คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

รองนายกรัฐมนตรีไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
Remove ads

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (เกิด 10 ธันวาคม พ.ศ. 2497) ชื่อเล่น อ๊อฟ เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตรและรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลชวน หลีกภัย อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ข้อมูลเบื้องต้น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจม.ป.ช. ม.ว.ม., รักษาการนายกรัฐมนตรี ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

สุริยะเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ที่กรุงเทพมหานคร (จังหวัดพระนครในขณะนั้น) เป็นบุตรของนายอาฮง แซ่จึง และนางม้วยเซียง (แซ่เดิมคือ "แซ่โป่ว" หรือ "แซ่หวัง") มีพี่น้องอีก 4 คน รวม 5 คน แบ่งเป็นพี่ 3 คน คือ สรรเสริญ จุฬางกูร, พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (เสียชีวิตแล้ว), โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ และน้องสาวคืออริสดา จึงรุ่งเรืองกิจ

สุริยะจบการศึกษาระดับ มศ.3 ในปี พ.ศ. 2513 ที่โรงเรียนเซนต์จอห์น จากนั้นจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร โดยสุริยะเข้าศึกษาเป็นเวลาครึ่งปี แต่ด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นทำให้สุริยะเปลี่ยนแผนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศแทน จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมอุตสาหการ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2521

นอกจากนี้ปี พ.ศ. 2538 เข้าศึกษาและสำเร็จการศึกษาได้รับวุฒิปริญญาบัตรที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับทนง พิทยะ, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และพิสิฐ กุศลาไสยานนท์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ของการบินไทย เป็นต้น[1]

ชีวิตส่วนตัว สมรสกับสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ มีบุตรชาย 1 คน คือ ศาตนันท์ จึงรุ่งเรืองกิจ

สุริยะมีศักดิ์เป็นอาของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นอกจากนี้ยังมีศักดิ์เป็นอาของพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ในสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาลทักษิณ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ได้มีผลงานคือ การจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนารัฐวิสาหกิจให้เป็นองค์กรหลักในการกอบกู้เศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ประเทศ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย [2]

ในปี พ.ศ. 2545 ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายชัก วิลเลียมสัน ประธานกรรมการบริษัทยูโนแคล คอร์ปอเรชั่น ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ระหว่าง ปตท. จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ยูโนแคลไทยแลนด์ จำกัดบริษัทมิตซุยออยล์เอ็กซพลอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งเอราวัณ และแหล่งยูโนแคล 2/3 ทั้งนี้ส่งผลให้สามารถประหยัดค่าก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณ มูลค่าประมาณ 5,293 ล้านบาท และจากแหล่งยูโนแคล 2/3 ประมาณ 5,001 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 10,294 ล้านบาท ตลอดอายุสัมปทาน สามารถช่วยภาคไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตเป็นต้นทุน[3]

ในสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2545 หลังจากการปรับคณะรัฐมนตรี ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าวมติชนเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เป้าประสงค์การทำงานช่วงนั้นคือ การเข้าไปดูแลและดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ ผลักดันให้การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จตามแผนที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ จะเข้าไปดูระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระบบขนส่งมวลชน ผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการคมนาคม คือ การดูแลเรื่องการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ อย่างการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย,การปราบปรามทุจริตในการจัดเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง[4]

ในปี พ.ศ. 2545 การเร่งรัดการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , การสนับสนุนให้มีการก่อสร้างระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายใต้ ตอน S1 , การเร่งรัดการเปิดดำเนินการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)[5]

นโยบาย Low Cost Airlines หรือสายการบินราคาประหยัด ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของการเดินทางทางอากาศของประเทศ โดยเป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางของประชาชนมากขึ้น ทำให้วงจรเศรษฐกิจ การติดต่อธุรกิจหมุนเร็วขึ้น อันเป็นผลทางตรงอละทางอ้อมต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และเกิดการสร้างงานในธุรกิจการบิน เช่น โครงการนักบินเอื้ออาธร โครงการแอร์โฮสเตสเอื้ออาธร[6]

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีคดีทุจริตเครื่องตรวจสัมภาระภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ CTX9000 ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น[7]

Remove ads

การทำงาน

สรุป
มุมมอง

การเมือง

สุริยะเริ่มดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกคือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ในปี พ.ศ. 2541 ในโควตาพรรคกิจสังคม โดยได้รับการสนับสนุนจากมนตรี พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ต่อมาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายกระทรวงในช่วงที่สมศักดิ์ เทพสุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ในเวลาต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 สุริยะได้เข้าร่วมพรรคไทยรักไทยที่มี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค โดยสุริยะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 12 และได้รับเลือกตั้ง ต่อมาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมสมัยแรกเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ในรัฐบาลสมัยแรกของทักษิณ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2545 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคไทยรักไทย สุริยะได้รับเลือกตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรค แทน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปีเดียวกัน สุริยะถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยแรก ก่อนจะกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นสมัยที่ 2 ในรัฐบาลทักษิณ 2 ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 ก่อนพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากรัฐบาลทักษิณ 2 ถูกรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549

ปี พ.ศ. 2550 สุริยะได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549[9] ระหว่างถูกตัดสิทธิ์ สุริยะได้เข้าร่วมแถลงข่าวเปิดตัวพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 ที่โรงแรมสยามซิตี้ โดยร่วมกับแกนนำ อาทิชวรัตน์ ชาญวีรกูล, บุญจง วงศ์ไตรรัตน์, โสภณ ซารัมย์, ศุภชัย ใจสมุทร และพรทิวา นาคาศัย

พรรคพลังประชารัฐ

หลังพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง กระทั่งวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561 สุริยะในฐานะหัวหน้ากลุ่มสามมิตร ซึ่งประกอบด้วยสุริยะ, สมศักดิ์ เทพสุทิน และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ประกาศเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ และภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 สุริยะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นสมัยที่ 3 ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พรรคเพื่อไทย

สุริยะและกลุ่มสามมิตรได้ย้ายกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ก่อนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 จะเกิดขึ้น ต่อมาเขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นสมัยที่ 2 ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในปี พ.ศ. 2566[10] และต่อมาในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง[11] และดำรงตำแหน่งทั้ง 2 ตำแหน่งต่อเนื่องในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร[12]

รักษาการนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจากกรณีการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างไทย–กัมพูชา และภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเดิมเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากถูกปรับออกจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และต้องรอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเข้ารับหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมกับรัฐมนตรีใหม่คนอื่น ๆ ในวันที่ 3 กรกฎาคม เสร็จสิ้นก่อน ทำให้สุริยะซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 2 ขึ้นมารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี[13] โดยวันที่ 2 กรกฎาคม สุริยะได้ลงนามแต่งตั้งภูมิธรรมให้กลับมารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีแทนตนอีกครั้ง โดยมีผลหลังจากการเข้ารับหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น สุริยะจึงรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพียง 2 วัน คือตั้งแต่วันที่ 1–3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568[14] โดยวันที่ 3 กรกฎาคม สุริยะได้นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่เมื่อเวลา 11:11 น.[15] และในเวลา 13:00 น. มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ โดยวาระแรกสุริยะเป็นประธานการประชุม เพื่อจัดเรียงลำดับการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ซึ่งภูมิธรรมอยู่ในลำดับที่ 1[16] จึงทำให้สุริยะสิ้นสุดการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีหลังจบวาระนี้ และภูมิธรรมเริ่มขึ้นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระที่เหลือเป็นต้นมา[17] จนถึงปัจจุบัน

Remove ads

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เชิงอรรถ

  1. แพทองธาร ชินวัตร ได้ยุติปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ตามมติของศาลรัฐธรรมนูญ และคณะรัฐมนตรีมีมติให้สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการแทน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ในวันที่ 3 กรกฎาคม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads