คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สะพานทศมราชัน
สะพานในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สะพานทศมราชัน (อังกฤษ: Thotsamarachan Bridge; ชื่อเดิม: สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9) เป็นสะพานถนนประเภทสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ในเส้นทางของทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีลักษณะเป็นสะพานขึงเสาคู่แห่งแรกของประเทศไทย ขนาด 8 ช่องจราจร ความกว้างประมาณ 42 เมตร ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่คู่ขนานทางด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 สร้างขึ้นเพื่อใช้งานทดแทนสะพานพระราม 9 ที่จะปิดปรับปรุงภายหลังเปิดทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบ และกระทรวงคมนาคมยังกำหนดให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 และพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567 แต่เริ่มเปิดการจราจรเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 คาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้อย่างมากวันละประมาณ 150,000 คัน
Remove ads
ลักษณะของสะพาน
สรุป
มุมมอง
ลักษณะโดยรวม
สะพานทศมราชันออกแบบโดยบริษัท เอพซิลอน จำกัด มีลักษณะเป็นสะพานถนนประเภทสะพานขึงเสาคู่ (Double-Pylon Cable-Stayed Bridge) แห่งแรกของประเทศไทย ตามแนวคู่ขนานทางด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 มีขนาด 8 ช่องจราจร (แบ่งเป็นขาเข้าเมืองและขาออกเมืองฝั่งละ 4 ช่องจราจร) และวัดความกว้างจากขอบสะพานทั้ง 2 ฝั่งรวมได้ประมาณ 42 เมตร ทำให้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย ตัวสะพานจะเริ่มยกระดับจากระดับชั้นที่ 2 ซึ่งสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 10 เมตร ทำให้ผู้ใช้ทางสามารถวิ่งขึ้นและลงสะพานได้สะดวกมากขึ้น เพื่อลดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับสะพานพระราม 9 โดยท้องสะพานมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ 41 เมตร และเสาขึงมีความสูง 87 เมตรเท่ากับสะพานพระราม 9[1] ส่วนความยาวของสะพานนั้นใกล้เคียงกับสะพานพระราม 9 โดยช่วงกลางสะพานมีความยาว 450 เมตร และตัวสะพานมีความยาว 781.20 เมตร
สะพานทศมราชันมีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี ในพื้นที่แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไปเชื่อมต่อกับทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร และบรรจบกับทางแยกต่างระดับบางโคล่ ในพื้นที่แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา เชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานครโดยตรง รวมระยะทางทั้งโครงการจำนวน 2 กิโลเมตร โดยมีการออกแบบตัวสะพานให้สอดคล้องและกลมกลืนโดยไม่โดดเด่นกว่าสะพานพระราม 9[2]
นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยังทำแบบจำลองทางวิศวกรรมของสะพานอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อทดสอบความแข็งแรงของสะพานในขณะที่ถูกกระทำโดยแรงลม ซึ่งผลการทดสอบพบว่า สะพานทศมราชันสามารถรองรับแรงลมได้มากถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด ทำให้สะพานนี้มีความมั่นคงและแข็งแรงมากเพียงพอที่จะสามารถรองรับแผ่นดินไหวหรือพายุได้[3]
การเฉลิมพระเกียรติ
รัฐบาลไทย โดยกระทรวงคมนาคม กำหนดให้สะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) เนื่องในโอกาสมหามงคลทั้งหมด 2 โอกาส คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ผู้ออกแบบจึงมีการออกแบบสะพานให้สื่อถึงพระองค์ในหลายส่วน ดังนี้
- ส่วนยอดของเสาสะพาน เปรียบเสมือนฝ่าพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 10 โดยภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเช่นเดียวกับบนยอดสะพานพระราม 9 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร) ประทานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ด้วยทรงมีพระดำริว่า เพื่อให้ผู้ขับรถใช้ถนนผ่านสะพานแห่งนี้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย[4] โดยมีพิธีประดิษฐานบนยอดเสาฝั่งพระนครเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ปีเดียวกัน[5]
- ตราพระปรมาภิไธยย่อ วปร. บนคานสะพานจำนวน 4 ตำแหน่ง ซึ่งต่อมาได้ปรับเล็กน้อย โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มาประดับสะพานแทน ทั้งหมด 6 ตรา แบ่งเป็นตราขนาดใหญ่ประดับบนคานสะพาน 4 ตำแหน่ง และตราขนาดเล็กประดับบนป้ายชื่อสะพานอีก 2 ตำแหน่ง ซึ่งดำเนินการเมื่อวันที่ 7–24 ตุลาคม พ.ศ. 2567[6]
- สายเคเบิลสีเหลือง สีประจำวันจันทร์ วันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 10
- ประติมากรรมพญานาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมะโรง นักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 10 คือ พ.ศ. 2495
- เสาขึงรั้วกันกระโดด สื่อถึงต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เป็นต้น[7]
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสะพานแห่งนี้ว่า "ทศมราชัน" หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานด้วยพระองค์เอง โดยเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ให้ตรงกับพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ[8] แต่ต่อมาได้เลื่อนออกไปตามสถานการณ์การก่อสร้างสะพาน ก่อนจะมีหมายกำหนดการออกมาในเวลาต่อมาว่าจะเสด็จมาทรงเปิดสะพานในวันที่ 14 ธันวาคม[9]
สีไฟประดับสะพาน
ภายหลังการก่อสร้างสะพานทศมราชันทั้งในด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรมได้เสร็จสิ้นลงตามสัญญาจ้างก่อสร้างหลักแล้ว ในเวลาต่อมา ยังมีการประดับไฟไดโอดเปล่งแสงเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานอีกด้วย โดยไฟเหล่านี้จะเปลี่ยนสีตามวาระเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสีมีความหมาย ดังนี้
- สีทอง แสดงถึง การตั้งมั่นในศีลและธรรม
- สีขาว แสดงถึง ความมีตบะ
- สีฟ้า แสดงถึง ความอ่อนโยน
- สีชมพู แสดงถึง การให้ การบริจาค
- สีส้ม แสดงถึงความซื่อตรง ไม่เบียดเบียน[10]
ไฟประดับสะพานนี้เปิดให้ประชาชนได้ชมในเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยเริ่มจากวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งมีการเปิดไฟสีฟ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[11]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
การก่อสร้าง

สะพานทศมราชัน รับเหมาก่อสร้างโดยบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)[12] โดยมีการลงนามในสัญญารับเหมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562[13] และเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ใช้เวลาการก่อสร้าง 1,170 วัน (ประมาณ 39 เดือน) ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 6,636,192,131.80 บาท[14] โดยเริ่มลงเสาเข็มเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีเดียวกัน[12] จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น เป็นประธานประกอบพิธีเทคอนกรีตจุดสุดท้ายเชื่อมต่อสะพานอย่างเป็นทางการ (Final Casting Ceremony) ทำให้โครงสร้างของสะพานขึงเชื่อมกัน 100% จากนั้นได้ทำการลาดยาง ตีเส้นผิวการจราจร เก็บรายละเอียดโครงสร้างเล็กน้อย รวมถึงการตกแต่งสถาปัตยกรรมเบื้องต้น เช่น การติดตั้งประติมากรรมพญานาค[15] จนแล้วเสร็จตามสัญญาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม[16] จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบสะพานส่วนต่าง ๆ[17] รวมถึงติดตั้งระบบไฟประดับสะพาน[18]
อย่างไรก็ตาม สะพานแห่งนี้ยังขาดทางขึ้น-ลงทางฝั่งธนบุรี ซึ่งการก่อสร้างอยู่นอกเหนือจากสัญญาการก่อสร้างสะพาน และติดปัญหาการรื้อย้ายแนวท่อประปา และระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดจ่ายไฟฟ้าหล่อเลี้ยงให้กับพื้นที่ย่านใจกลางทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร คือช่วงถนนสาทรถึงถนนสีลม ประกอบกับมีพื้นที่ทำงานที่จำกัด ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำงาน ทำให้การก่อสร้างทางขึ้น-ลงสะพานล่าช้า[19] จึงยังไม่สามารถเปิดการจราจรบนสะพานได้ในทันที โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเปิดการจราจรบนสะพานในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567[17] ก่อนที่ต่อมาจะเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม[20] เดือนกรกฎาคม เดือนตุลาคม[21] และเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ตามลำดับ[6]
พิธีเปิด

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17:25 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานทศมราชัน และทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของสะพาน[22] จากนั้นมีมหกรรม "สุขเต็มสิบ" ประกอบด้วยมหกรรมเฉลิมฉลองบนสะพานเมื่อวันที่ 10–19 มกราคม พ.ศ. 2568[23] และมหกรรมการเดินวิ่งเมื่อวันที่ 26 มกราคม[24]
หลังจากเสร็จสิ้นมหกรรมสุขเต็มสิบทั้ง 2 ส่วนแล้ว กระทรวงคมนาคมจึงเปิดการจราจรทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก เป็นส่วนแรก เฉพาะขาเข้าจากด่านสุขสวัสดิ์ ผ่านสะพานทศมราชัน ถึงทางแยกต่างระดับบางโคล่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 09:09 น. โดยมีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานปล่อยรถคันแรกเข้าสู่ด่านสุขสวัสดิ์ ก่อนจะเปิดการจราจรในฝั่งขาออกในเวลาต่อมา ซึ่งการเปิดสะพานทศมราชันในช่วงแรกจะยังไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านตัวสะพานโดยตรง แต่ยังเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ทั้งบริเวณด่านสุขสวัสดิ์และด่านบางโคล่ ที่อัตรา 50 บาทตามเดิม[25]
หลังจากนั้นเมื่อการก่อสร้างทางพิเศษตลอดสายเสร็จสิ้น จะเปิดทางพิเศษตลอดสายอย่างเต็มรูปแบบภายในปลายปีเดียวกัน และเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมผ่านตัวสะพานโดยตรงเพิ่มที่ 10 บาท ก่อนปิดซ่อมบำรุงสะพานพระราม 9 ครั้งใหญ่เป็นระยะเวลา 1 ปี และหลังจากเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงแล้วจะกลับมาเปิดให้ใช้ได้อีกครั้งทั้ง 2 สะพาน[26]
Remove ads
กิจกรรม
สรุป
มุมมอง
Luck Lock Love รักล้นสะพาน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเปิดสะพานทศมราชัน (ขณะนั้นชื่อชั่วคราวคือ สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9) จัดกิจกรรม "Luck Lock Love รักล้นสะพาน" ขึ้น ในระหว่างวันที่ 14–18 และ 23–25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เพื่อฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปีของกระทรวงคมนาคม โดยมีกิจกรรมหลักคือการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่รักที่ลงทะเบียนล่วงหน้าจำนวน 111 คู่ ตามจำนวนปีครบรอบของกระทรวงคมนาคม[27] ซึ่งในวันแรกที่มีการจัดกิจกรรม มีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสบนสะพานจำนวน 45 คู่[28]
สุขเต็มสิบ
หลังจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานทศมราชันเรียบร้อยแล้ว การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้จัดงาน "สุขเต็มสิบ" เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว โดยแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม ดังนี้[29]
- ส่วนที่ 1 เป็นมหกรรมเฉลิมฉลอง โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมและถ่ายรูปสะพาน ถ่ายรูปคู่กับหมูเด้ง รวมถึงเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก และรับประทานอาหารเย็นบนสะพาน และการแสดงดนตรีของศิลปินต่าง ๆ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10–19 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 16:00 – 22:00 น.[23] โดยมีผู้เข้าร่วมงานในส่วนนี้ทั้งหมด 201,072 คน
- ส่วนที่ 2 เป็นมหกรรมการเดินวิ่ง ระยะทาง 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับกิจกรรม "วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ" ในคราวเปิดสะพานพระราม 9 โดยปรับชื่อกิจกรรมจากเดิมที่ใช้ชื่อว่า "วิ่งข้ามเวลา สู่อนาคต" และเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมที่จัดในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567[30] จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2568 เปิดสะพานตั้งแต่เวลา 03:00 น. และเริ่มปล่อยขบวนวิ่งในเวลา 05:00 น. โดยมีผู้เข้าร่วมงานในส่วนนี้มากกว่า 120,000 คน[24]
ข้อมูลทั่วไป
- วันที่เริ่มการก่อสร้าง : วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020)
- วันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ : วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023)
- วันที่ทำพิธีเปิดสะพาน : วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024)
- วันเปิดการจราจร : วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025)
- บริษัทที่ทำการก่อสร้าง : บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
- ราคาค่าก่อสร้าง : 6,636,192,131.80 บาท
- แบบของสะพาน : สะพานขึงเสาคู่
- ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง : 41 เมตร (135 ฟุต)
- ความยาวของสะพาน : 781.20 เมตร (2,563.0 ฟุต)
- รวมความยาวทั้งหมด : 2 กิโลเมตร (1.2 ไมล์)
- จำนวนช่องทางจราจร : 8 ช่องทางจราจร
- ความกว้างสะพาน : 42 เมตร (138 ฟุต)
Remove ads
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads