คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
หม่อมหลวงบัว กิติยากร
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
หม่อมหลวงบัว กิติยากร (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์; 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 − 19 กันยายน พ.ศ. 2542) หรือชื่อในการแสดงว่า ประทุม ชิดเชื้อ[1] เป็นธิดาของเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และเป็นพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ชีวิตช่วงต้น
หม่อมหลวงบัว กิติยากร มีนามเดิมว่า หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 เป็นธิดาของพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา)[2] มีพี่น้องร่วมบิดามารดาได้แก่ พลโท หม่อมหลวงจินดา สนิทวงศ์ และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ทั้งยังมีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดาอีก 12 คน[3]
หม่อมหลวงบัวเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนสายปัญญา และโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย[4] ภายหลังได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เข้าถวายงาน เป็นนางพระกำนัลในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เมื่อ พ.ศ. 2471[5] ในปีนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างภาพยนตร์เงียบขาวดำ ชื่อเรื่อง แหวนวิเศษ และทรงให้หม่อมหลวงบัว รับบทเป็น "นางพรายน้ำ" นางเอกของเรื่อง [5] หม่อมหลวงบัวเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ความว่า "ขณะที่แสดงเรื่องนี้อายุประมาณ 17-18 ปี ดำน้ำแต่ละครั้งไม่นาน แต่ดำหลายครั้งกว่าจะถ่ายเสร็จ"[6]
เสกสมรส
หม่อมหลวงบัวสมรสกับนายพันตรี หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร (ต่อมาคือ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์สำหรับพิธีเสกสมรสเมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงเจิมและพระราชทานเงินรับไหว้แก่เจ้าบ่าว 10 ชั่ง เจ้าสาว 5 ชั่ง จากนั้นให้คู่สมรสลงนามในสมุดทะเบียนเฉพาะพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี แล้วโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายและข้าราชการลงพระนามและลงนามเป็นพยาน[7]
หม่อมหลวงบัวและพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ มีพระโอรส-พระธิดา หนึ่งพระองค์กับสามคนดังนี้ [5]
- หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร (20 กันยายน พ.ศ. 2472 − 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2530) สมรสกับท่านผู้หญิงอรุณ กิติยากร ณ อยุธยา (สกุลเดิม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) มีบุตรธิดาสองคน [8]
- หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร (2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2473 − 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2547) สมรสกับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร (พระนามเดิม หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล)[9] มีธิดาสองคน[10][11]
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (12 สิงหาคม พ.ศ. 2475) ราชาภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชบุตรสี่พระองค์
- ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ (2 สิงหาคม พ.ศ. 2477) สมรสครั้งแรกกับหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ สมรสครั้งที่สองกับนาวาเอก สุรยุทธ สธนพงศ์ มีธิดาจากการสมรสครั้งแรกหนึ่งคน[12][13]
พิราลัย
หม่อมหลวงบัวถึงแก่พิราลัยด้วยอาการนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2542 ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร[14] พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้คำว่าถึงแก่พิราลัยเสมอเจ้าประเทศราชและสมเด็จเจ้าพระยา โดยให้ตั้งศพที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง และโปรดเกล้าฯ พระราชทานฉัตรโหมดทอง 5 ชั้น และโกศกุดั่นน้อยประกอบเกียรติยศศพ[15] เทียบชั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า และพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
เคยมีการคาดการณ์ว่าอาจมีการสถาปนาอัฐิหม่อมหลวงบัว กิติยากรเป็นเจ้านาย ในฐานะพระราชชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้คัดพระนามถวายไว้ล่วงหน้าว่าสมเด็จพระปทุมาวดี ศรีสิริกิติ์ราชมาตา อย่างไรก็ตามตั้งแต่หม่อมหลวงบัวถึงแก่พิราลัยจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการสถาปนาแต่อย่างใด[16]
Remove ads
เกียรติยศ
สรุป
มุมมอง
ฐานันดรศักดิ์
- 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 − 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 : หม่อมหลวงบัว
- 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 − 1 มกราคม พ.ศ. 2458 : หม่อมหลวงบัว สนิทวงษ์[17]
- 1 มกราคม พ.ศ. 2458 − 24 มีนาคม พ.ศ. 2468 : หม่อมหลวงบัว สนิทวงษ์ ณ กรุงเทพ[18]
- 24 มีนาคม พ.ศ. 2468 − 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 : หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ ณ อยุธยา[18]
- 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471[7] − 5 มิถุนายน พ.ศ. 2472 : หม่อมหลวงบัว กิติยากร ณ อยุธยา[18]
- 5 มิถุนายน พ.ศ. 2472 − 19 กันยายน พ.ศ. 2542 : หม่อมหลวงบัว กิติยากร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
หม่อมหลวงบัว กิติยากร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[19] ดังนี้
- พ.ศ. 2493 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายใน)[20]
- พ.ศ. 2534 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[21]
- พ.ศ. 2539 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[22]
- พ.ศ. 2470 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 4 (ป.ป.ร.4)[23]
- พ.ศ. 2496 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[24]
สถานที่อันเนี่องมาจากนาม
- ห้องประชุมหม่อมหลวงบัว กิติยากร ชั้น 15 อาคารศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลศิริราช
Remove ads
ทายาท
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads