คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 (อังกฤษ: 2016 UEFA European Football Championship; ฝรั่งเศส: Championnat d'Europe de football 2016) หรือรู้จักกันในชื่อ ยูโร 2016 (Euro 2016) เป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งที่ 15 จัดโดยสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) โดยการแข่งขันรอบสุดท้ายจัดขึ้นที่ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึงวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีทีมลงแข่งขันในรอบสุดท้าย 24 ทีม เปลี่ยนจากการแข่งขันเดิมที่มี 16 ทีม ซึ่งเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อ 1996[2] ภายใต้การจัดการแข่งขันแบบใหม่นั้น จะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม รอบแพ้คัดออกจะมี 3 รอบ และนัดชิงชนะเลิศ โดย 24 ทีมแบ่งเป็น 19 ทีม (แชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มของรอบคัดเลือก 9 กลุ่ม รวมไปถึงทีมอันดับที่ 3 ทีมีคะแนนดีที่สุด), ฝรั่งเศส ซึ่งเข้ารอบอัตโนมัติจากการเป็นเจ้าภาพ และ ทีมจากการแขงขันเพลย์ออฟแบบเหย้า-เยือนของทีมอันดับที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 4 ทีม
ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 หลังจากการจับสลากแบ่งสายการแข่งขัน โดยชนะ ประเทศอิตาลี และ ประเทศตุรกี ในการคัดเลือกเจ้าภาพครั้งนี้[3][4] ซึ่งการแข่งขันจะจัดที่ 10 สนาม ใน 10 เมือง: บอร์โด, ล็องส์, ลีล, ลียง, มาร์แซย์, นิส, ปารีส, แซ็ง-เดอนี, แซ็งเตเตียน และ ตูลูซ โดยการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 ในการเป็นเจ้าภาพของประเทศฝรั่งเศส หลังจากจัดการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1960 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984 ซึ่งทีมชาติฝรั่งเศสเป็นแชมป์ในรายการนี้ 2 ครั้ง คือปี 1984 และ 2000
ทีมที่ชนะเลิศจะได้สิทธิ์เข้าไปแข่งขันใน ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2017 ที่ประเทศรัสเซีย
Remove ads
รอบคัดเลือก
สรุป
มุมมอง

ทีมที่เข้ารอบสุดท้าย
ทีมที่ไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย
การจับสลากรอบคัดเลือกมีขึ้นที่ ปาเลส์ เดส์ กอนเกรส์ อาโกรโปลิส ใน นิส เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557[5] รอบคัดเลือกเริ่มในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557[6] พร้อมกับเพิ่มทีมเป็น 24 ทีม ประเทศกลางในการจัดอันดับจะได้มีโอกาสเข้ารอบสุดท้ายเพิ่มขึ้น
ทีมที่ผ่านเข้ารอบ
- ตัวหนา: ชนะเลิศ, ตัวเอียง: เจ้าภาพ
- ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960–80, สาธารณรัฐเช็ก เข้าสู่รอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์นี้ในฐานะ เชโกสโลวาเกีย
- ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960–88, เยอรมนี เข้าสู่รอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์นี้ในฐานะ เยอรมนีตะวันตก
- ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960–88, รัสเซีย เข้าสู่รอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์นี้ในฐานะ สหภาพโซเวียต และในปี ค.ศ. 1992 ในฐานะ เครือรัฐเอกราช
การจับสลากรอบสุดท้าย
การจับสลากในรอบสุดท้ายมีขึ้นที่ ปาเลส์ เดส์ คอนเกรส์ เด ลา ปอร์เต เมยอต์ ใน ปารีส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558[6][5]
- 5 เจ้าภาพ ฝรั่งเศส (ค่าสัมประสิทธิ์ 33,599) เข้ารอบอัตโนมัติ
- 6 สเปนได้อยู่ในโถที่ 1 อัตโนมัติจากการเป็นแชมป์เก่า
Remove ads
สนามแข่งขัน
สรุป
มุมมอง
ในครั้งแรกนั้น ฝรั่งเศสได้เสนอสนามแข่งขันจำนวน 12 แห่ง ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 หลังจากนั้นได้ลดลงมาเหลือ 9 แห่งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 แต่กลับมาเลือกใช้ 11 สนามในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554[7] และสุดท้าย สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส จะเลือกเพียง 9 สนามที่จะใช้ในการแข่งขันนี้
ซึ่งในส่วนของ 7 สนามแรกที่จะเลือกนั้น ได้แก่ สตาดเดอฟร็องส์ ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทีมชาติฝรั่งเศส, อีก 4 สนามที่สร้างขึ้นใหม่ในลีล, ลียง, นิส และ บอร์โด และสนามในปารีส กับ มาร์แซย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ ส่วนอีก 2 แห่งนั้น หลังจากที่สทราซบูร์ ได้ถอนตัวเนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงิน[8] โดยในการโหวตรอบแรกเลือกล็องส์ และ น็องซี เป็นเมืองที่จัดการแข่งขันแทนแซ็งเตเตียน กับ ตูลูซ โดยจะจัดเป็นสนามแข่งขันสำรองแทน
ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 สนามแข่งขันได้เพิ่มเป็น 11 แห่ง เนื่องจากการแข่งขันใหม่จะมี 24 ทีมเข้าแข่งขัน ต่างจากครั้งก่อนหน้าซึ่งมีเพียง 16 ทีม[9][10] โดยอีก 2 เมืองที่เพิ่มเข้ามาคือแซ็งเตเตียน กับ ตูลูซ อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 น็องซีได้ขอถอนตัวจากการเป็นเมืองที่ใช้ในการแข่งขัน หลังจากมีปัญหาจากการปรับปรุงสนาม[11] ทำให้เหลือ 10 เมืองที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
โดยในการแข่งขันครั้งนี้ สตาดเดอลาโบฌัวร์ ใน น็องต์ กับ สตาดเดอลามอซง ใน มงเปอลีเย (สนามแข่งขันฟุตบอลโลก 1998) ไม่ถูกเลือกใช้จัดการแข่งขัน ซึ่งสนามแข่งขันทั้ง 10 สนามได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการของยูฟ่าในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556[12]
Remove ads
รูปแบบการแข่งขัน
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ผู้เล่น
ในแต่ละทีมชาติสามารถส่งผู้เล่นลงทำการแข่งขันได้ 23 คน โดย 3 คนต้องเป็นผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู และต้องส่งรายชื่อก่อนวันเปิดการแข่งขัน 10 วัน ซึ่งหากมีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บหรือเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ สามารถที่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ก่อนที่จะแข่งขันนัดแรก[13]
รอบแบ่งกลุ่ม
สรุป
มุมมอง
ยูฟ่าได้ประกาศโปรแกรมการแข่งขันออกมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557,[14][15] และได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 หลังจบการจับสลากเสร็จสิ้น.[16] เวลาทั้งหมดเป็นเวลาท้องถิ่น, CEST (UTC+2).
กลุ่มเอ
กลุ่มบี
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กลุ่มซี
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กลุ่มดี
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กลุ่มอี
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กลุ่มเอฟ
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
ตารางคะแนนทีมอันดับที่สาม
Remove ads
รอบแพ้คัดออก
สรุป
มุมมอง
ในรอบแพ้คัดออกนั้น จะมีการต่อเวลาพิเศษ และ การดวลลูกโทษ เพื่อตัดสินผู้ชนะหากเสมอกัน[13]
โครงสร้างของรอบแพ้คัดออก
ในรอบ 16 ทีม ยูฟ่าได้จัดการแข่งขันดังนี้:[53]
- นัดที่ 1: ทีมรองชนะเลิศกลุ่มเอ กับ ทีมรองชนะเลิศกลุ่มซี
- นัดที่ 2: ทีมชนะเลิศกลุ่มดี กับ ทีมอันดับที่สามกลุ่มบี/อี/เอฟ
- นัดที่ 3: ทีมชนะเลิศกลุ่มบี กับ ทีมอันดับที่สามกลุ่มเอ/ซี/ดี
- นัดที่ 4: ทีมชนะเลิศกลุ่มเอฟ กับ ทีมรองชนะเลิศกลุ่มอี
- นัดที่ 5: ทีมชนะเลิศกลุ่มซี กับ ทีมอันดับที่สามกลุ่มเอ/บี/เอฟ
- นัดที่ 6: ทีมชนะเลิศกลุ่มอี กับ ทีมรองชนะเลิศกลุ่มดี
- นัดที่ 7: ทีมชนะเลิศกลุ่มเอ กับ ทีมอันดับที่สามกลุ่มซี/ดี/อี
- นัดที่ 8: ทีมรองชนะเลิศกลุ่มบี กับ ทีมรองชนะเลิศกลุ่มเอฟ
โดยการจัดการแข่งขันจะมีทีมอันดับที่ 3 ที่มีคะแนนดีที่สุด 4 ทีมได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรอบ 16 ทีม:[53]
โอกาสที่เป็นไปได้
โอกาสที่เป็นไปไม่ได้
รอบ 8 ทีมจะจัดการแข่งขันดังนี้:[53]
- นัดที่ 1: ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 1 กับ ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 2
- นัดที่ 2: ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 3 กับ ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 4
- นัดที่ 3: ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 5 กับ ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 6
- นัดที่ 4: ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 7 กับ ผู้ชนะรอบ 16 ทีมนัดที่ 8
รอบรองชนะเลิศจะจัดการแข่งขันดังนี้:[53]
- นัดที่ 1: ผู้ชนะรอบ 8 ทีมนัดที่ 1 v ผู้ชนะรอบ 8 ทีมนัดที่ 2
- นัดที่ 2: ผู้ชนะรอบ 8 ทีมนัดที่ 3 v ผู้ชนะรอบ 8 ทีมนัดที่ 4
รอบชิงชนะเลิศจะจัดการแข่งขันดังนี้:[53]
- ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศนัดที่ 1 v ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2
ภาพรวมการแข่งขัน
Round of 16 | รอบ 8 ทีม | รอบรองชนะเลิศ | รอบชิงชนะเลิศ | |||||||||||
25 มิถุนายน – แซ็งเตเตียน | ||||||||||||||
![]() | 1 (4) | |||||||||||||
30 มิถุนายน – มาร์แซย์ | ||||||||||||||
![]() | 1 (5) | |||||||||||||
![]() | 1 (3) | |||||||||||||
25 มิถุนายน – ล็องส์ | ||||||||||||||
![]() | 1 (5) | |||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
6 กรกฎาคม – ลียง | ||||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
25 มิถุนายน – ปารีส | ||||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
1 กรกฎาคม – ลีล | ||||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
![]() | 3 | |||||||||||||
26 มิถุนายน – ตูลูซ | ||||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
10 กรกฎาคม – แซ็ง-เดอนี | ||||||||||||||
![]() | 4 | |||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
26 มิถุนายน – ลีล | ||||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
![]() | 3 | |||||||||||||
2 กรกฎาคม – บอร์โด | ||||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
![]() | 1 (6) | |||||||||||||
27 มิถุนายน – แซ็ง-เดอนี | ||||||||||||||
![]() | 1 (5) | |||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
7 กรกฎาคม – มาร์แซย์ | ||||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
![]() | 0 | |||||||||||||
26 มิถุนายน – ลียง | ||||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
3 กรกฎาคม – แซ็ง-เดอนี | ||||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
![]() | 5 | |||||||||||||
27 มิถุนายน – นิส | ||||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
![]() | 1 | |||||||||||||
![]() | 2 | |||||||||||||
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
รอบรองชนะเลิศ
รอบชิงชนะเลิศ
Remove ads
สถิติ
สรุป
มุมมอง
ผู้ทำประตู
- 6 ประตู
- 3 ประตู
- 2 ประตู
โรเมลู ลูกากู
ราจา ไนง์โกลัน
อิวัน เพริชิช
มารีโอ ก็อมเม็ส
บอลาฌ จูจาก
ปีร์กีร์ ปียาร์ตนาซอน
คอลเปตน์ ซิคโซร์ซอน
กราซีอาโน เปลและ
ยากุป บวัชต์ชือกอฟสกี
ร็อบบี เบรดี
บอกดัน สตังกู
ฮัล ร็อบสัน-คานู
- 1 ประตู
อาร์มันโด ซาดีคู
อาเลสซันโดร เชิพฟ์
โตบี อัลเดอร์เวเริลด์
มีชี บัตชัวยี
ยานิก เฟร์เรย์รา การ์รัสโก
เอแดน อาซาร์
อักแซล วิตแซล
นีคอลา คาลีนิช
ลูคา มอดริช
อิวัน ราคิทิช
โตมาช แน็ตซิต
มิลัน ชโกดา
เอริก ไดเออร์
เวย์น รูนีย์
แดเนียล สเตอร์ริดจ์
เจมี วาร์ดี
ปอล ปอกบา
เชโรม โบอาเทง
ยูเลียน ดรักซ์เลอร์
ชโคดรัน มุสทาฟี
เมซุท เออซิล
บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์
โซลตาน แกรา
โซลตาน ชตีแบร์
อาดาม ซอล็อย
โยน ตาดี เปิดวาร์ซอน
จิลวี ซีกืร์ดซอน
รักนาร์ ซีกืร์ดซอน
อาร์ตโนร์ อิงกวี เทรยส์ตาซอน
เลโอนาร์โด โบนุชชี
จอร์โจ กีเอลลีนี
แอเดร์
เอมานูเอเล จักเกรีนี
แกเรท มักออลีย์
ไนอัลล์ มักกินน์
รอแบร์ต แลวันดอฟสกี
อาร์กาดียุช มีลิก
แอดืร์
รีการ์ดู กวาแรฌมา
รือนาตู ซังชึช
เวส ฮูลาฮัน
วาซีลี เบเรซุตสกี
เดนิส กลูชาคอฟ
อ็อนเดรย์ ดูดา
มาเร็ก ฮัมชีก
วลาดิมีร์ ไวส์
โนลีโต
ฌาราร์ต ปิเก
อัดมีร์ เมห์เมดี
ฟาเบียน แชร์
แจร์ดัน ชาชีรี
โอซัน ทูฟัน
บูรัค ยึลมัซ
แอรอน แรมซีย์
นีล เทย์เลอร์
แซม โวกส์
แอชลีย์ วิลเลียมส์
- การทำเข้าประตูตัวเอง 1 ครั้ง
ปีร์กีร์ เมาร์ ไซวาร์ซอน (ในนัดที่พบกับฮังการี)
แกเรท มักออลีย์ (ในนัดที่พบกับเวลส์)
เคียรัน คลาร์ก (ในนัดที่พบกับสวีเดน)
รางวัล
- รองเท้าทองคำ
รองเท้าทองคำมอบรางวัลนี้ให้กับ อ็องตวน กรีแยซมาน, ผู้ที่ทำหนึ่งประตูในรอบแบ่งกลุ่มและห้าประตูในรอบแพ้คัดออก.
อ็องตวน กรีแยซมาน – 6 ประตู, 2 แอสซิสต์ (555 นาที)[71]
- รองเท้าเงิน
รองเท้าเงินมอบรางวัลนี้ให้กับ คริสเตียโน โรนัลโด, ผู้ที่ทำสองประตูในรอบแบ่งกลุ่มและหนึ่งประตูในรอบแพ้คัดออก, ตลอดจนรวมทั้งสามแอสซิสต์.
คริสเตียโน โรนัลโด – 3 ประตู, 3 แอสซิสต์ (625 นาที)[71]
- รองเท้าทองแดง
รองเท้าทองแดงมอบรางวัลนี้ให้กับ ออลีวีเย ฌีรู, ผู้ที่ทำหนึ่งประตูในรอบแบ่งกลุ่มและสองประตูในรอบแพ้คัดออก, ตลอดจนรวมทั้งสองแอสซิสต์; เพื่อนร่วมชาติอย่าง ดีมีทรี ปาแย็ต ได้สะสมจำนวนเท่ากัน, แต่ลงเล่นมากกว่า 50 นาทีซึ่งมากกว่า ฌีรู.
ออลีวีเย ฌีรู – 3 ประตู, 2 แอสซิสต์ (456 นาที)[71]
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads