คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
การประกวดความงาม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
การประกวดความงาม (อังกฤษ: beauty pageant)คือการแข่งขันที่ผู้เข้าประกวดจะถูกตัดสินและจัดอันดับตามคุณสมบัติทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ตามชื่อเรียก การประกวดนางงามในอดีตมักเน้นที่ความสวยงามทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่การประกวดนางงามสมัยใหม่ได้ขยายเกณฑ์การตัดสินไปถึง “ความงามภายใน” เช่น บุคลิกภาพ สติปัญญา ความถนัด คุณธรรม และการกุศล แม้ว่าการประกวดนางงามจะถูกมองว่าเป็นการแข่งขันของผู้หญิงเป็นหลัก แต่ก็มีการประกวดสำหรับผู้ชาย รวมถึงการประกวดนางงามเด็กด้วย
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |

คำว่า "การประกวดนางงาม" เดิมหมายถึงการประกวดนางงามนานาชาติใหญ่ 6 เวที ได้แก่ มิสยูนิเวิร์ส, มิสเวิลด์, มิสอินเตอร์เนชันแนล, มิสเอิร์ธ, มิสซูปราเนชันแนล และมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล[1][2][3][4][5] และการประกวดหนุ่มงามนานาชาติใหญ่ 5 เวที ได้แก่ แมนฮันต์อินเตอร์เนชันแนล, มิสเตอร์เวิลด์, มิสเตอร์อินเตอร์เนชันแนล , มิสเตอร์โกลบอล และมิสเตอร์ซูปราเนชันแนล แม้ทุกปีจะมีการจัดประกวดนางงามนับไม่ถ้วน[6] แต่สี่เวทีนี้ถือว่ามีเกียรติสูงสุด[7] และได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก[8][9][10][11][12][13]
การประกวดนางงามอย่างเป็นทางการครั้งแรกเริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แม้ว่าเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันจะมีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์หลังยุคคลาสสิกแล้วก็ตาม การประกวดนางงามสมัยใหม่เกิดขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 และได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อมีเวทีการประกวดระดับนานาชาติเกิดขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษ การปฏิรูปการประกวดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแนวทางจากการมุ่งเน้นรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียวไปสู่การให้ความสำคัญกับคุณสมบัติด้านอื่น ๆ
การประกวดนางงามมักจัดเป็นหลายระดับ โดยเริ่มจากการประกวดท้องถิ่นที่คัดผู้ชนะเข้าสู่เวทีใหญ่ เช่น เวทีนานาชาติที่มีผู้เข้าร่วมจากหลายร้อยหรือหลายพันการประกวดย่อย กฎเกณฑ์ขึ้นอยู่กับผู้จัด เช่น กำหนดอายุ ช่วงสถานภาพสมรส ต้องมีความประพฤติดี เป็นมือสมัครเล่น และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ นอกจากนี้ยังอาจกำหนดมาตรฐานการแต่งกาย เช่น ชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ ชุดกีฬา หรือเสื้อผ้าออกแบบโดยดีไซเนอร์
รางวัลของการประกวดนางงามอาจประกอบด้วย ตำแหน่ง เทียร่า มงกุฎ สายสะพาย ช่อดอกไม้ คทา พันธบัตรออมทรัพย์ ทุนการศึกษา และเงินรางวัล[14] ผู้ชนะมักถูกเรียกว่า "นางงาม" (Beauty Queen) สำหรับฝ่ายหญิง และ "หนุ่มงาม" (Beauty King) สำหรับฝ่ายชาย ตำแหน่งย่อยมักแบ่งเป็น Miss, Mrs., Ms. และ Teen เพื่อบ่งบอกประเภทของการประกวด ส่วนการจัดลำดับผู้เข้าประกวดเรียกว่า การจัดตำแหน่ง (Placements)[15]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ประวัติศาสตร์โบราณ
Callisteia หรือ Kallisteia (καλλιστεῖα) คือการประกวดความงามในกรีกโบราณที่จัดขึ้นตามภูมิภาคต่าง ๆ ของกรีซ หนึ่งในตัวอย่างที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นที่เกาะเลสบอส ซึ่งสตรีจะมารวมตัวกัน ณ วิหารของเฮรา และจะมีการมอบรางวัลแก่ผู้ที่งดงามที่สุด อีกหนึ่งงานจัดขึ้นในอาร์คาเดีย ระหว่างเทศกาลถวายเกียรติแด่เดมีเทอร์ Eleusinia ซึ่งสตรีที่รู้จักกันในนาม Chrysophoroi (Χρυσοφόροι; "ผู้ถือทอง") ได้เข้าร่วมแข่งขัน อธีเนอัส ยังได้กล่าวถึงทีเนดอสควบคู่กับเลสบอส ซึ่งบ่งบอกว่าเทศกาลความงามลักษณะเดียวกันอาจจัดขึ้นที่นั่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวถึงการประกวดความงามที่จัดขึ้นในเอลิส ซึ่งมีเฉพาะบุรุษเข้าร่วม โดยผู้ที่รูปงามที่สุดจะได้รับชุดเกราะหนึ่งชุด นำไปถวายแด่อธีนา และได้รับการตกแต่งพิธีการก่อนถูกเพื่อน ๆ ของเขาอัญเชิญไปยังวิหาร[16][17][18][19]
นอกเหนือจากการประกวดที่เน้นด้านความงามแล้ว ยังมีการแข่งขันอื่น ๆ ในกรีกโบราณที่ผสมผสานความงามกับสมรรถภาพทางกาย การแข่งขันเหล่านี้ได้แก่ Euandria (εὐανδρία) และ Euexia (εὐεξία) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลการต่อสู้ Euandria มีแนวโน้มว่าจะเป็นการแสดงความงามของบุรุษ โดยใช้รูปร่างและพละกำลังเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสิน ในขณะที่ Euexia มีลักษณะใกล้เคียงกับการประกวดเรือนร่างหรือการประกวดฟิตเนสในยุคปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นความสมดุลของสรีระ โทนกล้ามเนื้อ ท่วงท่า และสุขภาพโดยรวม มากกว่าขนาดหรือความใหญ่โตเพียงอย่างเดียว[20]
ประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่ม


งานเทศกาลของยุโรปที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง ถือเป็นรากฐานโดยตรงของการประกวดนางงาม ตัวอย่างเช่น การเฉลิมฉลองเมย์เดย์ในอังกฤษ มักจะมีการคัดเลือกราชินีแห่งเดือนพฤษภาคม (May Queen) เสมอ ในสหรัฐอเมริกา ประเพณีเมย์เดย์ในการคัดเลือกสตรีผู้ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามและอุดมคติของชุมชนยังคงดำเนินต่อไป โดยมีหญิงสาวผู้เลอโฉมเข้าร่วมเฉลิมฉลองสาธารณะ[22]
การประกวดนางงามครั้งหนึ่งถูกจัดขึ้นระหว่างการแข่งขันเอกลินตัน ค.ศ. 1839 โดยอาร์ชิบอลด์ มอนต์โกเมอรี เอิร์ลที่ 13 แห่งเอกลินตัน ในฐานะส่วนหนึ่งของการจำลองงานประลองหอกยุคกลางที่สกอตแลนด์ ผู้ชนะคือจอร์เจียนา ซีมัวร์ ดัชเชสแห่งซัมเมอร์เซ็ต ภรรยาของเอ็ดเวิร์ด ซีมัวร์ ดยุคที่ 12 แห่งซัมเมอร์เซ็ต และน้องสาวของแคโรไลน์ นอร์ตัน โดยเธอได้รับการสถาปนาเป็น "ราชินีแห่งความงาม" (Queen of Beauty)[23][แหล่งอ้างอิงอาจไม่น่าเชื่อถือ]
การประกวดความงามได้รับความนิยมมากขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1880 ในปี ค.ศ. 1888 ผู้เข้าแข่งขันชาวเครโอลวัย 18 ปี ได้รับตำแหน่ง "ราชินีแห่งความงาม" (beauty queen) จากเวทีประกวดที่เมืองสปา ประเทศเบลเยียม ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องส่งรูปถ่ายพร้อมคำบรรยายสั้น ๆ เกี่ยวกับตนเองเพื่อมีสิทธิ์เข้าร่วม และคณะกรรมการตัดสินได้คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 21 คน[24] อย่างไรก็ตาม งานลักษณะนี้ยังไม่ถือว่าได้รับการยอมรับในด้านความเหมาะสม
ในปี ค.ศ. 1880 รีโฮโบทบีช มลรัฐเดลาแวร์ ได้จัดประกวดนางงามครั้งแรกที่มีบันทึกไว้ในสหรัฐอเมริกา โดยค้นหาสตรีที่ "สวยที่สุดและยังไม่แต่งงานในชาติของเรา" และมอบตำแหน่งมิสยูไนเต็ดสเตทส์ให้แก่เธอ[25][26][27]
การประกวดระดับชาติและนานาชาติ
การประกวดนางงามเริ่มได้รับการมองว่าเป็นสิ่งที่น่านับถือมากขึ้นจากการจัดประกวด "มิสอเมริกา" ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1921[28] โดยการประกวดมิสอเมริกาถือเป็นเวทีที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งยังคงจัดอยู่จนถึงปัจจุบัน จัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1921 โดยนักธุรกิจท้องถิ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังแอตแลนติกซิตี มลรัฐนิวเจอร์ซีย์[29] การประกวดดังกล่าวรวมเอาผู้ชนะการประกวดนางงามจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในชื่อ "การประกวดงามระหว่างเมือง" (Inter-City Beauty Contest) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชมกว่าแสนคน ผู้ชนะคือมากาเร็ต กอร์แมน สาวน้อยวัย 16 ปีจากวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งได้รับตำแหน่งมิสอเมริกา 1921 หลังจากชนะทั้งรางวัลความนิยมและรางวัลความงาม พร้อมรับเงินรางวัล 100 ดอลลาร์สหรัฐ[30]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1920 ผู้จัดงานชื่อ ซี.อี. บาร์ฟิลด์ จากกัลเวสตัน รัฐเทกซัส ได้จัดงานใหม่ชื่อ "สแปลชเดย์" (Splash Day) บนเกาะ โดยมีการประกวด "บาธธิงเกิร์ลรีวิว" (Bathing Girl Revue) เป็นไฮไลท์[31][32][33][34] งานนี้ถือเป็นการเปิดฤดูท่องเที่ยวฤดูร้อนของเมือง และต่อมาได้จัดเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มได้รับความนิยมไปไกลเกินกว่าเทกซัส และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ได้มีการเพิ่มการประกวดนานาชาติครั้งแรกของโลกที่ชื่อว่า อินเตอร์เนชั่นแนลเพเจ้นท์ออฟปุลติจูด (International Pageant of Pulchritude)[33] ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการประกวดนางงามสมัยใหม่[34][35][36] โดยมีผู้เข้าประกวดจากอังกฤษ รัสเซีย ตุรกี และอีกหลายประเทศ ตำแหน่งที่มอบในขณะนั้นเรียกว่า "มิสยูนิเวิร์ส"[34][37] อย่างไรก็ตาม การประกวดนี้ถูกยกเลิกในสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1932 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (แต่การแข่งขันระดับนานาชาติได้ถูกฟื้นฟูขึ้นชั่วคราวที่เบลเยียม)[38][39]
ความนิยมของการประกวดมิสอเมริกา ได้นำไปสู่การก่อตั้งเวทีประกวดอื่น ๆ ในคริสต์ทศวรรษ 1950 และหลังจากนั้น บางเวทีมีความสำคัญ ขณะที่บางเวทีก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น การประกวด National Donut Queen การประกวดมิสเวิลด์เริ่มในปี ค.ศ. 1951 มิสยูนิเวิร์สและมิสยูเอสเอเริ่มในปี ค.ศ. 1952 ส่วนมิสอินเตอร์เนชันแนลเริ่มในปี ค.ศ. 1960 มิสเอเชียแปซิฟิกอินเตอร์เนชันแนล เริ่มในปี ค.ศ. 1968 และถือเป็นเวทีการประกวดนางงามที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย[40][41] การประกวดมิสแบล็กอเมริกาเริ่มในปี ค.ศ. 1968[42] เพื่อตอบสนองต่อการกีดกันสตรีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันจากเวทีมิสอเมริกา ต่อมาองค์กรนางงามจักรวาลได้ก่อตั้งการประกวดมิสทีนยูเอสเอในปี ค.ศ. 1983 สำหรับกลุ่มอายุ 14–19 ปี การประกวดมิสเอิร์ธเริ่มในปี ค.ศ. 2001 โดยใช้ความนิยมของวงการประกวดนางงามเพื่อรณรงค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม[43][44] มิสซูปราเนชันแนลเริ่มในปี ค.ศ. 2009 โดยการประกวดที่ผสมผสานระหว่างความงาม ความบันเทิง และความเป็นสากล[45][46] มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลเริ่มในปี ค.ศ. 2013 ยุติสงครามและความรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอคอนเซ็ปต์ 4B ซึ่งประกอบด้วย: Beauty – ความงามที่มีจุดมุ่งหมายและพลัง Body – สุขภาพและการแสดงบนเวที Brain – สติปัญญาและวิสัยทัศน์ Business – อาชีพ การสร้างแบรนด์ และความยั่งยืน[47] การประกวดเหล่านี้ยังคงจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
Remove ads
การประกวดนางงามระดับชาติและนานาชาติ
สรุป
มุมมอง
การประกวดนางงามระดับนานาชาติที่สำคัญสำหรับผู้หญิง ได้แก่ การประกวด มิสเวิลด์ รายปี (ก่อตั้งโดย Eric Morley ในปี 1951), มิสยูนิเวิร์ส (ก่อตั้งปี 1952), มิสอินเตอร์เนชันแนล (ก่อตั้งปี 1960), มิสเอิร์ธ (ก่อตั้งปี 2001 โดยเน้นการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม),[48] มิสซูปราเนชันแนล (ก่อตั้งปี 2009) และ มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล (ก่อตั้งปี 2013) หกการประกวดนี้ถือเป็นการประกวดนางงามระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับผู้หญิงโสดหรือยังไม่แต่งงาน (ยกเว้น มิสยูนิเวิร์ส และมิสซูปราเนชันแนล)[49][50][51][52]
ประกวดหนุ่มงามระดับนานาชาติที่สำคัญสำหรับผู้ชาย ได้แก่ แมนฮันต์อินเตอร์เนชันแนล (ก่อตั้งปี 1993), มิสเตอร์เวิลด์ (ก่อตั้งปี 1996), มิสเตอร์อินเตอร์เนชันแนล (ก่อตั้งปี 2006), มิสเตอร์โกลบอล (ก่อตั้งปี 2014) และมิสเตอร์ซูปราเนชันแนล (ก่อตั้งปี 2019) หกการประกวดนี้ถือเป็นการประกวดนางงามระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับผู้ชาย [53][54]
การประกวดนางงามนานาชาติที่สำคัญ
การแข่งขันระหว่างประเทศที่สำคัญสำหรับผู้หญิง
การแข่งขันระหว่างประเทศที่สำคัญสำหรับผู้ชาย
Remove ads
การสละตำแหน่งและการถูกปลดของการประกวดใหญ่
สรุป
มุมมอง
การสละตำแหน่งหรือการถูกปลดเกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับผู้ชนะสี่การประกวดใหญ่ แต่เมื่อเกิดขึ้นมักสร้างความสนใจในสื่อ
การประกวดมิสเวิลด์ มีกรณีการ ถูกปลดหรือสละตำแหน่ง ของผู้ชนะทั้งหมด 3 ครั้ง:
- ในการประกวด ปี ค.ศ. 1973 Marjorie Wallace จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับตำแหน่งมิสเวิลด์ และเคยกล่าวว่า “ในฐานะมิสเวิลด์ ฉันสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนก็ได้ที่ฉันเลือก” ได้คบหากับคนดังหลายคน รวมถึง จอร์จ เบสต์.[68] เธอถูกปลดจากตำแหน่งสามเดือนหลังได้รับมงกุฎ.[69]
- ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส Oxana Fedorova จากรัสเซียได้รับตำแหน่ง นางงามจักรวาล 2002 แต่ถูกปลดจากตำแหน่งสี่เดือนต่อมา เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดได้.[70][71] เธอเป็นผู้ถือครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สคนแรกที่ถูกปลด.[72] โดยมีรองอันดับหนึ่ง Justine Pasek จากปานามา ขึ้นมารับตำแหน่งแทน.[73][74]
- หลังจากได้รับตำแหน่ง มิสเวลส์ และต่อมาเป็น มิสยูไนเต็ดคิงดอม Helen Morgan ได้เข้าประกวดและคว้าตำแหน่ง มิสเวิลด์ 1974.[75][76] อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการเปิดเผยว่าเธอเป็นมารดา[76] และถูกเอ่ยชื่อในคดีหย่าร้าง ซึ่งนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งเพียงสี่วันหลังจากได้รับมงกุฎ.[76] โดยมีรองอันดับหนึ่ง Anneline Kriel จากแอฟริกาใต้ ขึ้นมารับตำแหน่งแทน.[77]
- Gabriela Brum จากเยอรมนี ครองตำแหน่งมิสเวิลด์สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเธอสละตำแหน่งเพียง 18 ชั่วโมงหลังจากได้รับมงกุฎ มิสเวิลด์ 1980.[68][78] เธอกล่าวว่าแฟนหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการประกวด แต่ต่อมามีการเปิดเผยว่าเธอเคยถ่ายภาพเปลือย และต่อมาได้ย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาเพื่อถ่ายแบบนู้ดให้กับนิตยสาร Playboy.[68] โดยรองอันดับสอง Kimberley Santos จากกวม ได้ขึ้นมารับตำแหน่งแทนโดยอัตโนมัติ.[79][80]
ในช่วงปีแรก ๆ ของการประกวด มิสยูนิเวิร์ส มีสองกรณีที่ผู้ชนะสละตำแหน่งด้วยตนเอง ได้แก่ Armi Kuusela (มิสยูนิเวิร์ส 1952 จากฟินแลนด์) ซึ่งเป็นผู้ชนะคนแรกที่สละมงกุฎภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเพื่อแต่งงานกับนักธุรกิจชาวฟิลิปปินส์ Virgilio Hilario และ Amparo Muñoz (มิสยูนิเวิร์ส 1974 จากสเปน) ซึ่งปฏิเสธการเดินทางไปญี่ปุ่นและสละตำแหน่งหลังครองมงกุฎได้เพียงหกเดือน[81][82][83] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการประกวดในขณะนั้นยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับการสละตำแหน่ง ผู้ชนะทั้งสองจึงได้รับอนุญาตให้รักษาตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส ของตนไว้.[84]
ใน มิสเอิร์ธ รางวัลชนะเลิศปี 2002 Dzejla Glavovic จากบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาถูกปลดจากตำแหน่งหลังจากครองมงกุฎได้เพียงหกเดือน เนื่องจากเธอไม่เข้าร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมหลายรายการ[85][86] ตามรายงานของ Carousel Productions ผู้จัดงานมิสเอิร์ธ, Glavovic ถูกปลดเนื่องจาก "ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะผู้ครองตำแหน่ง มิสเอิร์ธ ตามกฎระเบียบที่ระบุในสัญญาที่เธอเซ็นไว้" [87][88] เธอถูกแทนที่โดยรองอันดับหนึ่ง Winfred Omwakwe จากเคนยา ในตำแหน่ง มิสเอิร์ธ 2002[89]
ใน มิสอินเตอร์เนชันแนล, Ikumi Yoshimatsu มิสอินเตอร์เนชันแนล 2012 เป็นผู้ครองตำแหน่งคนแรกจากญี่ปุ่นที่ถูกปลดก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการครองตำแหน่ง[90][91][92] เธอถูกผู้จัดงาน International Culture Association สั่งให้พลาดพิธีส่งต่อมงกุฎและ "แกล้งป่วยและเงียบไว้" เนื่องจากกลัวเกิดเรื่องอื้อฉาว[93] ผู้จัดงานอ้างเหตุผลในการปลดเธอว่าเกิดจากข้อพิพาทสัญญากับเอเจนซี่ด้านความบันเทิง ซึ่ง Yoshimatsu ระบุว่าเธอถูกกดดันให้เซ็นสัญญากับ Burning Productions บริษัทผลิตภาพยนตร์ที่มีข่าวลือเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในญี่ปุ่น แต่เธอปฏิเสธและเลือกก่อตั้งบริษัทของตัวเอง[94] ต่อมา Yoshimatsu ฟ้องร้องทางอาญากับหนึ่งในผู้บริหารเอเจนซี่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่น Genichi Taniguchi ของ Burning Productions ในข้อหาติดตาม คุกคาม และข่มขู่เธอ[95]
การประกวมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล มีกรณีการ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ของผู้ชนะทั้งหมด 2 ครั้ง:
- ในการประกวด ปี ค.ศ. 2015 Anea Garcia จากสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่ในวันที่ 24 มีนาคม 2016 หรือผ่านไปประมาณ 5 เดือนหลังได้รับตำแหน่ง เธอถูก ปลดตำแหน่งทันที ด้วยเหตุผลว่า “ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาได้” เช่น ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมตามที่กำหนด และมีพฤติกรรมร้องขอบริการส่วนตัวที่เกินขอบเขตของหน้าที่[96][97][98] สาเหตุที่ระบุเพิ่มเติมโดย Teresa Chaivisut รองประธานขององค์กรคือ การเรียนหนังสือเป็นอุปสรรค ทำให้จัดตารางงานลำบาก ต้องยกเลิกหรือเปลี่ยนตารางกิจกรรมหลายครั้ง รวมถึงการร้องขอบริการพิเศษ เช่น การให้คุณยายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่รวมในสัญญา[99][100][101][102] หลังการปลดตำแหน่ง Claire Elizabeth Parker (ออสเตรเลีย) ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งรอง (1st runner-up) จึงได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2015 แทนอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2016[103][104] อย่างไรก็ตาม Claire Parker เอง เพิกถอนตำแหน่งในปี 2019 เนื่องจากเข้าร่วมประกวด Miss Universe Australia 2019 ซึ่งขัดกับข้อกำหนดขององค์กร MGI ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ถือครองตำแหน่งเข้าประกวดเวทีอื่นในช่วงระหว่างการครองตำแหน่งหรือภายหลัง[105][106][107]
- Rachel Gupta ชนะเลิศมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล เมื่อเดือนตุลาคม 2024 โดยเป็นสาวอินเดียคนแรกที่ได้ตำแหน่งนี้[108] เธอออกมาเปิดใจในคลิป YouTube ยาวเกือบชั่วโมง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ว่าตลอดเวลาการทำหน้าที่ถูกรังแก ถูกละเลย ถูกบูลลี่เรื่องรูปร่าง และไม่ได้รับสวัสดิการตามที่สัญญาไว้—เช่น ที่พัก เงินเดือน โทรศัพท์และการเดินทาง[109][110][111] ทางมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล ออกแถลงการณ์ว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้น “เป็นเท็จ ใส่ร้าย” และยืนยันว่าเธอ “ทำผิดสัญญา ไม่ปฏิบัติหน้าที่ หลีกเลี่ยงการเดินทางทางการ ไปกัวเตมาลา และทำโปรเจกต์ภายนอกโดยไม่ได้รับอนุมัติ”[112][113][114] สุดท้ายมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล เพิกถอนตำแหน่งเธอทันที พร้อมเรียกคืนมงกุฎภายใน 30 วัน และแต่งตั้ง Christine Juliane Opiaza จากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นรองอันดับ 1 ขึ้นมาแทนดำลงตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล คนใหม่[115][116]
Remove ads
ความหลากหลาย
สรุป
มุมมอง
ความหลากหลายของผู้เข้าประกวดและผู้ชนะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นการประกวดความงาม ในปี 1945 Bess Myerson นักการเมือง นักแสดงและนางแบบชาวอเมริกัน เป็นคนเชื้อสายยิวคนแรกที่คว้ามงกุฎ มิสอเมริกา ที่แอตแลนติกซิตี และจนถึงปัจจุบันยังคงเป็นคนยิวเพียงคนเดียวที่ได้รับมงกุฎ การที่เธอชนะมีความหมายเชิงสัญลักษณ์และเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับคนยิวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง[117] ในปี 1959 นางแบบชาวญี่ปุ่น Akiko Kojima เป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่คว้ามงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับมาตรฐานความงามจากผู้หญิงผิวขาวไปสู่ความหลากหลายมากขึ้น[118] ความสำเร็จของผู้หญิงเอเชียในเวทีอเมริกาและเวทีนานาชาติชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงผิวขาวไม่ใช่มาตรฐานความงามเดียวอีกต่อไป[119] ในปี 1983 Vanessa Williams นักร้อง นักแสดงและนักออกแบบแฟชั่นชาวอเมริกัน เป็นผู้หญิงแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่คว้ามงกุฎ มิสอเมริกา[120] และในปี 1991 Lupita Jones นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวเม็กซิกัน เป็นคนเม็กซิกันคนแรกที่ชนะ มิสยูนิเวิร์ส[121]
นอกจากการประกวดความงามระดับนานาชาติแล้ว ยังมีการประกวดเล็ก ๆ หลายรายการทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงการตีความความงามในวัฒนธรรมต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การประกวด มิสอินเดียยูเอสเอ ใช้ความรู้ด้าน ประวัติศาสตร์อินเดีย และทักษะงานฝีมือแบบดั้งเดิมเป็นเกณฑ์[122][123] ในขณะที่การประกวด มิสยูนิเวอร์ซิตี้ฮาวเวิร์ด ใช้หลักเกณฑ์ "ความงามแบบคนผิวดำ"[124] ผู้ชนะมักถูกมองเป็นแบบอย่างของสมาชิกที่ดีของชุมชน[125] การประกวดเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าประกวดเรียนรู้การนำเสนอและฝึกฝนคุณลักษณะ เช่น ความมั่นใจหรือท่าทาง[126] บางครั้งผู้เข้าประกวดถูกเลือกเพื่อเป็นตัวแทนชุมชน เช่น มิสยูนิเวอร์ซิตี้ฮาวเวิร์ด ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนขบวนการสิทธิพลเมืองหลังปี 1960[124] และการประกวด Miss Landmine ใน แองโกลา ช่วยให้ผู้ประสบเหตุแร่นแร่แสดงบทบาทเป็นผู้สนับสนุนผู้ประสบเหตุอื่น ๆ[127]
นักวิจัยระบุว่าการเกิดขึ้นของการประกวดความงามนอกสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์กับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น ในอินเดีย การเติบโตของอุตสาหกรรมดูแลร่างกายสอดคล้องกับการเข้าร่วมการประกวดความงามระดับชาติที่เพิ่มขึ้น[128] นอกจากนี้ หลังจากที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดความงามนานาชาติประมาณ 6 รายการในปี 2004 อุตสาหกรรมความงามก็มีอิทธิพลมากขึ้น และจำนวนการประกวดระดับภูมิภาคก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย[129]
Remove ads
คำวิจารณ์
สรุป
มุมมอง

นักวิจารณ์การประกวดความงามระบุว่าการประกวดเหล่านี้ทำให้เกิดแนวคิดว่าผู้หญิงควรถูกประเมินคุณค่าจากรูปลักษณ์ทางกายภาพเป็นหลัก ซึ่งสร้างแรงกดดันให้ผู้หญิงต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความงามดั้งเดิมโดยใช้เวลาและเงินไปกับแฟชั่น เครื่องสำอางา การทำผม และแม้กระทั่งการทำศัลยกรรมความงาม การแสวงหาความงามทางกายนี้อาจทำให้บางคนอดอาหารจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้[130][131]
เครือข่ายสตรีนิยมลอนดอน (London Feminist Network) ให้ความเห็นว่าการประกวดความงามไม่ได้ช่วยเสริมพลังผู้หญิง แต่กลับปฏิเสธความเป็นมนุษย์เต็มรูปแบบของผู้หญิง โดยถือว่าหน้าที่หลักของผู้หญิงคือการดูดี[132] ตั้งแต่ปี 1981 ซึ่งเป็นปีสากลแห่งผู้พิการ ผู้ประท้วงในออสเตรเลียได้โจมตีการประกวดความงามเพื่อ "ท้าทายแนวคิดเรื่องความงาม" และ "ปฏิเสธแนวคิดการกุศล" การประท้วงที่มีชื่อเสียงทำให้บางองค์กรไม่ใช้การประกวดเพื่อระดมทุนและลบคำที่อาจสร้างความไม่เหมาะสมออกจากชื่อองค์กร[133]
อีกหนึ่งข้อวิจารณ์คือวิธีการให้คะแนนในการประกวดความงามที่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ ซึ่งถูกวิพากษ์ว่าเป็น "Myth of the Perfect 10"[134] ความงามกลายเป็นตัวเลขในการจัดอันดับผู้เข้าประกวด ระบบนี้ยังถูกใช้ในเวทีประกวดระดับประเทศ เช่น มิสอเมริกา[135]
นักวิจัยบางกลุ่มเสนอว่าการประกวดความงามช่วยเสริมทักษะ เช่น การสื่อสารระหว่างบุคคล ความมั่นใจ และการพูดในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางอาชีพในอนาคต[136]
การประกวดชุดว่ายน้ำ
การบังคับให้ผู้เข้าประกวดสวมชุดว่ายน้ำเป็นประเด็นถกเถียง โดยเฉพาะหลังจากบิกินี่ได้รับความนิยมในปี 1946 ในปี 1947 บิกินี่ถูกห้ามในการประกวด มิสอเมริกา เนื่องจากการประท้วงจากกลุ่มคาทอลิก[137] เมื่อเริ่มการประกวด มิสเวิลด์ ในปี 1951 เกิดเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงที่ผู้ชนะใส่บิกินี่ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ประณามการสวมบิกินี่ว่าเป็นบาป และประเทศที่มีประเพณีทางศาสนาขู่ว่าจะถอนตัวไม่ส่งผู้เข้าประกวด บิกินี่ถูกห้ามใช้ในการประกวดต่อมา จนกระทั่งช่วงปลายทศวรรษ 1990 จึงได้รับอนุญาตอีกครั้ง[29] แต่ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงเมื่อการประกวดจัดในประเทศที่สังคมไม่ยอมรับการใส่บิกินี่[29] เช่น ในปี 2003 Vida Samadzai จาก อัฟกานิสถาน ก่อให้เกิดความโกรธแค้นในประเทศเมื่อเธอเข้าประกวด มิสเอิร์ธ 2003 ใส่บิกินี่สีแดง[138][139] ศาลสูงสุดอัฟกานิสถานวิจารณ์ว่าการเปิดเผยร่างกายเช่นนี้ขัดต่อ กฎหมายอิสลาม และ วัฒนธรรมอัฟกานิสถาน[140][141] ในปี 2013 การแข่งขันชุดว่ายน้ำของ มิสเวิลด์ ถูกยกเลิกเนื่องจากการประท้วงของกลุ่มมุสลิมใน บาหลี (อินโดนีเซีย) และในปี 2014 มิสเวิลด์ ยกเลิกการแข่งขันชุดว่ายน้ำจากการประกวดอย่างเป็นทางการ[142] ต่อมาในปี 2018 มิสอเมริกา ยกเลิกการประกวดชุดว่ายน้ำหลังจากจัดมา 97 ปี[143]
ในปี ค.ศ. 2017 Carousel Productions ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำให้สตรีกลายเป็นวัตถุ (objectifying women) ระหว่างการประกวด มิสเอิร์ธ 2017 ในรอบการประกวด Beauty of Figure and Form ซึ่งผู้เข้าประกวดสวมชุดว่ายน้ำแต่ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม ในนั้นเป็นรอบที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการประกวด มิสฟิลิปปินส์เอิร์ธ 2017.[144][145][146][147]
รอบดังกล่าวเป็นหนึ่งในสามการประกวดรอบคัดเลือกของเวที ซึ่งประกอบไปด้วย Poise and Beauty of Face และ Environmental and Intelligence Competition.[148][144] คณะผู้จัดงานได้ออกมาปกป้องการจัดรอบ Beauty of Figure and Form โดยชี้แจงว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างเป็นกลาง โดยมุ่งเน้นที่สรีระ รูปร่าง และการแสดงออก มากกว่าจะตัดสินจากความงามของใบหน้าเพียงอย่างเดียว.[149][145]
Remove ads
การประกวดความงามในประเทศไทย
สรุป
มุมมอง
บทความหลัก: ประเทศไทยในการประกวดความงามที่สำคัญ
การประกวดนางสาวสยามจัดครั้งแรกในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 โดยใช้ชื่อว่า "นางสาวสยาม" รัฐบาลได้จัดขึ้นในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญ ภายในพระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งเป็นสโมสรคณะราษฎร ในปี พ.ศ. 2477 เป็นการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญเป็นปีที่สอง แต่เริ่มจัดการประกวดนางสาวสยามเป็นปีแรกโดยผู้เข้าประกวดแต่งกายด้วยชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งซิ่นยาวกรอมเท้า ต่อมาในพ.ศ. 2482 จึงเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อกระโปรงติดกัน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมของไทย เสื้อเปิดหลัง กางเกง กระโปรงยาวถึงเข่า และได้เพิ่มการสวมใส่ชุดกีฬา กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดเปิดหลังในปีถัดมา จัดการประกวดที่พระราชอุทยานสราญรมย์ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2516 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง การประกวดนางสาวไทยจึงได้หยุดจัดไป จนปี พ.ศ. 2527 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ โดยนายชาติเชื้อ กรรณสูต นายกสมาคมและเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้รื้อฟื้นการจัดประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปประกวดนางงามจักรวาล เนื่องจากเกิดปัญหาเรื่องสิทธิประโยชน์ในชื่อ "นางสาวไทย" ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์คือสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ กับเจ้าของสิทธิ์ในการจัดการประกวดคัดเลือกตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามจักรวาล คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ทั้งสองฝ่ายจึงได้แยกกันจัด โดยทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ยังจัดการประกวดนางสาวไทยต่อไป แต่นางสาวไทยไม่ได้สิทธิ์ไปประกวดนางงามจักรวาล[150]
ปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบการจัดประกวดให้เหมาะสมกับความเป็นกุลสตรี สภาพเศรษฐกิจ และสังคม ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาทิ การยกเลิกการใส่ชุดว่ายน้ำบนเวที เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของสตรีไทย การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผลคะแนน การวัดระดับ IQ และ EQ รวมทั้งการนำความสามารถพิเศษของผู้เข้าประกวดมาใช้ประกอบในการพิจารณาการตัดสินและในปัจจุบันประเทศไทยของเราก็มีเวทีการประกวดความงามอยู่หลักมากนายหลายเวที[150]
เวทีประกวดความงามระดับนานาชาติ โดยคนไทย
การประกวดความงามในประเทศไทย
Remove ads
ดูเพิ่ม
- รายการประกวดความงาม
- การประกวดความงามระดับนานาชาติที่สำคัญ
- ประเทศไทยในการประกวดความงามที่สำคัญ
- รายชื่อตัวแทนประเทศไทยในงานประกวดความงามนานาชาติ
- รายชื่อตัวแทนประเทศไทยในการประกวดชายงามนานาชาติ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads