คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

อุรัสยา เสปอร์บันด์

นักแสดงและนางแบบชาวไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อุรัสยา เสปอร์บันด์
Remove ads

อุรัสยา เสปอร์บันด์ (เกิด 18 มีนาคม พ.ศ. 2536) ชื่อเล่น ญาญ่า เป็นนักแสดงและนางแบบชาวไทย เธอเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนางแบบ หลังจากเซ็นสัญญากับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เธอได้แสดงละครครั้งแรกในเรื่อง เพื่อนซี้ล่องหน (2552) ก่อนจะเริ่มมีชื่อเสียงในละครเรื่อง ดวงใจอัคนี (2553) ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากนั้นประสบความสำเร็จในละครที่ดัดแปลงจากนวนิยายอย่าง เกมร้ายเกมรัก (2554) และ ธรณีนี่นี้ใครครอง (2555) นอกจากนี้ เธอยังมีผลงานอื่น ๆ ตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ดาวเรือง (2556), รอยฝันตะวันเดือด (2557) และ หนึ่งในทรวง (2558)

ข้อมูลเบื้องต้น อุรัสยา เสปอร์บันด์, เกิด ...

อุรัสยาได้รับการยอมรับมากขึ้นจากการแสดงในละครเรื่อง คลื่นชีวิต (2560) ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น และได้รับเสียงชื่นชมจากการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก (2561) ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในปีเดียวกัน เธอยังแสดงภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ ที่กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในปีนั้น อีกทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่องในละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง (2562) และ คือเธอ (2565) เรื่องหลังทำให้เธอได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก ในปี 2565 เธอได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่สอง

Remove ads

ชีวิตช่วงแรก

สรุป
มุมมอง

อุรัสยา เสปอร์บันด์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2536 ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี บิดาของเธอชื่อ ซิกู๊ด เป็นชาวนอร์เวย์ ทำงานเป็นที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนมารดาของเธอ อุไร ทำงานเป็นแม่บ้าน[1][2] อุรัสยามีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แคทรียา อายุมากกว่าเธอสามปี[3] และมีพี่ชายชาวนอร์เวย์ต่างมารดาอีกสองคน[4] เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเดอะรีเจ้นท์พัทยา ตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปี 2552[5] ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา[1]

เมื่ออายุ 13 ปี อุรัสยาได้พบกับโมเดลลิงที่สวนจตุจักรและถูกชักชวนให้แคสงานโฆษณา ต่อมาเธอก็ผ่านการคัดเลือกและได้แสดงโฆษณาเอเวอร์เซนส์จีนีโรลออน[6] [7] หลังจากนั้น มีงานติดต่อเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก ซึ่งทำให้เธอหายไปจากวงการช่วงหนึ่ง[6] จนในปี 2550 อุรัสยาก็หวนกลับเข้าวงการอีกครั้งในฐานะนางแบบด้วยการเข้าร่วมโครงการโมเดลเสิร์ชของห้างสรรพสินค้าเซน[2] โดยมีสมบัษร ถิระสาโรช เป็นผู้ชักนำและรับงานต่าง ๆ ให้[6] นอกจากงานเดินแบบแล้ว เธอยังได้ถ่ายนิตยสารอีกหลายฉบับและปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง "เด็กหลังห้อง" ของมิสเตอร์ดี และ "ต่อให้โลกหยุดหมุน" ของซีควินท์[8][9] ภายหลังเข้าสู่วงการบันเทิง เธอสอบเทียบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรม (หลักสูตรนานาชาติ) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิชาภาษาอิตาลี[1] แต่ต่อมาย้ายเรียนในวิชาภาษาสเปน[10] จวบจนสำเร็จการศึกษาในปี 2558[11]

Remove ads

การทำงาน

สรุป
มุมมอง

2551–2554: เริ่มต้นอาชีพนักแสดงและความก้าวหน้าทางอาชีพ

ระหว่างทำงานเป็นนางแบบ รูปภาพของเธอจากนิตยสารเป็นที่เข้าตาของทางช่อง 3 จนนำไปสู่การเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกลุ่มพาวเวอร์ทรีรุ่นที่สองเป็นระยะเวลา 3 ปี[12][13] ซึ่งในขณะนั้นเธอยังพูดภาษาไทยเสียงแปร่ง เนื่องจากอยู่โรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่ยังเด็กและใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษานอร์เวย์สื่อสารกับครอบครัวเป็นหลัก[6][14] ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอเริ่มเรียนภาษาไทยควบคู่กับการแสดงก่อนรับงาน[1] บทบาทการแสดงแรกของเธอเริ่มจากบทสมทบในละครของจริยา แอนโฟเน่ เรื่อง บ้านก้านมะยม แสดงร่วมกับณัฐรัฐ โมริส เลอกรองและพัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ แต่ไม่ได้ออกอากาศในขณะนั้น[15][16] จนกระทั่งในปี 2564 มีการนำมาเผยแพร่ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน สามพลัสพรีเมียม[17] ต่อมาในปี 2552 อุรัสยาได้แสดงร่วมกับวริษฐ์ ทิพโกมุท ในละครซิตคอมแนวตลกของทีวีธันเดอร์เรื่อง เพื่อนซี้ล่องหน ตอน "ชุมชนสุขสันต์"[18][19][20]

ในปี 2553 อุรัสยาได้แสดงบทนำครั้งแรกในละครเรื่อง กุหลาบไร้หนาม ประกบกับเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์และพัชฏะ นามปาน[21] รับบทเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี แต่ถูกพี่สาวกลั่นแกล้งและพยายามแย่งทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งคนรัก[22] ขณะถ่ายทำ อุรัสยายังคงวิตกกังวลในการพูดและการแสดงอยู่[23] สาวิตรี สามิภักดิ์ จึงแนะนำให้เธออัดเสียงพูดตัวเองแล้วฟังซ้ำไปมาเพื่อฟังว่าคำไหนพูดชัดหรือไม่ชัดและต้องได้อารมณ์ของตัวละคร[24] หลังจากออกอากาศ ละครได้รับการตอบรับอย่างดีและอุรัสยาถูกมองว่าเป็นนางเอกมาแรง[25] ในปีเดียวกัน เธอได้รับความก้าวหน้าทางอาชีพในละครชุด 4 หัวใจแห่งขุนเขา เรื่อง ดวงใจอัคนี ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของซ่อนกลิ่น ชุด บ้านไร่ปลายฝัน เมื่อปี 2552 โดยแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ ในบทคนดูแลกิจการฟาร์มโคนมที่ตกหลุมรักกัน ท่ามกลางความขัดแย้งของทั้งสองตระกูล[26][27] ละครประสบความสำเร็จ ส่งผลให้อุรัสยาเป็นที่รู้จักมากขึ้น[28] การแสดงของเธอจากละครทั้งสองเรื่อง ดาราเดลี่ วิจารณ์ว่า "ทําได้ดีเยี่ยม แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่น้อยมาก ถ้าเทียบกับดาราที่แจ้งเกิดในรุ่นเดียวกัน"[29] ในงานประกาศผลรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ อุรัสยาได้รับรางวัลดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากการแสดงในละครเรื่อง ดวงใจอัคนี ด้วย[30][31]

ในปี 2554 อุรัสยาได้แสดงละครเรื่อง ตะวันเดือด กำกับโดยอรรถพร ธีมากร ในบทบาทเจ้าของไร่ที่ต้องแบกรับภาระของพ่อเอาไว้ ในการปกป้องสายแร่พลอยจากกลุ่มโจร[32] ละครประสบความสำเร็จทั้งการตอบรับและเรตติง[33][34] แนวหน้า มองว่า ตะวันเดือด ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถของเธอและชื่นชมการแสดงว่า "ทำมันได้เป็นอย่างดี ไม่มีที่ติ"[35] ในงานประกาศผลรางวัลนาฏราช อุรัสยาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่พ่ายให้กับอารยา เอ ฮาร์เก็ต จากละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง[36] ในเดือนสิงหาคม 2554 เธอยังเป็นแขกรับเชิญให้กับธงไชย แมคอินไตย์ ในคอนเสิร์ตเบิร์ดอาสาสนุก จัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี[37] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ ในละครเรื่อง เกมร้ายเกมรัก กำกับโดยอำไพพร จิตต์ไม่งง[38] ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จถึงแม้จะมีอุทกภัยในประเทศไทย[39] และถือเป็นละครที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดจากผลสำรวจของเอแบคโพล[40] สำหรับการแสดงของเธอ อุรัสยาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ, รางวัลเมขลา และสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[41]

2555–2560: บทบาทที่หลากหลายและได้รับการยอมรับ

ในปี 2555 อุรัสยาได้แสดงคู่กับณเดชน์ คูกิมิยะในละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของกาญจนา นาคนันทน์เมื่อปี 2517 กำกับโดยยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์[42][43] ถึงแม้ละครจะได้รับคำวิจารณ์แบบผสม[44] แต่การแสดงของทั้งคู่ได้เสียงชื่นชม ปิยนุช รัตนานุกูล จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ตั้งข้อสังเกตว่าทั้งคู่เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จเร็วเพราะ "ความสามารถทางการแสดงในการเผยหลากอารมณ์ [...] มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus)[45] การแสดงจากละครเรื่องนี้ ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลท็อปอวอร์ด สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[46] ในเดือนเมษายน 2555 อุรัสยาให้เสียงพากย์ครั้งแรกในการ์ตูนแอนิเมชันแนวครอบครัวเรื่อง ซูเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้[47][48] ในเดือนตุลาคม 2555 เธอแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง "My Bad Habit" ของชินวุฒ อินทรคูสิน[49]

Thumb
อุรัสยาขณะประชาสัมพันธ์ละครชุด ไรซิงซัน ในรายการ 3 แซบ เมื่อปี 2557

ปีถัดมา อุรัสยาแสดงร่วมกับอธิชาติ ชุมนานนท์ และศรราม เทพพิทักษ์ ในละครเรื่อง มายาตวัน หนึ่งในละครชุด 3 ทหารเสือสาว โดยรับบทเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่พยายามขอสัมภาษณ์อดีตดาราชื่อดังที่เกลียดนักข่าว[50] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงคู่กับทฤษฎี สหวงษ์ ในละครตลกเรื่อง ดาวเรือง[51] ในบทหญิงต่างจังหวัด ผู้มีนิสัยดื้อรั้นและชอบกลั่นแกล้งคนอื่น สำหรับบทบาทนี้ อุรัสยาต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม ด้วยความเป็นบทไกลตัวและใช้ภาษาของคนต่างจังหวัด[52] ถึงแม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย ถูกนำไปเปรียบเทียบกับละครเวอร์ชันก่อนเมื่อปี 2539[53] แต่สำนักข่าวอิศราให้ความเห็นด้านบวกและชื่นชมความเข้ากันของนักแสดง[54] จากนั้นอุรัสยาได้กลับมาพากย์เสียงต่อในภาคเริ่มต้นใหม่ ซูเปอร์ฮีโร่ สวยช่วยได้ ซีซั่น 2 ร่วมกับคิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ และราศรี บาเล็นซิเอก้า ออกอากาศเดือนตุลาคม[55] ในปี 2557 อุรัสยาแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ, มาริโอ้ เมาเร่อ และณฐพร เตมีรักษ์ ในละครชุด ไรซิงซัน เรื่อง รอยฝันตะวันเดือด โดยเป็นเรื่องราวความรักที่มีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่น[56] ละครไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร[57] ได้รับเสียงวิจารณ์แบบผสม[58]มารุมูระ มองว่าเป็น "ละครตลกสำหรับคนที่รู้จักญี่ปุ่นจริง ๆ"[59]

ในปี 2558 อุรัสยาแสดงในละครย้อนยุคของธิติมา สังขพิทักษ์ ร่วมกับจิรายุ ตั้งศรีสุข เรื่อง หนึ่งในทรวง[60] ขณะถ่ายทำละครในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เธอได้รับพิษแมงกะพรุนไฟบริเวณขาด้านขวา[61][62] ส่งผลให้เกิดแผลเป็นและต้องเข้ารับการรักษานานหนึ่งปี[63] ในปี 2560 อุรัสยาได้แสดงคู่กับปริญ สุภารัตน์ ในละครเรื่อง คลื่นชีวิต ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของกรุง ญ. ฉัตร เมื่อปี 2525 กำกับโดยอำไพพร จิตต์ไม่งง ได้รับบทเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีปมชีวิต[64][65] ละครประสบความสำเร็จ ทำเรตติงได้เฉลี่ย 5.97 ซึ่งมากที่สุดของช่องสามในปีนั้น[66] การแสดงของอุรัสยาได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ ผู้จัดการออนไลน์ ชื่นชมการหลุดออกจากบทบาทเดิม ๆ โดยเขียนว่า "ไม่หลงเหลือคราบไคลของนางเอก...คนเก่า สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ รัศมีการแสดงของเธอที่นับวันก็ยิ่งเปล่งประกาย..."[67] เช่นเดียวกับ ไทยรัฐ ที่เขียนไว้ว่า "...สามารถพิสูจน์ฝีมือทางการแสดงว่าเธอสามารถเล่นบทร้าย ๆ แรง ๆ ก็ได้... มีหลายฉากหลายซีนที่ดูแล้วต้องปรบมือให้ [...] และที่ต้องชมยิ่งกว่าการแสดง นั่นก็คือการพูด...ชัดถ้อยชัดคำไม่เหลือเค้าสาวเสียงแมว"[68] อุรัสยาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่นเป็นครั้งแรก[69] และยังได้เข้าชิงรางวัลสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[70] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงละครเรื่อง เล่ห์ลับสลับร่าง กำกับโดยกฤษณ์ ศุกระมงคล[71] และได้ร่วมงานกับแร็ปเปอร์ ปริญญา อินทชัย สมาชิกวงไทยเทเนี่ยม ร้องเพลง "Make it happen" สำหรับประกอบโฆษณา เมย์เบลลีน เพลงเป็นแนวฮิปฮอปผสมอิเล็กทรอเฮาส์ ซึ่งผลิตโดยยัวร์บอยทีเจ[72] เพลงยังได้รับรางวัลยูทูบเดย์ สาขาสุดยอดโฆษณาที่คนไทยชมมากที่สุดด้วย[73]

2561–ปัจจุบัน: น้อง.พี่.ที่รัก และหลังจากนั้น

อุรัสยาแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกใน น้อง.พี่.ที่รัก ออกฉายในเดือนพฤษภาคม 2561 เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ไม่ถูกกัน[74] ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์และเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2561 ที่อันดับสอง[75] ในขณะที่การแสดงของอุรัสยา โพสต์ทูเดย์ เขียนว่า "อินเนอร์ที่ส่งออกมาไม่ติดอะไรเลย"[76] ขณะที่ บูมแชนแนล มองว่าการแสดงของเธอนั้น "สะกดคนดูให้อยู่และรู้สึกร่วมไปกับการแสดงได้จนจบเรื่อง"[77] อุรัสยาได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเป็นครั้งแรก ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[78] และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง และรางวัลสตาร์พิกส์ไทยฟิล์มอะวอดส์[79] ในเดือนตุลาคม อุรัสยารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ กำกับโดยพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เป็นภาคต่อของละครเรื่อง นาคี ที่ออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อปี 2559 โดยรับบทเป็นหญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อและศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี ภาพยนตร์ทำรายได้ 73 ล้านบาทในสัปดาห์เปิดตัว[80] และทำรายได้รวม 417 ล้านบาททั่วประเทศ[81] กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2561[75] และเคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยที่อันดับ 10[82] ในปี 2562 อุรัสยาแสดงในละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของเนียรปาตีเมื่อปี 2551 รับบทตัวละคร 4 ตัวละคร ทั้งบทข้ามชาติ และฝาแฝด[83][84] สำหรับการเตรียมตัว เธอต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมกับอรชุมา ยุทธวงศ์ และต้องหัดพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ[83] เดอะสแตนดาร์ด วิจารณ์การแสดงว่า "แม้จะรับบทหนักทั้งหมด 4 บท แต่เธอก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และแยกความเป็นตัวละครนั้น ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน จนคนดูเชื่อว่าเธอแสดงเป็นคนละคนจริง ๆ"[85] จากบทบาทนี้ ทำให้อุรัสยาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ, คมชัดลึก อวอร์ด และรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[86]

Thumb
อุรัสยาขณะประชาสัมพันธ์ละคร หนึ่งในร้อย ในปี 2567

ในปี 2564 อุรัสยาพากย์เสียงเป็นรายา ฉบับภาษาไทย ในภาพยนตร์แอนิเมชันของดิสนีย์เรื่อง รายากับมังกรตัวสุดท้าย[87] ปีถัดมา อุรัสยาได้แสดงร่วมกับณัฏฐ์ กิจจริต ในภาพยนตร์เรื่อง เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ กำกับโดยนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ออกฉายในเดือนเมษายน 2565[88] ภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้มากนัก[89] แต่การแสดงของเธอได้รับเสียงชื่นชม หนังสือพิมพ์ แนวหน้า เขียนว่า "เล่นนิ่ง ๆ เล่นเรื่อย ๆ แทบจะเป็นคนเดียวที่เด่นด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมาเป็นทีม..."[90] ในขณะที่ วาดฝัน คุณาวงศ์ จาก เวิร์คพอยท์ทูเดย์ เขียนไว้ว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเธอ[91] ในงานเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์ก ครั้งที่ 21 อุรัสยาได้รับรางวัลดาวรุ่งแห่งเอเชียและรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้[92][93] ในปีเดียวกัน เธอยังแสดงละครเรื่อง คือเธอ[94] ที่สามารถทำเรตติงได้เฉลี่ย 3.05 ซึ่งมากที่สุดของช่องสามในปีนั้น[95] รวมถึงทำให้เธอได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นครั้งแรก[96] นอกจากนี้ เธอยังรับบทเป็นวิศวกรด้านอุทกวิทยา ในละครชุด ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง ซึ่งดัดแปลงจากปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ออกฉายในเดือนกันยายนทางเน็ตฟลิกซ์[97] และได้แสดงละครเรื่อง ลายกินรี ของพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง[98]

ในปี 2567 อุรัสยาแสดงร่วมกับปริญ สุภารัตน์ ในละครเรื่อง จนกว่าจะได้รักกัน[99] หลังจากออกอากาศ ละครไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คมชัดลึก มองว่าละคร "ดูแผ่ว" ถึงแม้จะใช้นักแสดงนำที่มีชื่อเสียง[100] จากนั้นอุรัสยาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน กำกับโดยวาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ดัดแปลงจากภาพยนตร์เกาหลี แมนอินเลิฟ เมื่อปี 2557[101] โดยรับบทเป็นพนักงานธนาคาร ผู้ต้องชดใช้หนี้แทนพ่อของเธอที่กำลังล้มป่วย[102] มโน วนเวฬุสิต จาก แบไต๋ ระบุว่าการแสดงของเธอคือ "ความมหัศจรรย์ที่ชี้นำอารมณ์ผู้ชมในด้านดราม่าได้อย่างน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้ชมเห็นใจตัวละครแม้ใช้เวลาบนจอไม่นาน"[103] ในขณะที่ สปริงนิวส์ เขียนว่าเธอ "แสดงออกมาได้อย่างหมดจด" ทั้งสายตาที่หมดอาลัยตายยาก ความห่อเหี่ยวในการพูดจา รวมถึงเดินเหิน[104] ในปีเดียวกัน อุรัสยาแสดงร่วมกับธนภพ ลีรัตนขจร ในละครเรื่อง หนึ่งในร้อย ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของดอกไม้สดเมื่อปี 2477 ละครได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกเช่นเดียวกับการแสดงของอุรัสยา วีรวัฒน์ อัจจุตมานัส จาก เดอะสแตนดาร์ด เขียนว่า "...ถ้าไม่ใช่เธอก็นึกไม่ออกว่าใครจะ [แสดงบทนี้]..."[105] ละครได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราชจำนวน 6 สาขา ซึ่งรวมถึงละครยอดเยี่ยมและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม สำหรับการแสดงของอุรัสยา[106]

ปีถัดมา อุรัสยาแสดงในละครชุด ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม ออกฉายในเดือนกุมภาพันธ์ทางเน็ตฟลิกซ์ โดยรับบทเป็นนักจัดดอกไม้ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนักการเมืองที่พยายามไขคดีด้วยตนเองผ่านภาษาของดอกไม้เป็นสำคัญ[107] สำหรับบทบาทนี้ อุรัสยามีส่วนร่วมในการออกแบบตัวละครร่วมกับผู้กำกับและต้องไปเรียนการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ[108][107] ศิวะภาค เจียรวนาลี จาก เดอะคลาวด์ วิจารณ์ว่าเธอเป็นนักแสดงที่ดี แต่การเป็นตัวละครหลักในละครสืบสวนตลอดทั้งเรื่องนั้น "ยากเกินไปสำหรับเธอ..."[109] จากนั้นอุรัสยาได้แสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกอย่าง โฮมสวีตโฮม : กำเนิดใหม่ ดัดแปลงจากวิดีโอเกมแนวระทึกขวัญ โฮมสวีตโฮม ประกบกับมิเชล มอร์โรเน และวิลเลียม โมสลีย์ ซึ่งเธอรับบทเป็นภรรยาของตัวละครหลัก (โมสลีย์)[110] เลสลี เฟลเพอริน จาก เดอะการ์เดียน วิจารณ์ภาพยนตร์ในเชิงลบ แต่ชื่นชมอุรัสยาว่า "แสดงได้อย่างน่าเชื่อถือ"[111]

Remove ads

ชีวิตส่วนตัว

อุรัสยาสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนระดับพื้นฐานได้[112] รวมทั้งสามารถเล่นเปียโนและไวโอลินได้ระดับหนึ่ง[113] และยังชื่นชอบการขี่ม้าตั้งแต่อายุราว 7 ปี เธอเคยเข้าร่วมการแข่งขันที่ฮอร์สชูพอยต์อยู่หลายครา[114] ด้วยความชื่นชอบนี้เธอจึงชอบสะสมตุ๊กตามายลิตเติลโพนีด้วย[1]

ในเวลาว่าง อุรัสยาเป็นหนอนหนังสือ เธอชื่นชอบงานเขียนของเม็ก แคบอต, นิโคลัส สปากส์, โซฟี คินเซลลา และเซซีเลีย อะเฮิร์น[115] ส่วนแนววรรณกรรมที่ชื่นชอบคือ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์โรมานซ์[116] เธอยังชอบอ่านหนังสือ สาวทรงเสน่ห์ ของเจน ออสเตน[117] และ ลิขิตรักต่างมิติ ของอะเฮิร์น[115]

ความสัมพันธ์ของอุรัสยากับณเดชน์ คูกิมิยะ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนนับตั้งแต่ละครเรื่อง ดวงใจอัคนี (2553) โดยสื่อได้คาดการณ์ความสัมพันธ์ต่าง ๆ นานา แต่ทั้งคู่ปฏิเสธมาโดยตลอด[118] จนในปี 2565 ทั้งคู่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ และได้ตกลงคบหากันในภายหลัง[119] ทั้งคู่หมั้นกันในเดือนมิถุนายน 2566 ที่เมืองโปซีตาโน ประเทศอิตาลี[120][121]

รางวัลและการเสนอชื่อ

อุรัสยาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น จากละครเรื่อง คลื่นชีวิต (2560)[69] และได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง คือเธอ (2565)[96] นอกจากนี้ เธอยังได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ดวงใจอัคนี (2553)[30][31] การแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก น้อง.พี่.ที่รัก (2561) ทำให้เธอได้รับรางวัลสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์, รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[78][122] ภาพยนตร์เรื่องที่สาม เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ (2565) ทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ อีกหนึ่งครั้ง[93] และได้รับรางวัลดาวรุ่งแห่งเอเชีย จากเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์ก ครั้งที่ 21[92]

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads