คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

หมู่บ้านญี่ปุ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

หมู่บ้านญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: アユタヤ日本人町, อักษรโรมัน: Ayutaya Nihonjin-machi) เป็นชุมชนทางชาติพันธุ์ญี่ปุ่นในอดีต (นิฮมมาจิ) นอกเมืองหลวงของอาณาจักรอยุธยาที่เจริญรุ่งเรืองในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันอยู่ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา หันหน้าเข้าหาหมู่บ้านโปรตุเกสที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ และอยู่ติดกับหมู่บ้านอังกฤษและหมู่บ้านดัตช์[1] เชื่อกันว่ามีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ประมาณ 1,000 ถึง 1,500 คน (ไม่รวมทาสและแรงงานผูกมัดที่เป็นชาวพื้นเมือง เช่น ชาวไท) ในหนังสือญี่ปุ่น ชามุ-โคกุฟูโดกุงกิ (暹羅国風土軍記) ประมาณการว่ามีผู้มีเชื้อชาติญี่ปุ่นถึง 8,000 คนในศักราชคังเอ (ค.ศ. 1624–1644) ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้เป็นทหารรับจ้าง, พ่อค้า, ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ และทาสชาวไทย

ข้อมูลเบื้องต้น ก่อตั้ง, ที่ตั้ง ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
ภาพยามาดะ นางามาซะ

แม้ว่าชุมชนนี้อาจก่อตั้งขึ้นประมาณคริสต์ทศวรรษ 1300 ในช่วงความปั่นป่วนทางการเมืองยุคเซ็งโงกุ โรนิง (ซามูไรที่ไม่มีเจ้า) เริ่มอพยพ หมู่ ออกจากญี่ปุ่นไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจีนสมัยราชวงศ์หมิงห้ามการค้าและเดินทางระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยอยู่ในช่วงสูงสุดหลังยุทธการที่เซกิงาฮาระ อาณาจักรอยุธยาหลังประสบความพ่ายแพ้ทางทหารกับจักรวรรดิตองอู หวังที่จะจ้างซามูไรที่มีประสบการณ์ทางทหารเป็นทหารรับจ้าง ซึ่งนำไปสู่การอพยพเข้าของชาวญี่ปุ่น พร้อมกับการจ้างกองกำลังทหารปืนชาวโปรตุเกส แต่ทหารรับจ้างชาวโปรตุเกสมักถูกคัดค้านเพราะฝ่ายตองอูก็จ้างกองกำลังทหารโปรตุเกสด้วย[2] เพื่อแก้ปัญหานี้ พวกเขาจึงต้องจ้างชาวญี่ปุ่นมาแทน

ทหารรับจ้างญี่ปุ่นเริ่มเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 200–800 คน และเริ่มมีอิทธิพลทางการเมืองด้วย อำนาจของชาวญี่ปุ่นเหล่านี้สามารถพบได้ในกฎหมายตราสามดวง ทหารรับจ้างชาวญี่ปุ่นมักอยูในระดับพระยา[2] โดยยามาดะ นางามาซะเป็นหนึ่งในพระยาที่ได้ตำแหน่งนี้จากทักษะศิลปะการต่อสู้และได้รับความชื่นชมจากสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

ชาวคริสต์ในชุมชน

มีชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมากหลังการกดขี่ชาวคริสต์ของรัฐบาลโชกุน เพราะอยุธยาแทบไม่มีการกดขี่ทางศาสนา อังตอนียู ฟรังซิชกู การ์ดิง มิชชันนารีชาวโปรตุเกสที่มาเยี่ยมชมบริเวณนี้กล่าวว่าตนได้ทำพิธีศักดิ์สิทธิ์แก่ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ประมาณ 400 คนใน ค.ศ. 1627[3]

ยุบเลิก

ใน ค.ศ. 1629 สมเด็จพระเจ้าปราสาททองพยายามตัดอิทธิพลญี่ปุ่นด้วยการเปลี่ยนเส้นทางการค้า ยามาดะ นางามาซะ ผู้นำหมู่บ้านญี่ปุ่นในขณะนั้นและผู้ต่อต้านการครองราชย์ของปราสาททอง ถูกส่งไปเป็นผู้ว่าการนครศรีธรรมราชหลังเจ้าหน้าที่สยามคนอื่น ๆ ต่อต้านเขา[4] ที่อยู่อาศัยนี้พบกับจุดจบใน ค.ศ. 1630 เมื่อนางามาซะถูกลอบสังหาร ที่อยู่อาศัยถูกเผาทิ้ง และผู้อยู่อาศัยถูกฆ่าโดยเฉกอะหมัด ภายใต้ข้ออ้าง "ทำกิจกรรมที่เป็นกบฏ" ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงหลบหนีไปที่จักรวรรดิเขมร[5]

ใน ค.ศ. 1633 ชาวญี่ปุ่นประมาณ 400 สามารถก่อตั้งที่อยู่อาศัยใหม่ในอยุธยา โชกุนได้ตีพิมพ์พระราชกฤษฎีกาซาโกกุหัวข้อนางาซากิบูเกียวที่ห้ามผู้คนอพยพไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสั่งให้ผู้ที่ย้ายไปแล้วให้กลับมาที่ญี่ปุ่น เมื่อเส้นทางการค้าถูกตัด อิทธิพลและจำนวนชาวญี่ปุ่นจึงลดลงด้วย และเมื่อสูญเสียสถานะทางทหารและอำนาจ ชาวญี่ปุ่นจึงเริ่มทำงานเป็นนายหน้าหรือพ่อค้าดีบุก (ซึ่งพบมากในภาคใต้ของไทย) ชุมชนญี่ปุ่นที่ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่น่าจะอยู่ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18[6] และผู้อยู่อาศัยถูกดูดกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งกับชาวไทย[7]

สถานะปัจจุบัน

ปัจจุบันไม่มีสิ่งก่อสร้างใดในหมู่บ้านญี่ปุ่นหลงเหลือเลย แต่มีสวนอนุสรณ์ที่ข้างในมีอนุสรณ์รำลึกและพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก[1]

ภาพ

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads