอบ, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ปณัย คงประพันธ์, จตุพงษ์ ทองสุข, ดัสกร ทองเหลา รวมไปถึง นักฟุตบอลต่างชาติอย่าง อาดู ซันเดย์ กองกลางชาว ไนจีเรีย
หลังจากได้รองชนะเลิศ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก มาตรฐานของสโมสรฯ เริ่มตกลง แต่ยังถือว่าเป็นสโมสรที่มีลุ้นแชมป์ได้ในหลายฤดูกาล ใน ไทยลีก 2547/48 สโมสรได้แต่งตั้ง สะสม พบประเสริฐ มาคุมทีมแม้ผลงานของทีมกลับต้องมาหนีตกชั้น แต่ก็ยังสามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 6 และในปีนั้นเอง สโมสรฯได้ดันนักฟุตบอลอย่าง ชาคริต บัวทอง และ ธีรเทพ วิโนทัย ขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลไทย
ร่วมมือกับอาร์เซนอล
ในปี พ.ศ. 2548 ทางสโมสรฯ ได้ลงนามในสัญญาร่วมกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในพรีเมียร์ลีก ก่อตั้งบริษัทที่ทำธุรกิจด้านฟุตบอลโดยเฉพาะขึ้นมา ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกที่เซ็นทรัลเวิลด์ และได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของสโมสรใหม่ทั้งหมด โดยโลโก้ของสโมสรนั้น ทางสโมสรอาร์เซนอลเป็นผู้ออกแบบให้ และชุดแข่งของสโมสรให้มีความคล้ายคลึงกับทางสโมสรอาร์เซนอลอีกด้วย[1] และในปีนั้นสโมสรได้เปลื่ยนแปลงผู้ฝึกสอนเป็น เดวิด บูท และเสริมนักฟุตบอลไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง พิพัฒน์ ต้นกันยา, ปรัชญ์ สมัคราษฎร์, คัมภีร์ ปิ่นฑะกูล เป็นต้น และยังได้ตัว ไนออล ควินน์ อดีตนักฟุตบอลของ ซันเดอร์แลนด์ และ แมนเชสเตอร์ซิตี มาร่วมทีม[2] ทำให้สโมสรฯจบด้วยอันดับ 3 ใน ฤดูกาล 2553 สโมสรฯ ทำการย้ายสนามเหย้าแข่งขันจาก สนามบีอีซี เทโรศาสน หนองจอก (สนามทิวสน) มาที่ สนามเทพหัสดิน เนื่องจากสนามหนองจอกนั้นไม่ได้มาตรฐานจาก ไทยพรีเมียร์ลีก และเดินทางยากลำบาก โดยที่สนามเทพหัสดิน สามารถเดินทางสะดวกเพราะสามารถเดินทางด้วย รถไฟฟ้าบีทีเอส มาลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติได้
เปลื่ยนแปลง
ใน ฤดูกาล 2555 สโมสรได้จ้าง โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ มาเป็นผู้อำนวยการสโมสร และในช่วงนี้เองที่สโมสรฯ ปั้นเยาวชนขึ้นสู่ทีมเป็นจำนวนมาก โดยทีมเยาวชนของสโมสร สามารถคว้าแชมป์ ไทยเอฟเอ ยูธคัพ ได้สำเร็จ ซึ่งในทีมชุดนั้น มีนักฟุตบอลอย่าง อภิสิทธิ์ คำวัง, ชนาธิป สรงกระสินธ์, อัครพล มีสวัสดิ์, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม เป็นต้น [3] ซึ่งภายหลังนักฟุตบอลในทีมชุดนี้ก็ได้ถูกดันขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ และได้ติดทีมชาติไทยในเวลาต่อมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 บีอีซี เทโรศาสน เปิดตัว สเวน-เยอราน เอริกซอน ชาวสวีดิช อดีตผู้จัดการ ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ของสโมสร โดยพาสโมสรจบอันดับ 3 ของไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น และในปี พ.ศ. 2556 สโมสรฯ ย้ายสนามเหย้าแข่งขันไปอยู่ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี เนื่องจากสนามเทพหัสดินไม่พร้อมที่จะใช้งาน และกลายเป็นการกลับสู่ถิ่นที่อยู่เดิมของสโมสรอีกครั้งในย่านมีนบุรี หนองจอก
ในฤดูกาล 2557 ภายใต้การคุมทีมของ โจเซ่ อัลเวส บอจีส สโมสรฯ สร้างประวัติศาสตร์ ชนะเลิศการแข่งขัน โตโยต้า ลีกคัพ โดยเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 จากการทำประตูของ ไดกิ อิวามาสะ และ จอร์จี้ เวลคัม โดย ชนาธิป สรงกระสินธ์ คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าอีกด้วย[5] และเป็นตำแหน่งชนะเลิศครั้งแรกของสโมสรฯ ในรอบ 12 ปี
โปลิศ เทโร

เปลี่ยนแปลงการบริหาร
หลังจาก ฤดูกาล 2559 สี้นสุดลง สโมสรฯได้รับความสนใจที่จะมาทำทีมต่อ โดยในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 กลุ่มนายทุนของ อุดรธานี เอฟซี ซึ่งเคยมีข่าวจะเข้ามาเทคโอเวอร์ พัทยา ยูไนเต็ด ได้พยายามเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรด้วยงบประมาณ 60 ล้านบาท แต่การเจรจาไม่ลงตัวทำให้ไม่เกิดขึ้น
แต่จากนั้นไม่นานได้มีกระแสข่าวออกมาว่ามีกลุ่มทุนอีกกลุ่มที่นำโดย นายตำรวจระดับสูง ติดต่อเข้ามาเพื่อขอบริหารสโมสร ซึ่งต่อมาก็ได้มีการเปิดเผยว่าเป็นกลุ่มของ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ เป็นประธานสโมสรและได้เปลี่ยนชื่อเป็น โปลิศ เทโร (Police Tero Football Club) และได้ย้ายสนามไปอยู่ที่ สนามบุณยะจินดา โดยได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 [6] ทางด้านนายไบรอันได้ร่วมเป็นประธานสโมสรร่วมด้วย โดยที่ต่อมาทาง บริษัท ไทยลีก ไม่อนุมัติการเปลื่ยนชื่อและสัญลักษณ์ของสโมสรฯ เนื่องจากผิดข้อบังคับ คลับไลเซนนิ่งส์ ทำให้สโมสรต้องกลับมาใช้ชื่อ บีอีซี เทโรศาสน อย่างน้อย 1 ฤดูกาล[7]
การตกชั้นครั้งแรก และการเลื่อนชั้นกลับสู่ไทยลีก
ในฤดูกาล 2561 การแข่งขันนัดที่ 33 หรือนัดรองสุดท้าย โปลิศ เทโร ต้องบุกไปเยือนราชนาวีซึ่งตกชั้นไปแล้วที่สนามกีฬากองทัพเรือ กม. 5 โดยโปลิศ เทโรได้ประตูขึ้นนำก่อน 0–1 จากกฤษพรหม บุญสาร แต่ก็ถูกยิงแซงจนพ่ายแพ้ไป 4–2[8] ทำให้โปลิศ เทโรตกชั้นสู่ไทยลีก 2 เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร[9]
ในการแข่งขันนัดสุดท้ายของไทยลีก 2 ฤดูกาล 2562 โปลิศ เทโร เปิดบ้านเอาชนะ ระยอง ไปได้ 7–0 ทำให้ทั้งสองสโมสรได้เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก ฤดูกาล 2563 โดยโปลิศ เทโร เลื่อนชั้นกลับสู่ไทยลีกหลังจากตกชั้นลงมาเล่นในไทยลีก 2 เพียงฤดูกาลเดียว ส่วนระยองเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
มังกรตัวใหม่กับวิกฤตโควิด 19
ไทยลีกฤดูกาล 2563-64 ทีมน้องใหม่อย่างโปลิศ เทโรสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นใน 4 นัดแรก โดยเฉพาะในนัดแรกของฤดูกาลที่สามารถเปิดบ้านเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกฟรีคิกของณรงค์ จันทร์เสวก ก่อนที่ในช่วงเดือนมีนาคม ไทยลีกได้มีการระงับการแข่งขันชั่วคราว โดยมีกำหนดกลับมาแข่งขันในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2563 ทำให้สโมสรขาดรายได้และส่งผลให้ต้องขายนักเตะที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่ลีกรองในฤดูกาลก่อนเพื่อนำเงินมาประคองทีมให้อยู่รอด
กลุ่มทุนใหม่และการตกชั้น
ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาลงทุนและบริหารสโมสรคือ กลุ่มของเจ้านายเชื้อพระวงศ์จากกัมพูชา 3 พระองค์ได้แก่ พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์, สมเด็จพระนโรดม นรินทรพงษ์ และเจ้าชายนโรดม รวิจักร พร้อมด้วยเงินลงทุนจำนวน 200 ล้านบาทและได้เข้ามาถือหุ้นในสโมสรสัดส่วน 49%[10][11] แต่สุดท้ายเกิดปัญหาการติดค้างและเลื่อนการจ่ายเงินในการเข้ามาถือหุ้นใหญ่แทนกลุ่มทุนเดิมอยู่บ่อยครั้งเป็นระยะเวลา 2 เดือน[12]และปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยนแปลงกลุ่มทุนใหม่ในเรื่องของการลาออกของเฮดโค้ช รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค[13] และ ธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีม[14]ในวันต่อมาหลังจากการแถลงข่าวเปิดตัวรวมไปถึงปัญหาการค้างจ่ายเงินเดือนตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2566-67[15] จนส่งผลให้เกิดภาวะสูญญากาศภายในทีมในช่วงท้ายเลกแรกและต้นเลกสองและทำให้ฝั่งกลุ่มทุนเก่าอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ส่งลูกชายของตนเองอย่างชัยธัช ชัยจินดาเข้ามาบริหารแทนกลุ่มทุนใหม่ แม้จะมีการเข้ามาแก้ไขจากคนในกลุ่มทุนเก่าและมีการตั้งโค้ชใหม่ คือ ตัน เชง โฮ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซียเข้ามาคุมทีม แต่ทีมก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการตกชั้นสู่ไทยลีก 2
การตกชั้นสู่ไทยลีก 2 อีกครั้ง
โปลิศ เทโร ลงมาเล่น ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2567–68 นับเป็นการลงแข่งในลีกระดับรอง เป็นครั้งที่ 2 ของสโมสร โดยมี ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เป็นเฮดโค้ช ขณะที่ตัวผู้เล่นมีการย้ายออกของกลุ่มผู้เล่นจากฤดูกาลที่ผ่านมาแทบทั้งหมด และเป็นการเสริมทัพผู้เล่นหน้าใหม่อายุน้อยเข้ามาร่วมทีมจำนวนมาก ในฤดูกาลดังกล่าว โปลิศ เทโร เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก อันดับค่อยๆ ลงไปในโซนท้ายตาราง มีการปรับเปลี่ยนเฮดโค้ชบ่อยครั้ง ไล่ตั้งแต่ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูลขอยุติบทบาทการคุมทีม เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ภายหลังคุมทีมเปิดบ้านเสมอศรีสะเกษ ยูไนเต็ด 0-0 และทำผลงานทีมอยู่อันดับที่ 15 จาก 18 ทีม (ในขณะนั้น ก่อนที่สมุทรปราการ ซิตี้จะถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้เหลือที่เข้าแข่งขัน 17 ทีม)
ต่อมาได้มีโค้ชรักษาการหลายคนทั้ง อมร ธรรมนาม, จตุพร ประมลบาล (แม้ในใบรายงานผลการแข่งขันของไทยลีก จะระบุชื่อเฮดโค้ชเป็น อนุชศรา หมายเจริญ ก็ตาม) จากนั้นทีมได้ ริชาร์ด คาเวห์ แม็กนัสสัน เฮดโค้ชชาวสวีเดน เข้ามาคุมทีม โดยประเดิมสนามในเกมพ่ายชลบุรี 0-2 แต่สามารถบุกไปชนะตราด 4-3 ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ริชาร์ด คาเวห์ แม็กนัสสัน ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง อันเนื่องมาจากการแทรกแซงจากบุคคลภายในทีม[16]
กระทั่ง วันที่ 10 มกราคม 2568 โปลิศ เทโร ได้จ้าง ฌูแซ อัลวิส บอร์ฌิส กลับมาคุมทีมอีกครั้งในรอบสิบกว่าปี เพื่อกู้สถานการณ์ของทีมที่กำลังอยู่ในโซนตกชั้น ซึ่งผลงานของทีมก็ค่อยๆ ดีขึ้น และเก็บคะแนนได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหลังจบนัดสุดท้ายที่เปิดบ้านเอาชนะ ชัยนาท 2-1 ทำให้โปลิศ เทโร จบที่อันดับ 11 ของฤดูกาล 2567-2568 จากทั้งหมด 17 ทีม
Remove ads
ตราสโมสร
- ฤดูกาล 2549-2560
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
ทีมงานผู้ฝึกสอน
Remove ads
ผู้ฝึกสอน
สรุป
มุมมอง
รายนามผู้ฝึกสอน (2539-ปัจจุบัน)
Remove ads
อดีตผู้เล่นที่สำคัญ
นักเตะไทย
- ดุสิต เฉลิมแสน
- อนุรักษ์ ศรีเกิด
- เทิดศักดิ์ ใจมั่น
- วรวุฒิ ศรีมะฆะ
- วิทยา นับทอง
- สะสม พบประเสริฐ
- พรรษา มีสัตย์ธรรม
- ทนงศักดิ์ ประจักกะตา
- ศักดิ์ชาย ยันตระศรี
- วรชัย สุรินทร์ศิริรัตน์
- ดัสกร ทองเหลา
- นิรุตต์ สุระเสียง
- วุฒิญา หยองเอ่น
- โกวิท ฝอยทอง
- ธชตวัน ศรีปาน
- อานนท์ สังข์สระน้อย
- ปรัชญ์ สมัครราษฎร์
- พิศาล ดอกไม้แก้ว
- นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
- รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค
- อภิเชษฐ์ พุฒตาล
- อนุชา กิจพงษ์ศรี
- อดิศร พรหมรักษ์
- อดิศักดิ์ ไกรษร
- ชนาธิป สรงกระสินธ์
- พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา
- ธนบูรณ์ เกษารัตน์
- เจนรบ สำเภาดี
- นพพล พลคำ
- ธีระพล เยาะเย้ย
- พิชิตพงษ์ เฉยฉิว
- มงคล ทศไกร
- ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์
- สันติภาพ จันทร์หง่อม
- ทิตาธร อักษรศรี
- ทิตาวีร์ อักษรศรี
- ประสิทธิ์ ผดุงโชค
- กีรติ เขียวสมบัติ
- อดิศักดิ์ ศรีกำปัง
- ณรงค์ จันทร์เสวก
- ธีรเทพ วิโนทัย
- เฉลิมศักดิ์ อักขี
- ชานุกูล ก๋ารินทร์
- สินทวีชัย หทัยรัตนกุล
- สงครามสมุทร น้ำผึ้ง
นักเตะต่างชาติ
- อเดบาโย กาเดโบ
- อาดู ซันเดย์
- คลีตัน โอลิเวียรา ซิลวา
- ไดกิ อิวามาสะ
- โช ชิโมจิ
- จอร์จี้ วิลสัน เวลคัม
- กิลเบิร์ต คูมสัน
Remove ads
ผู้ผลิตชุดแข่งขันและผู้สนับสนุน
รายนามผู้ผลิตชุดและผู้สนับสนุน (ฤดูกาล 2539/40-ปัจจุบัน)
Remove ads
สนามเหย้าและที่ตั้งสโมสร
Remove ads
ผลงาน
ผลงานของสโมสรในแต่ละฤดูกาล
ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับที่ 3 | เลื่อนชั้น | ตกชั้น |
Remove ads
เกียรติประวัติ
การแข่งขันในประเทศ
ลีก
รองชนะเลิศ (1) : 2562
ถ้วย
- รองชนะเลิศ (1) : 2552
- ชนะเลิศ (1) : 2557
- ชนะเลิศ (1) : 2543
- รองชนะเลิศ (2) : 2545 , 2547
- รองชนะเลิศ (1) : 2552
- ชนะเลิศ (1) : 2558
การแข่งขันระหว่างประเทศ
- รองชนะเลิศ (1): 2545/46
- รองชนะเลิศ (1): 2546
ระดับเยาวชน
- ชนะเลิศ (2) : 2546, 2547[21]
- ไทยเอฟเอ ยูธคัพ
- ชนะเลิศ (1) : 2555[22]
Remove ads
สโมสรพันธมิตร
พันธมิตรต่างประเทศ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads