คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

มาตราชั่งตวงวัดของไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

มาตราชั่งตวงวัดของไทย หรือ มาตราชั่งตวงวัดตามประเพณีของไทย เป็นหลักในการวัด ความยาว น้ำหนัก พื้นที่ ปริมาตร ซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณในประเทศไทย จวบจนกระทั่งมีการตรา พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ ขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว[1] ประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนมาใช้หน่วยวัดระบบเมตริก (ปัจจุบันได้ถูกแทนที่ด้วยหน่วยเอสไอ) เป็นมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2466[2] ทั้งยังกำหนดให้หน่วยวัดตามประเพณีทุกหน่วยมีค่าอ้างอิงไปถึงหน่วยวัดระบบเมตริก เช่น กำหนดให้ความยาว 1 เส้น เท่ากับ 40 เมตร เป็นต้น อนึ่ง มาตราชั่งตวงวัดไทยบางหน่วยยังคงมีใช้จนถึงปัจจุบัน เช่นหน่วย ไร่ และ ตารางวา แต่ก็ล้วนอ้างอิงไปถึงหน่วยวัดระบบเมตริกทั้งสิ้น[3]

ก่อนการใช้การวัดระบบ เอสไอ/เมตริก การวัดแบบดั้งเดิมที่ใช้ในประเทศไทยใช้หน่วยวัดที่อ้างอิงกับสัดส่วนของมนุษย์ หน่วยเหล่านี้บางส่วนยังคงใช้งานอยู่ เมื่อกรมแผนที่ทหารเริ่มการสำรวจรังวัดที่ดินในปี พ.ศ. 2439 ผู้อำนวยการภายใต้ทุนวิจัยพื้นฐานของราชสมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหราชอาณาจักร (F.R.G.S.), RW Giblin กล่าวว่า "40 เมตร หรือ 4,000 เซนติเมตร นั้นมีขนาดเท่ากับหนึ่งเส้น" ดังนั้นแผนที่ที่ดินทั้งหมดจะถูกรังวัด, วาดและพิมพ์ลงในอัตราส่วน 1: 4,000[4] ในการวัดขนาดพื้นที่ยังคงใช้หน่วยตารางวา, งาน และไร่

Remove ads

มาตราชั่งตวงวัดของไทยในประวัติศาสตร์และวรรณคดี

สรุป
มุมมอง

หน่วยของไทยมีปรากฏทั้งในประวัติศาสตร์และวรรณคดีดังนี้

พระราชพิธีสิบสองเดือน

พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[5] มีข้อความต่อไปนี้อยู่ “เสาโคมชัยใช้ไม้ยาว 11 วา” (พระราชพิธีจองเปรียง) “เกยสูง 4 ศอก ไม้ยาว 4 ศอก” (พิธีกะติเกยา) “ศิวลึงค์ตั้งอยู่บนฐานที่เรียกว่าโยนิ สูงตั้งแต่ 5 นิ้ว 6 นิ้ว ขึ้นไปจน 2 ศอก เศษ 2 ศอก” (พิธีศิวาราตรี) “ใช้ผ้าลายหกคืบผืน 1 ห้าคืบผืน 1 สี่คืบผืน 1” (พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัล) จะเห็นว่า หน่วยในหน่วยของไทยมี วา ศอก นิ้ว คืบ

หนังสือ มังรายศาสตร์

แปลโดย ดร.ประเสริฐ ณ นคร [6] มีข้อความเช่น “คนจะหลีกช้าง หลีกให้ไกล 30 วา 20 วา ผิช้างดุ ให้หลีกให้ไกล 110 วา 50 วา ผิหลีกม้าให้ไกล 1 วา 2 วา ผิงัวควายดุให้หลีกให้ไกล 3 วา 4 วา 5 วา 6 วา” มีหน่วยวัดเป็น วา

โคลงโลกนิติ

มีหน่วยวัดหลายที่ เช่น “ช้างสารหกศอกไซร้ เสียงา” “ขุนเขาสูงร้อยโยชน์ คณนา” “ภุมราอยู่ไกลสถาน นับโยชน์ ก็ดี” เป็นต้น มีหน่วย ศอก โยชน์ [7]

พจนานุกรมศัพท์วรรณคดีไทยสมัยสุโขทัย ไตรภูมิกถา

มีหน่วยวัดเช่น “ต้นกัลปพฤกษ์นั้นโดยสูงได้ 10 วา 2 ศอก โดยกว้างได้ 10 วา” “ชั้นฟ้าอันชื่อว่าดุสิดานั้นขึ้นไปเบื้องบนได้ 2,688,000,000 วา ผิแลจะคลนาด้วยโยชน์ได้ 336,000 โยชน์ จนถึงชั้นฟ้าอันชื่อว่านิมมานรดีนั้น” มีหน่วย วา ศอก โยชน์[8]

พงศาวดารโยนก

มีข้อความ “สร้างพระมหาสถูป ณ เมืองเชียงแสน ซึ่งเรียกว่าวัดต้นแก้ว ก่อฐานพระเจดีย์กว้าง 15 วา สูง 1 เส้น 5 วา” “พระยาเมงรายได้ฟังคำอธิบายของสมเด็จพระร่วงเจ้าดังนั้น จึงตรัสว่า ข้าแต่สหายเจ้าทั้งสอง ผิดังนั้นเราจะตั้งล่วงแป (ด้านยาว) 1000 วา ล่วงขื่อ (ด้านสกัด) 400 วา เถิด” เป็นต้น มีหน่วย วา เส้น[9]

ดังนั้นตามที่ทราบกัน หน่วยวัดของไทยที่ใช้กันมาแต่เดิมมี ศอก วา คืบ นิ้ว โยชน์ เส้น ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเหล่านี้ก็คือ 12 นิ้วเป็น 1 คืบ, 2 คืบเป็น 1 ศอก, 4 ศอกเป็น 1 วา, 20 วาเป็น 1 เส้น, และ 400 เส้นเป็น 1 โยชน์

Remove ads

มาตราชั่วตวงวัดของไทยกับต่างประเทศ

สรุป
มุมมอง

นิ้วของไทยก็ไม่เท่ากับ นิ้วของฝรั่งที่บอกว่าเป็นความยาวของข้าวบาร์เลย์ 3 เมล็ดเรียงกัน และก็ไม่เท่ากับ นิ้วมาตรฐานในหน่วยอังกฤษปัจจุบัน แต่นิ้วของไทยนั้นใช้ความยาวเท่ากับ ข้อปลายของนิ้วกลาง [10] ซึ่งนิ้วของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ดังนั้นจะเอามาตรฐานแบบความยาวทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่ได้ เรื่องความยาวนิ้วที่สัมพันธ์กับเมล็ดข้าวนั้น ใน “สารานุกรมพระพุทธศาสนา” ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส [11] ก็มีกล่าวถึงเช่นกันว่า “7 เม็ดข้าวเป็น 1 นิ้ว” และมีข้อความระบุไว้ว่า “ได้เอาข้าวเหนียวทั้งเปลือกเรียงเทียบนิ้ว ข้าวเหนียวดำโตไป เพียง 6 เมล็ดก็ได้นิ้วหนึ่ง ข้าวเหนียวขาว 7 เมล็ดพอดี แต่เศษของนิ้วแบ่ง 8 สะดวกกว่า” ที่ไม้บรรทัด สเกลเป็นนิ้วก็มีแบ่งเป็น 8 ส่วนด้วย นอกเหนือจากที่มีแบ่งเป็น 10 ส่วนแล้ว และหน่วยของไทยก็มีการใช้ขนาดที่เรียกว่า หุน ซึ่ง 8 หุนเท่ากับ 1 นิ้ว ถ้าพูดว่าท่อน้ำขนาด 4 หุนก็คือท่อขนาดครึ่งนิ้ว หน่วยหุนนี่เข้าใจว่ามาจากหน่วยของจีน

คำที่ตรงกับคำว่านิ้วมีอยู่คำหนึ่งคือ องคุลี (หมายถึงองคุลีมาล ซึ่งฆ่าคนเอานิ้วมาร้อยเป็นสร้อยคอแขวนไว้) ในนิราศภูเขาทอง ของสุนทรภู่ [12] ก็มีบทที่เกี่ยวกับขนาดความยาวเป็นองคุลีหรือนิ้วอยู่ คือ บทที่ว่า

งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว
ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง”

แสดงว่าหนามงิ้วนั้นยาวมาก ยาว 16 นิ้ว และคงอยู่ติด ๆ กัน เพราะถ้าอยู่ห่าง ๆ กัน คนที่ตกนรกโดนปีนต้นงิ้วคงเหยียบปีนได้สบาย

คำกล่าวของไทยอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับขนาดก็มีว่า ร่างกายของคนเรานั้น กว้างศอก ยาววา หนาคืบ

Remove ads

หน่วยความยาวขนาดใหญ่

สำหรับหน่วยที่ยาวเกินวาของไทยมีคำว่า เส้น กับ โยชน์ นั้น คำว่าโยชน์นี้เป็นขนาดความยาวที่มาก ๆ ของไทย เคยถูกนำไปใช้เวลาแปลชื่อเรื่อง 20,000 leagues under the sea ของจูลส์ เวิร์น ไทยโบราณที่ใช้กันก็คงมีแค่ เส้น กับ โยชน์ แต่ในหนังสือ สารานุกรมพระพุทธศาสนา ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส [11] ยังกล่าวถึงหน่วยอื่นอีก คือ

25 วาเป็น 1 อสุภะ 80 อสุภะ เป็น 1 คาวุต 4 คาวุต เป็น 1 โยชน์

และ 4 ศอกเป็น 1 ธนู 500 ธนูเป็น 1 โกสะ 4 โกสะเป็น 1 คาวุต 4 คาวุตเป็น 1 โยชน์

หน่วยความยาวขนาดเล็ก

หน่วยความยาวที่เล็กกว่า นิ้ว มีการรับรู้กันว่ามีขนาดที่เรียกว่า กระเบียด โดย 4 กระเบียด เท่ากับ 1 นิ้ว บางแห่งมีคำว่า อนุกระเบียด คือ 2 อนุกระเบียด เท่ากับ 1 กระเบียด

ไม่มีหน่วยความยาวที่เล็กกว่านี้อีก แต่มีคำสำหรับใช้เรียกวัตถุที่มีขนาดเล็กมากเกินกว่าที่จะตรวจวัดได้โดยสายตา เช่น ธุลี (ละออง, ฝุ่น) อนุภาค (ชิ้นหรือส่วนขนาดเล็กมาก, ในทางวิทยาศาสตร์มักใช้เรียกส่วนที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอม เช่น อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา ภาษาอังกฤษใช้ว่า particle) อณู (ส่วนของสารที่ประกอบด้วยปรมาณู) และมีคำ ปรมาณู ซึ่งกำหนดไว้ว่า 36 ปรมาณู เป็น 1 อณู[10]

และมีหน่วยความยาวที่เล็กมาก ๆ อีกหน่วนหนึ่งคือ ห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ซึ่งในพจนานุกรมบอกว่าเป็นสำนวนภาษาพูด หมายถึงห่างกันนิดเดียว และ สำนวน เส้นยาแดงผ่าแปด หมายถึง เฉียดฉิว ซึ่งคำว่า ยาแดง ในที่นี้ คงหมายถึงยาสูบชนิดหนึ่งของจีน เส้นแดง ซึ่งเป็นเส้นขนาดเล็ก ๆ อยู่แล้ว เอามาผ่าแปดส่วนอีก ขนาดก็ยิ่งเล็กลงไป บางทีก็ใช้คำว่า เส้นผมผ่าแปด

Remove ads

รายการมาตราชั่งตวงวัดของไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อ, ย่อ ...
Remove ads

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads