คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

อวิชชา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

อวิชชา (บาลี: อวิชฺชา; สันสกฤต: अविद्या, อวิทฺยา) เป็นศัพท์ธรรมในพระพุทธศาสนา หมายถึง ความไม่รู้แจ้ง หรือ ความไม่รู้จริง กล่าวคือ ความไม่เข้าใจสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง[1] อวิชชาถือเป็นรากเหง้าหรือต้นตอของกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวง และเป็นองค์ประกอบแรกสุดในหลักปฏิจจสมุปบาท (วงจรแห่งการเกิดขึ้นของทุกข์)

ความหมายโดยหลัก

โดยแก่นแท้แล้ว อวิชชาคือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ประกอบด้วย:

  1. ไม่รู้ในทุกข์ (ทุกฺเข อญาณํ): คือไม่รู้ว่าสภาวะใดคือความทุกข์ ไม่เข้าใจว่าความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือความไม่สมหวัง ล้วนเป็นสภาวะของทุกข์
  2. ไม่รู้ในเหตุเกิดทุกข์ (ทุกฺขสมุทเย อญาณํ): คือไม่รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงเกิดจากตัณหา (ความทะยานอยาก) ที่อยู่ในใจตนเอง ไม่ใช่เกิดจากอำนาจภายนอก เช่น เทพเจ้า หรือโชคชะตา
  3. ไม่รู้ในความดับทุกข์ (ทุกฺขนิโรเธ อญาณํ): คือไม่รู้ว่าความทุกข์สามารถดับลงได้อย่างสิ้นเชิงเมื่อดับเหตุของมัน คือการดับตัณหาให้หมดไป ซึ่งสภาวะนั้นคือนิพพาน
  4. ไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ (ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อญาณํ): คือไม่รู้หนทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ หรือมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นหนทางสายเดียวที่นำไปสู่การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง
Remove ads

อวิชชาในการปฏิบัติธรรม

ในทางปฏิบัติ อวิชชาปรากฏในรูปของ ความไม่รู้สึกตัวทั่วพร้อม หรือการขาดสติสัมปชัญญะในขณะปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถเห็นสภาวะธรรมตามความเป็นจริงได้ตามหลัก สติปัฏฐาน ๔ คือ:

  • ไม่รู้กายในกาย: เห็นกายเป็น "ตัวเรา" หรือ "ของเรา" แทนที่จะเห็นเป็นเพียงธาตุ 4 ที่ประชุมกัน
  • ไม่รู้เวทนาในเวทนา: ไม่เห็นความรู้สึก (สุข ทุกข์ เฉยๆ) เป็นเพียงสภาวะที่เกิดขึ้นแล้วดับไป แต่กลับเข้าไปยึดมั่นว่า "เราสุข" หรือ "เราทุกข์"
  • ไม่รู้จิตในจิต: ไม่เห็นสภาวะของจิต (เช่น จิตมีราคะ จิตมีโทสะ จิตฟุ้งซ่าน) ตามที่เป็นจริง แต่กลับยึดว่าเป็น "จิตของเรา"
  • ไม่รู้ธรรมในธรรม: ไม่เห็นสภาวะธรรมต่างๆ (เช่น นิวรณ์ 5, ขันธ์ 5) ที่เกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย

การขาดสติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์นี้เอง คือการทำงานของอวิชชาในระดับจิตใจ ทำให้เกิดการปรุงแต่งและสร้างภพชาติแห่งทุกข์ต่อไปไม่สิ้นสุด

Remove ads

อวิชชาในฐานะปัจจัยในปฏิจจสมุปบาท

อวิชชาเป็นองค์ประกอบแรก (ปัจจัยที่ 1) ของวงจรปฏิจจสมุปบาท ดังพระบาลีที่ว่า "อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา" แปลว่า "เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงมี" หมายความว่า เพราะความไม่รู้นี้เอง จึงเป็นเหตุให้เกิดการปรุงแต่งทางกาย วาจา และใจ (สังขาร) และเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรทุกข์ทั้งหมด

สภาวะธรรมตรงข้าม

สภาวะที่ตรงข้ามกับอวิชชา คือ วิชชา (ความรู้แจ้ง) หรือ ปัญญา ซึ่งเป็นความเข้าใจสัจธรรมตามความเป็นจริง การเจริญมรรคมีองค์ ๘ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) จะนำไปสู่การทำลายอวิชชาและทำให้เกิดวิชชา อันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

อ้างอิง

[ต้องการอ้างอิง]

ดูเพิ่ม

อวิชชาสูตร[2]

สรุป
มุมมอง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร

ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ 5

แม้นิวรณ์ 5 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มี อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ 5 ควรกล่าวว่า ทุจริต 3

แม้ทุจริต 3 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต 3 ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์

แม้การไม่สำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่าความไม่มีสติสัมปชัญญะ

แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่าการกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย

แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ควรกล่าวว่าความไม่มีศรัทธา

แม้ความไม่มีศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม

แม้การไม่ฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การไม่คบสัปบุรุษ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้

การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์

ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต 3 ให้บริบูรณ์

ทุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ 5 ให้บริบูรณ์

นิวรณ์ 5 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์

อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขาเมื่อฝนตกหนัก ๆ อยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็ม ย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็มย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่ที่เต็มย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็ม มหาสมุทรสาครนั้น มีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์

ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต 3 ให้บริบูรณ์

ทุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ 5 ให้บริบูรณ์

นิวรณ์ 5 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์

อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฉันนั้น เหมือนกันแลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าววิชชาและวิมุตติว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร

ก็อะไรเป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ ควรกล่าวว่า โพชฌงค์ 7

แม้โพชฌงค์ 7 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของโพชฌงค์ 7 ควรกล่าวว่า สติปัฏฐาน 4

แม้สติปัฏฐาน 4 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของสติปัฏฐาน 4 ควรกล่าวว่า สุจริต 3

แม้สุจริต 3 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของสุจริต 3 ควรกล่าวว่า การสำรวมอินทรีย์

แม้การสำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการสำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่า สติสัมปชัญญะ

แม้สติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การทำไว้ในใจโดยแยบคาย

แม้การทำไว้ในใจโดยแยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ควรกล่าวว่าศรัทธา

แม้ศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของศรัทธา ควรกล่าวว่า การฟังสัทธรรม

แม้การฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การคบสัปบุรุษ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้

การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์

ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต 3 ให้บริบูรณ์

สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน 4 ให้บริบูรณ์

สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ 7 ให้บริบูรณ์

โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์

วิชชาและวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา เมื่อฝนตกหนัก ๆ อยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็มย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็ม ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็ม มหาสมุทรสาครนั้นมีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์

ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต 3 ให้บริบูรณ์

สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน 4 ให้บริบูรณ์

สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ 7 ให้บริบูรณ์

โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์

วิชชาและวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฉันนั้นเหมือนกันแลฯ

Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads