คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางและเป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ[3] และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เคยมีชื่อเสียงเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีอำเภอเมือง แต่มี อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกอีกชื่อว่า "กรุงเก่า" หรือ "เมืองกรุงเก่า" ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 75 กิโลเมตร
Remove ads
ประวัติศาสตร์
สรุป
มุมมอง

พระนครศรีอยุธยาเคยเป็นราชธานี (เมืองหลวง) ของอาณาจักรอยุธยา หรืออาณาจักรสยาม ตลอดระยะเวลา 417 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1893 กระทั่งเสียกรุงแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310 ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงธนบุรี กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้าง ยังมีคนที่รักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่และมีราษฎรที่หลบหนีไปอยู่ตามป่ากลับเข้ามาอาศัยอยู่รอบ ๆ เมือง รวมกันเข้าเป็นเมือง จนทางการยกเป็นเมืองจัตวาเรียกว่า "เมืองกรุงเก่า"
เมื่อ พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยกเมืองกรุงเก่าขึ้นเป็น หัวเมืองจัตวา เช่นเดียวกับในสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยการปกครองส่วนภูมิภาคนั้น โปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้น โดยให้รวมเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกัน 3-4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดยในปี พ.ศ. 2438 โปรดให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี พระพุทธบาท ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองอินทร์บุรีและเมืองพรหมบุรีเข้ากับเมืองสิงห์บุรี รวมเมืองพระพุทธบาทเข้ากับเมืองสระบุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา และในปี พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อจาก "มณฑลกรุงเก่า" เป็น "มณฑลอยุธยา" ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหารการปกครองมากขึ้น การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบมณฑลเทศาภิบาล ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายบูรณะโบราณสถานภายในเมืองอยุธยา เพื่อเป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ ประจวบกับในปี พ.ศ. 2498 นายกรัฐมนตรีประเทศพม่าเดินทางมาเยือนประเทศไทย และได้มอบเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อปฏิสังขรณ์วัดและองค์พระมงคลบพิตร เป็นการเริ่มต้นบูรณะโบราณสถานในอยุธยาอย่างจริงจัง ซึ่งต่อมากรมศิลปากรเป็นหน่วยงานสำคัญในการดำเนินการ จนองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกมีมติให้ประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็น "แหล่งมรดกโลก" เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยา
Remove ads
ภูมิศาสตร์
สภาพภูมิอากาศ
Remove ads
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- คำขวัญประจำจังหวัด : ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา เลอคุณค่ามรดกโลก
- ตราประจำจังหวัด : รูปสังข์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพานแว่นฟ้าภายในปราสาทใต้ต้นหมัน
- ต้นไม้ประจำจังหวัด : หมัน (Cordia dichotoma)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกโสน (สะ-โหน) (Sesbania aculeata)
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : กุ้งก้ามกรามหรือกุ้งสมเด็จ (Macrobrachium rosenbergii)
การเมืองการปกครอง
สรุป
มุมมอง
ประวัติการแบ่งเขตการปกครอง
ในสมัยอาณาจักรอยุธยามีการแบ่งการปกครองในราชธานีออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ การปกครองภายในบริเวณกำแพงเมือง และภายนอกบริเวณกำแพงเมือง โดยในบริเวณกำแพงเมืองก็จะแบ่งออกเป็น 4 แขวง ได้แก่ แขวงขุนธรณีบาล แขวงขุนโลกบาล แขวงขุนธราบาล และแขวงขุนนราบาล ต่อมาในสมัยอาณาจักรธนบุรีจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รวมทั้ง 4 แขวงภายในกำแพงเมืองเป็นแขวงเดียวกัน เรียกว่า แขวงรอบกรุง และขยายอาณาเขตออกมาเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และต่อมาเปลี่ยนมาเป็นอำเภอรอบกรุง อำเภอกรุงเก่า และอำเภอพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน ตามลำดับ
ส่วนการปกครองภายนอกบริเวณกำแพงเมือง บริเวณนอกกำแพงเมืองแบ่งออกเป็น 3 แขวง ได้แก่ แขวงขุนนคร แขวงขุนอุทัย และแขวงขุนเสนา และต่อมามีการแบ่งออกเป็นแขวงต่าง ๆ ดังนี้
- แขวงขุนนคร อยู่ทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของกำแพงพระนครตั้งแต่ลำน้ำลพบุรีและลุ่มน้ำป่าสัก ต่อมามีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ ทางด้านตะวันตกเป็นแขวงนครใหญ่ และด้านตะวันออกเป็น แขวงนครน้อย
- แขวงขุนอุทัย อยู่ทางใต้ตั้งแต่เขตของแขวงขุนนครตลอดลงมายังมายังแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันออก ต่อมาได้มีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ แขวงอุทัยใหญ่ และแขวงอุทัยน้อย
- แขวงขุนเสนา อยู่ทางด้านตะวันตกมีอาณาเขตด้านเหนือจรดตะวันตกเฉียงใต้ของแขวงขุนนครและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาได้มีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ แขวงเสนาใหญ่ ทางด้านตะวันตก และแขวงเสนาน้อย ทางด้านตะวันออก
ดังนั้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แขวงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงมีทั้งหมด 7 แขวง ได้แก่ แขวงรอบกรุง แขวงนครใหญ่ แขวงนครน้อย แขวงอุทัยใหญ่ แขวงอุทัยน้อย แขวงเสนาใหญ่ และแขวงเสนาน้อย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดระเบียบการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล มีการรวมเมืองเข้าด้วยกันเป็นมณฑล เปลี่ยนคำเรียกเมืองเป็นจังหวัด แขวงจึงต้องเปลี่ยนเป็นอำเภอตามไปด้วย และต่อมาสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้ทรงดำริว่า อำเภอแต่ละอำเภอมีพลเมืองมากและมีท้องที่กว้าง จึงให้แบ่งเขตการปกครองออกไปอีกในทุกอำเภอ ยกเว้นอำเภอรอบกรุง อำเภออุทัยใหญ่ และอำเภออุทัยน้อย ดังนี้
- อำเภอนครใหญ่ ให้ทางตอนเหนือคงเป็นอำเภอนครใหญ่ และแบ่งเขตท้องที่ตอนใต้ออกเป็นอำเภอนครใน
- อำเภอนครน้อย ให้ทางตอนเหนือคงเป็นอำเภอนครน้อย และแบ่งเขตท้องที่ตอนใต้ออกเป็นอำเภอนครกลาง
- อำเภอเสนาใหญ่ ให้ทางด้านทิศเหนือคงเป็นอำเภอเสนาใหญ่ และแบ่งเขตท้องที่ด้านทิศใต้ออกเป็นอำเภอเสนากลาง
- อำเภอเสนาน้อย ให้ทางด้านทิศใต้คงเป็นอำเภอเสนาน้อย และแบ่งเขตท้องที่ด้านทิศเหนือออกเป็นอำเภอเสนาใน
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่ออำเภอต่าง ๆ โดยในปี พ.ศ. 2443 เปลี่ยนชื่ออำเภออุทัยน้อยเป็นอำเภอพระราชวัง ในปี พ.ศ. 2446 เปลี่ยนชื่ออำเภอนครกลางเป็นอำเภอนครหลวงมาจนถึงปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2450 ได้แบ่งเขตท้องที่อำเภอพระราชวังด้านตะวันออกรวมกับอำเภออุทัยใหญ่ด้านใต้ แล้วยกขึ้นเป็นอำเภออุทัยน้อย แทนอำเภออุทัยน้อยเดิมที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอพระราชวังเมื่อปี พ.ศ. 2443 และมีการเปลี่ยนชื่ออำเภอต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ตรงกับชื่อตำบลที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอ อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อใหม่ ดังนี้[5]
|
|
และอีก 4 กิ่งอำเภอได้แก่ กิ่งอำเภอลาดบัวหลวง (ขึ้นกับอำเภอบางไทร), กิ่งอำเภอภาชี (ขึ้นกับอำเภออุทัย), กิ่งอำเภอบางซ้าย (ขึ้นกับอำเภอเสนา) และกิ่งอำเภอบ้านแพรก (ขึ้นกับอำเภอมหาราช) ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอตามลำดับจนครบในปี พ.ศ. 2502
การแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน
การปกครองส่วนภูมิภาค

ปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยาประกอบด้วย 16 อำเภอ 209 ตำบล ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนทั้งสิ้น 158 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, เทศบาลนคร 1 แห่ง คือ เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา, เทศบาลเมือง 8 แห่ง, เทศบาลตำบล 27 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 121 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามอำเภอต่าง ๆ ดังนี้
อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ
อำเภอนครหลวง
อำเภอบางไทร
อำเภอบางบาล
|
อำเภอบางปะอิน
อำเภอบางซ้าย
|
อำเภอบางปะหัน
อำเภอผักไห่
อำเภอภาชี
อำเภอลาดบัวหลวง
อำเภอวังน้อย |
อำเภอเสนา
อำเภออุทัย
อำเภอมหาราช
อำเภอบ้านแพรก
|
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด
Remove ads
เศรษฐกิจ

จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถือเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุน เขต 2 มีนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค), นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง และมีเขตประกอบการอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟตเตอรี่แลนด์วังน้อย สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และสวนอุตสาหกรรมโรจนะ 2
Remove ads
ประชากร
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Remove ads
โครงสร้างพื้นฐาน
การศึกษา
- สถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา
- มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ สำนักอธิการบดี หันตรา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์วาสุกรี
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย
- สถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา
- สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษา
|
|
- สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา
|
|
Remove ads
การขนส่ง
สรุป
มุมมอง
ถนน
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 308
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 352
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 356
การเดินทางเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) แล้วข้ามสะพานนนทบุรีหรือสะพานนวลฉวีไปยังจังหวัดปทุมธานีต่อด้วยเส้นทาง ปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3111) เลี้ยวแยกขวาที่อำเภอเสนา เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3263 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 306 ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- ถนนกาญจนาภิเษก เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 71+570 ที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางไทร ตัดถนนสามโคก-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร (3309) ที่กิโลเมตรที่ 72 เข้าสู่พื้นที่อำเภอบางปะอิน ตัดทางพิเศษอุดรรัถยา ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 ที่กิโลเมตรที่ 77 ข้ามคลองเปรมประชากรและทางรถไฟสายเหนือ ไปบรรจบถนนพหลโยธิน กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32กิโลเมตรที่ 52-53
- ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด หรือ "ทางด่วน 2 (ส่วนนอกเมือง)") เริ่มต้นจากถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถึง ถนนกาญจนาภิเษก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รถโดยสารประจำทาง
ปัจจุบันรถโดยสารประจำทางสาย กรุงเทพฯ-อยุธยา มีให้บริการ 2 ประเภท[9] 1.รถบัส ประเภท ปรับอากาศชั้น 2 สายที่ 901 กรุงเทพฯ (หมอชิตใหม่) -อยุธยา ให้บริการอยู่ที่ ท่ารถไปกรุงเทพฯ (ถนนนเรศวร) 2.รถตู้ ประเภท มาตรฐาน 2 (จ) 2 (ต) 2 (ช)

รถไฟ

การเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถใช้บริการรถไฟโดยสารที่มีปลายทางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนรถไฟจะผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเขตอำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอภาชี ทางรถไฟจะแยกไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี
การคมนาคมภายในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- รถสามล้อเครื่อง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
- รถสามล้อถีบ คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
- รถจักรยานยนต์รับจ้าง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
- รถสองแถว มีหลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่างๆ
- อำเภอบางบาล 13 กิโลเมตร
- อำเภออุทัย 13 กิโลเมตร
- อำเภอบางปะหัน 14 กิโลเมตร
- อำเภอนครหลวง 18 กิโลเมตร
- อำเภอเสนา 22 กิโลเมตร
- อำเภอบางปะอิน 24 กิโลเมตร
- อำเภอมหาราช 28 กิโลเมตร
- อำเภอภาชี 29 กิโลเมตร
- อำเภอบางไทร 30 กิโลเมตร
- อำเภอวังน้อย 30 กิโลเมตร
- อำเภอผักไห่ 33 กิโลเมตร
- อำเภอบางซ้าย 35 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านแพรก 44 กิโลเมตร
- อำเภอท่าเรือ 44 กิโลเมตร
- อำเภอลาดบัวหลวง 50 กิโลเมตร
Remove ads
สถานที่สำคัญ


- ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ATC)
- ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
- อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
- วัดพระศรีสรรเพชญ์
- พระราชวังโบราณ อยุธยา
- วัดไชยวัฒนาราม
- วัดใหญ่ชัยมงคล
- วัดสุวรรณดาราราม
- วัดสะตือ
- วัดตะโก
- ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
- พระราชวังบางปะอิน
- คลองรางจระเข้
- เพนียดคล้องช้าง
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
- เขื่อนพระรามหก เขื่อนทดน้ำแห่งแรกในประเทศไทย
เมืองพี่เมืองน้อง
บุคคลที่มีชื่อเสียง
ด้านศาสนา
- สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดบางหว้าใหญ่
- สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
- สมเด็จพระวันรัต (ฑิต อุทโย) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนใต้ อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
- สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนใต้ และอดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหารรูปแรก
- สมเด็จพระวันรัต (ทรัพย์ โฆสโก) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก อดีตสมาชิกสังฆสภา อดีตสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง อดีตเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร
- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตแม่กองบาลีสนามหลวง อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา
- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จนฺทสิริ) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม และอดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
- สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) (นามเดิม:สมศักดิ์ ชูมาลัยวงศ์) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร
- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) พระราชาคณะเจ้าคณะรอง กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค๑๔-๑๕ (ธรรมยุต) แม่กองธรรมสนามหลวง เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร รักษาการเจ้าคณะภาค๔-๗ (ธรรมยุต)
- พระธรรมปัญญาบดี (พีร์ สุชาโต) พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารรูปปัจจุบัน
- พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท) หรือ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนมโค อำเภอเสนา
- หลวงพ่อจง พุทธสโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก อำเภอบางไทร
- พระครูสังวรสมณกิจ (ทิม อตฺตสนฺโต) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดพระขาว อำเภอบางบาล
- แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต พุทธสาวิกาในพุทธศาสนาและยังเป็นเป็นวิทยากรประจำและผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน
- พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ที่ปรึกษาคณะสงฆ์วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร
การเมือง
- ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 7
- พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 8
- ประมวล สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรม
- บุญพันธ์ แขวัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 9 สมัย
- ดำรง พุฒตาล พิธีกรชื่อดัง และอดีตสมาชิกวุฒิสภา
- เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
- พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และอดีตเสนาธิการทหารบก
- วิทยา บุรณศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
- ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
- วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
- พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด พระนครศรีอยุธยา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516 และ พ.ศ. 2534
- พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ศิลปวัฒนธรรมและบันเทิง
- หลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ พาทยโกศล) ครูดนตรีไทย และต้นสกุลพาทยโกศล เป็นบิดาของจางวางทั่ว พาทยโกศล
- รวงทอง ทองลั่นธม นักร้องวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ วงสุนทราภรณ์ และศิลปินแห่งชาติ
- ส.พลายน้อย (ชื่อจริง สมบัติ พลายน้อย) ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ และนักเขียนสารคดีประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมชื่อดัง
- สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ นักเขียนเจ้าของนามปากกาสิงห์สนามหลวง ผู้ก่อตั้งรางวัลช่อการะเกด
- สรพงศ์ ชาตรี นักแสดง และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
- สำราญ เกิดผล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย)
- ชลิต เฟื่องอารมย์ นักแสดง นักร้อง
- ชรัส เฟื่องอารมย์ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดง
- บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์
- พีระ ตรีบุปผา นักแต่งเพลง นักดนตรี และนักเรียบเรียงเสียงประสาน
- แอน มิตรชัย นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดง
- รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง นักร้อง นักแต่งเพลงนักแสดง และผู้กำกับละครโทรทัศน์
- กันต์ธีร์ ปิติธัญ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดง
- คมกฤษ ตรีวิมล นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์
- ศศินา พนมธรนิจกุล นักแสดง
- ลือชัย นฤนาท อดีตนักแสดง
- ณัฐพงษ์ กิติธรรม นักร้อง นักแสดง และผู้ประกาศข่าว
กีฬา
- นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย
- เสกสรรค์ ทับทอง นักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย
- จันทิมา ใจสนุก นักกีฬาร่มร่อนทีมชาติไทย
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads