คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
อำเภอกัลยาณิวัฒนา
อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
กัลยาณิวัฒนา (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นเขตการปกครองระดับอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัดเชียงใหม่ และอันดับที่ 878 ของประเทศไทย จัดตั้งเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552 โดยพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2552 และตั้งที่ว่าการอำเภอ ณ ตำบลแจ่มหลวง[1]
อำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้เป็น "โครงการอำเภอกัลยาณิวัฒนาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554" ซึ่งดำเนินการโดยสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย[2] โดยมีวัตถุประสงค์ให้อำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอต้นแบบในการพัฒนาที่ยั่งยืน
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
โครงการที่จะจัดตั้งอำเภอใหม่ในพื้นที่ดังกล่าวสามารถสืบย้อนไปได้ถึง พ.ศ. 2536 โดยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 สภาตำบลบ้านจันทร์ได้เสนอแยกกิ่งอำเภอออกจากสามตำบลในอำเภอแม่แจ่มได้มีการเตรียมการจัดตั้งกิ่งอำเภอใหม่เป็นเวลาหลายปี แต่ด้วยวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ได้ทำให้อำเภอใหม่ทั้งหมดที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาถูกรัฐบาลยกเลิกไปเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม[3] ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ระเบียบการพิจารณาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2548 โดยได้มีการจัดทำข้อเสนอและการศึกษาโดยจังหวัดเชียงใหม่และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีไทยเห็นว่าพื้นที่ตำบลบ้านจันทร์ ตำบลแม่แดด และตำบลแจ่มหลวง แห่งอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่การท่องเที่ยว มีเนื้อที่ 674.58 ตารางกิโลเมตร และประชากร 10,561 คน มีการจัดตั้งโครงการพระราชดำริหลายโครงการ มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าและภูเขาสูงชัน ทุรกันดาร การคมนาคมติดต่อเพื่อขอรับบริการต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม เป็นไปด้วยความยากลำบาก การให้บริการของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาด้านความสงบเรียบร้อย เรื่องยาเสพติด และปัญหาด้านการลักลอบการตัดไม้ทำลายป่า จึงเห็นชอบให้แยกพื้นที่ดังกล่าวมาจัดตั้งเป็นอำเภอใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเฉพาะ
7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานชื่ออำเภอที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้นตามที่กระทรวงมหาดไทยขอพระราชทาน ว่า "อำเภอกัลยาณิวัฒนา" แทนชื่อเดิมที่ใช้ว่า "วัดจันทร์"[4]
เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามีโครงการในพระราชดำริในพื้นที่ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จึงไม่จำเป็นจะต้องจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอก่อนที่จะพัฒนาจนกลายเป็นอำเภอโดยสมบูรณ์ ที่ว่าการอำเภอกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างในหมู่ 2 ตำบลแจ่มหลวง จนกระทั่งก่อสร้างเสร็จ สภาตำบลบ้านจันทร์จะถูกใช้เป็นที่ว่าการอำเภอชั่วคราว[5]
ดังนั้น เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่" ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ[6] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 97 ก หน้า 7 ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และมีผลใช้บังคับในวันรุ่งขึ้น โดยปรากฏเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ว่า
"...โดยที่ตำบลแจ่มหลวง ตำบลบ้านจันทร์ และตำบลแม่แดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีท้องที่กว้างขวาง มีชุมชนและชุมนุมการค้าหนาแน่น มีสภาพเจริญขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เนื่องจากมีภูมิประเทศตั้งอยู่ห่างไกล ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อราชการ สมควรแยกตำบลดังกล่าวออกจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และรวมตั้งเป็น อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประโยชน์แก่การปกครอง การให้บริการของรัฐ ความสะดวกของประชาชน และเพื่อส่งเสริมให้ท้องที่มีความเจริญยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้"[1]
Remove ads
ลักษณะที่ตั้ง
อำเภอกัลยาณิวัฒนา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าและภูเขาสูงชันล้อมรอบ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณ มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นพื้นที่ป่าไม้และภูเขา 378,245 ไร่ การเกษตร 30,391 ไร่ ที่อยู่อาศัย 3,327 ไร่ และพื้นที่โล่งสาธารณะ 4,635 ไร่ มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,225 มิลลิเมตรต่อปี ฝนตกเฉลี่ย 122 วันต่อปี
อาณาเขต
อำเภอกัลยาณิวัฒนา มีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอปาย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอสะเมิง
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอแม่แจ่ม
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน (จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
Remove ads
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอกัลยาณิวัฒนาประกอบด้วย 3 ตำบล 21 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอกัลยาณิวัฒนาประกอบด้วยองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) 3 แห่ง ได้แก่
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจันทร์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านจันทร์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลแม่แดด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่แดดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลแจ่มหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแจ่มหลวงทั้งตำบล
สภาพสังคม
สรุป
มุมมอง
อำเภอกัลยาณิวัฒนาประกอบด้วยชุมชนชาวเขาหลายเผ่า เช่น กะเหรี่ยง ม้ง และลีซอ เป็นต้น[8] ประชากรของอำเภอกัลยาณิวัฒนาร้อยละ 95 เป็นชาวกะเหรี่ยง[9] ประชากรส่วนน้อยคือ ชาวม้งอาศัยในตำบลแม่แดด[10] และชาวลีซออาศัยที่บ้านเสาแดง ตำบลแจ่มหลวง[11] ประชากรสองกลุ่มหลังนี้เพิ่งอพยพเข้าสู่อำเภอกัลยาณิวัฒนาเมื่อราวห้าทศวรรษที่ผ่านมา[9] ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ทำสวน และการทอผ้าเป็นอาชีพเสริม[12] การสื่อสารใช้ภาษากะเหรี่ยงเป็นหลัก[13][14] ประชากรมีทั้งกลุ่มที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิม อาศัยปะปนกัน[8]
บริเวณนี้ประชากรกลุ่มปัจจุบันเพิ่งรับอิทธิพลจากศาสนาพุทธเมื่อราว 300 ปีก่อน[9] ทั้งยังพบร่องรอยของซากศาสนสถานของศาสนาพุทธที่คาดว่าเป็นของชาวลัวะ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมกระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง[15][11] ในกาลต่อมาได้มีพระธรรมจาริกเข้ามาเผยแผ่ศาสนาและสร้างวัดช่วง พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ปัจจุบันอำเภอกัลยาณิวัฒนามีวัดในศาสนาพุทธทั้งหมด 9 แห่ง[16] มีพุทธศาสนิกชนเป็นประชากรส่วนใหญ่ของตำบลแม่แดด[10] ขณะที่ศาสนาคริสต์เริ่มเข้ามาเผยแผ่ในอำเภอกัลยาณิวัฒนาเมื่อ พ.ศ. 2477 โดยเริ่มเผยแผ่ที่บ้านหนองเจ็ดหน่วย บ้านใหม่พัฒนา บ้านแจ่มหลวง และบ้านเด่น มีมิชชันนารีก่อตั้งโรงเรียนสหมิตรวิทยาขึ้นในพื้นที่[9] เฉพาะตำบลแจ่มหลวง มีคริสต์ศาสนิกชนร้อยละ 95 และมีพุทธศาสนิกชนเพียงร้อยละ 4[13]
จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2552 พบว่าชาวกะเหรี่ยงนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 54.1 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 39 และศาสนาพื้นเมืองร้อยละ 6.9 ส่วนชาวม้งและชาวลีซอส่วนใหญ่นับถือศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมร้อยละ 82.9 และร้อยละ 97.6 ตามลำดับ[9] อย่างไรก็ตามกลุ่มประชากรที่นับถือศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมส่วนใหญ่มีประเพณีและความเชื่อที่ผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธ[11] แม้จะนับถือศาสนาต่างกัน แต่พวกเขาก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและกลมกลืน[8]
Remove ads
สถานที่สำคัญ
- วัดจันทร์ มีเจดีย์เก่าแก่ตั้งอยู่ภายใน
- อ่างเก็บน้ำห้วยอ้อ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทัศนียภาพสวยงาม เป็นแหล่งตกปลาตามธรรมชาติ
- ศูนย์ศิลปาชีพบ้านวัดจันทร์ เป็นสถานที่ฝึกอบรมการทอผ้าและการส่งเสริมอาชีพราษฎรในพื้นที่
- ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads