คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

พระพรหมสิทธิ[1] นามเดิม ธงชัย สุขโข ฉายา สุขญาโณ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ[2] [3] เจ้าคณะภาค 11[4] เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร[5] กรรมการมหาเถรสมาคม[6]

ข้อมูลเบื้องต้น พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขาโณ), ชื่ออื่น ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

พระพรหมสิทธิ นามเดิม ธงชัย สุขโข เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2499 ที่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 5 ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โยมบิดาชื่อ นายเสงี่ยม โยมมารดาชื่อ นางตัน สุขโข หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้เข้ารับการบรรพชา ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นสามเณรธงชัยได้คอยปรนนิบัติรับใช้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จนได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2519 ณ พระอุโบสถ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพรหมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "สุขญาโณ"

หลังจากอุปสมบทก็ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ดูแลงานปกครอง ในขณะเดียวกันยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดสระเกศ เป็นกรรมการตรวจนักธรรมสนามหลวง พระพรหมสิทธินั้นได้เป็นที่เคารพนับถือในหมู่กว้างและเป็นที่ไว้วางใจของพระมหาเถระหลายรูป เช่น สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ทั้งนี้พระพรหมสิทธิได้รับความวางใจให้สนองงานของคณะสงฆ์ในหลาย ๆ โอกาส

10 กุมภาพันธ์ 2558 พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม และเข้ารับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช จากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ณ หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14.00 น.

Remove ads

การต้องอธิกรณ์

24 พฤษภาคม 2561 สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาปลดจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม

19 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ถึง 4 กับอดีตพระพรหมสิทธิ จำเลยที่ 5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ถึง 5 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยในส่วนพระพรหมสิทธิ ให้จำคุก 36 เดือน และปรับ 27,000 บาท แต่ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ไม่เคยกระทำผิดทางวินัย จึงเห็นควรให้รอการลงโทษไว้กำหนด 2 ปี[7] ปัจจุบันพำนักจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

Remove ads

สมณศักดิ์

  • พ.ศ. 2530 ได้รับแต่งตั้งจากพระพรหมคุณาภรณ์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้ดำรงตำแหน่งฐานานุกรมเป็นพระคู่สวด ในฐานานุศักดิ์ที่ พระครูประสิทธิสรคุณ
  • พ.ศ. 2532 เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูพิทักษ์สุวรรณบรรพต[8]
  • 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก ที่ พระสุวรรณเจติยาภิบาล,(สย.)[9]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2544เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชธรรมสาร วิธานสุวรรณเจติยกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[10]
  • 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพสิริภิมณฑ์ โสภณศาสนการ พิพัฒนวิธานสุวรรณเจติยกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[11]
  • 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมสิทธินายก ดิลกธรรมานุยุต ประสุตสุวรรณเจติยกิจ วิสิฐวิเทศศาสนวราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[12]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมสิทธิ กิตติธรรมประยุต วิสุทธิศีลาจาร สุวิธานวรกิจจานุกิจ วิสิฐวิเทศศาสนวราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[13]
  • 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถอดถอนออกจากสมณศักดิ์[14]
  • 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏตามเดิม[15][16]โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน

ปริญญากิตติมศักดิ์ที่ได้รับ

การปกครองบริหารกิจการคณะสงฆ์

Remove ads

หน้าที่พิเศษ

Remove ads

ด้านสาธารณสงเคราะห์

สรุป
มุมมอง

ด้านการศึกษา

ได้สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดสระเกศ เป็นเลขานุการประจำสำนักเรียน ทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมสนามหลวง เพื่อให้พระภิกษุได้บรรยายและแสดงธรรมเป็นประจำ นอกจากนี้ ได้จัดให้พระภิกษุไปสอนศีลธรรมตามโรงเรียนและจัดพระภิกษุผู้ทรงคุณวุฒิไปแสดงปาฐกถาธรรม ให้การฝึกอบรมตามสถานศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ได้มอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรที่สอบนักธรรมและบาลีของสำนักเรียนวัดสระเกศ

ด้านการสาธารณูปการ

ได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ให้ดำเนินการก่อสร้างศาลารับรองและกุฏิ รวมทั้งบูรณปฏิสังขรณ์โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตึกสมเด็จญาโณทยมหาเถระ (พ.ศ. 2501) และเป็นประธานดำเนินการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและหอไตรวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

ด้านการสาธารณสงเคราะห์

ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติตามโอกาสอันควรตลอดมา เช่น ได้มอบเครื่องนุ่งห่ม ให้แก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดารในเขตปกครองหนตะวันออก และมอบปัจจัย อัฐบริขารที่จำเป็นให้แก่พระภิกษุสามเณรที่ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในนามวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

การต่างประเทศ

เป็นพระสงฆ์ที่สนองงานสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ในด้านการต่างประเทศได้ไปเยี่ยมพระธรรมทูตไทยที่ปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศจำนวนหลายครั้ง เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐ ประเทศสวีเดน เป็นต้น และยังเป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ 6 ควบคุมพระธรรมทูตแถบสแกนดิเนเวียและสหรัฐอเมริกา และในคราวที่พระธรรมทูตได้ประสบอุบัติเหตุก็ได้ช่วยเหลือแบบเป็นกันเอง จึงเป็นที่เคารพศรัทธาในวงกว้าง

เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปา

พระพรหมสิทธิ และคณะ เช่น พระเทพโพธิวิเทศ พระราชธีราจารย์ พระวิจิตรธรรมมาภรณ์ พระศรีคุณาภรณ์ และคณะสงฆ์จำนวนมากได้เดินทางไปยังสำนักวาติกัน เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้หารือเกี่ยวกับด้ารการศึกษาของพระสงฆ์ไทยที่ไปต่างประเทศ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่คณะสงฆ์ไทยเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปาถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างศาสนา[18]

งานสาธารณูปการ

  • พ.ศ. 2553 ถวายเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 50 เครื่องให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย รวมเป็นเงิน 4580000 บาท (สี่ล้านห้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
  • พ.ศ. 2554 ถวายหนังสือภาษาบาลี เปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 1000 เล่ม รวมเป็นเงิน 845600 บาท (แปดแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)
  • พ.ศ. 2554 มอบคอมพิวเตอร์ 25 เครื่องแก่โรงเรียนบ้านเขาวง (พระพรหมสิทธิอุปถัมภ์) จังหวัดสระบุรี รวมเป็นเงิน 5984000 บาท (ห้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นสี่พันบาทถ้วน)
  • พ.ศ. 2555 มอบเงินเพื่อสร้างอาคาร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสโณ) ณ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี รวมจำนวนเงิน 12485000 บาท (สิบสองล้านสี่แสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
  • พ.ศ. 2557 มอบเงินเพื่อสร้างอาคาร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เป็นจำนวนเงิน 10000000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads