คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ภาษาตุรกี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ภาษาตุรกี (ตุรกี: Türkçe , ทืร์กเช, Türk dili, ทืร์กดิลิ) มีอีกชื่อเรียกว่า ภาษาตุรกีอิสตันบูล[16][17][18] (İstanbul Türkçesi) หรือ ภาษาตุรกีแบบตุรกี (Türkiye Türkçesi) เป็นภาษากลุ่มเตอร์กิกที่มีผู้พูดมากที่สุด โดยมีผู้พูดประมาณ 70 ถึง 80 ล้านคน เป็นภาษาประจำชาติของประเทศตุรกี และชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาตุรกีกลุ่มสำคัญในประเทศอิรัก, ซีเรีย, เยอรมนี, ออสเตรีย, บัลแกเรีย, มาซิโดเนียเหนือ,[19] นอร์เทิร์นไซปรัส,[20] กรีซ,[21] คอเคซัส และส่วนอื่นของยุโรปและเอเชียกลาง ประเทศไซปรัสเคยเสนอให้สหภาพยุโรปเพิ่มภาษาตุรกีเป็นภาษาทางการ ถึงแม้ว่าประเทศตุรกีไม่ได้เป็นรัฐสมาชิกก็ตาม[22]
ต้นกำเนิดของภาษาพบในเอเชียกลางซึ่งมีการเขียนครั้งแรกเมื่อประมาณ 1,200 ปีมาแล้ว ภาษาตุรกีออตโตมันได้แพร่ขยายไปทางตะวันตกซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของจักรวรรดิออตโตมัน พ.ศ. 2471 หลังการปฏิรูปของอตาเตริ์กซึ่งเป็นปีแรกๆของยุคสาธารณรัฐใหม่ มีการปรับปรุงภาษาโดยแทนที่อักษรอาหรับในยุคออตโตมันด้วยอักษรละตินที่เพิ่มเครื่องหมายการออกเสียง มีการตั้งสมาคมภาษาตุรกีเพื่อลดการใช้คำยืมจากภาษาเปอร์เซียกับภาษาอาหรับ หันมาใช้คำดั้งเดิมของภาษากลุ่มเตอร์กิกแทน
ลักษณะเด่นของภาษาตุรกีคือมีการเปลี่ยนเสียงสระและการเชื่อมคำแบบรูปคำติดต่อ การเรียงคำโดยทั่วไปเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา ไม่มีการแบ่งเพศของคำนาม
Remove ads
การจัดจำแนก
ภาษาตุรกีอยู่ในสาขาโอคุซของกลุ่มภาษาเตอร์กิก สมาชิกอื่น ๆ ในสาขาเดียวกันได้แก่ภาษาอาเซอร์ไบจาน ซึ่งมีผู้พูดในประเทศอาเซอร์ไบจานและภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิหร่าน ภาษากากาอุซในกาเกาเซีย ภาษาควาซไควในอิหร่านตอนใต้ และภาษาเติร์กเมนในประเทศเติร์กเมนิสถาน[23]
การจัดจำแนกกลุ่มภาษาเตอร์กิกนั้นซับซ้อน เพราะการอพยพของกลุ่มชนเตอร์กิกและผลสืบเนื่องจากการปะปนกันกับชนชาติที่ไม่ได้พูดภาษากลุ่มเตอร์กิก ทำให้เกิดสถานการณ์ทางภาษาที่มีความซับซ้อนมากมาย[23]
ยังมีข้อโต้แย้งว่ากลุ่มภาษาเตอร์กิกเป็นสาขาย่อยของตระกูลภาษาอัลไต ซึ่งมีภาษาญี่ปุ่น, ภาษาเกาหลี, ภาษามองโกเลีย และกลุ่มภาษาตุงกูซิก หรือไม่[24] ทฤษฎีกลุ่มภาษายูรัล-อัลไตในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งรวมภาษาตุรกีเข้ากับภาษาฟินแลนด์, ภาษาฮังการี และตระกูลภาษาอัลไต ก่อให้เกิดเสียงโต้แย้ง[25] ทฤษฎีนี้มีการเทียบภาษาส่วนใหญ่จากสามคุณสมบัติหลัก ๆ คือ: การประกอบกันในภาษา, การสอดคล้องกลมกลืนของสระ และเพศทางไวยากรณ์[25]
Remove ads
ประวัติศาสตร์
สรุป
มุมมอง
จารึกของภาษากลุ่มเตอร์กิกเก่าสุดพบในบริเวณที่เป็นประเทศมองโกเลียปัจจุบัน จารึกบูคุตเขียนด้วยอักษรซอกเดียมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 11 .[26][27]จารึกอักษรออร์คอนมีอายุย้อนหลังไปได้ราว พ.ศ. 1275 – 1278 จารึกที่พบบริเวณหุบเขาออร์คอนจำนวนมากจัดเป็นภาษาเตอร์กิกโบราณเขียนด้วยอักษรออร์คอนที่มีลักษณะคล้ายอักษรรูนส์ในยุโรป[28]
ผู้คนที่พูดภาษากลุ่มเตอร์กิกได้แพร่กระจายออกจากเอเชียกลางในยุคกลางตอนต้น (ราวพุทธศตวรรษที่ 11-16) โดยกระจายอยู่ตั้งแต่ยุโรปตะวันออก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงไซบีเรีย กลุ่มโอคุซเติร์กได้นำภาษาของตนคือภาษาเตอร์กิกแบบโอคุซเข้าสู่อนาโตเลียเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 16 .[29] ในช่วงนี้ได้มีนักภาษาศาสตร์ Kaşqarli Mahmud เขียนพจนานุกรมของภาษาเตอร์กิก
ภาษาตุรกีออตโตมัน
เมื่อศาสนาอิสลามแพร่มาถึงบริเวณนี้ เมื่อราว พ.ศ. 1393 ชาวเซลจุกเติร์กซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมออตโตมันได้ปรับการใช้ภาษาโดยมีคำยืมจากภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซียเข้ามามาก วรรณคดีในยุคนี้ได้รับอิทธิพลจากภาษาเปอร์เซียมาก ภาษาในการเขียนและภาษาราชการในยุคจักรวรรดิออตโตมันเป็นภาษาผสมระหว่างภาษาตุรกี ภาษาอาหรับ และภาษาเปอร์เซีย ซึ่งต่างจากภาษาตุรกีที่ใช้ในประเทศตุรกีปัจจุบันและมักเรียกว่าภาษาตุรกีออตโตมัน
การปรับรูปแบบของภาษาและภาษาตุรกีสมัยใหม่

อัตราการรู้หนังสือก่อนการปรับรูปแบบภาษาในตุรกี (พ.ศ. 2470) ในผู้ชายคิดเป็น 48.4% และผู้หญิงเป็น 20.7% [30] หลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและเปลี่ยนระบบการเขียน มีการตั้งสมาคมภาษาตุรกีเมื่อ พ.ศ. 2475 สมาคมได้ปรับรูปแบบของภาษาโดยแทนที่คำยืมจากภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซียด้วยคำดั้งเดิมของภาษาตุรกี[31] มีการสร้างคำใหม่โดยใช้รากศัพท์จากภาษาตุรกีโบราณที่เลิกใช้ไปนาน[32] ใน พ.ศ. 2478 ทาง TDK ได้ตีพิมพ์พจนานุกรมสองรูปแบบระหว่างตุรกี-ออตโตมัน/ตุรกีบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับรูปแบบภาษา[33]
ผลจากการเปลี่ยนแปลงภาษาโดยกะทันหันนี้ทำให้คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ในตุรกีใช้คำศัพท์ที่แตกต่างกัน คนรุ่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2483 ใช้ศัพท์ที่มาจากภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซีย ส่วนคนที่เกิดหลังจากนั้นใช้คำศัพท์ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ การปราศัยของอตาเติร์กในการเปิดประชุมสภาครั้งใหม่เมื่อ พ.ศ. 2470 ใช้ภาษาแบบออตโตมันซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกไปจากภาษาในปัจจุบันจนต้องมีการแปลเป็นภาษาตุรกีสมัยใหม่ถึงสามครั้งคือเมื่อ พ.ศ. 2506, 2529 และ 2538[34]
นอกจากนี้ สมาคมภาษาตุรกียังมีการเพิ่มศัพท์เทคนิคทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งโดยมากมาจากภาษาอังกฤษ แต่ก็มีคำศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาแล้วแต่ไม่เป็นที่นิยม เช่น bölem (พรรคการเมือง) ถูกกำหนดให้ใช้แทนคำเดิมคือ firka แต่คำที่ใช้โดยทั่วไปเป็น parti จากภาษาฝรั่งเศส หรือบางคำใช้ในความหมายที่ต่างไปจากที่กำหนด เช่น betik (หนังสือ) ปัจจุบันใช้ในความหมายของระบบการเขียนในคอมพิวเตอร์[35] คำบางคำที่ถูกบัญญัติขึ้นใหม่ยังใช้ควบคู่กับศัพท์เดิมโดยคำศัพท์เดิมเปลี่ยนความหมายไปเล็กน้อย เช่น dert (มาจากภาษาเปอร์เซีย dard หมายถึงเจ็บปวด) ใช้หมายถึงปัญหาหรือความยุ่งยาก ส่วนความเจ็บปวดทางร่างกายใช้ ağrı ที่มาจากภาษาตุรกี ในบางกรณี คำยืมมีความหมายต่างไปจากคำในภาษาตุรกีเล็กน้อยแบบเดียวกับคำยืมจากภาษากลุ่มเยอรมันและภาษากลุ่มโรมานซ์ในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างบางส่วนของศัพท์ตุรกีสมัยใหม่กับคำยืมสมัยก่อนดังนี้:
Remove ads
การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์
สรุป
มุมมอง
ภาษาตุรกีเป็นภาษาแม่ของชาวตุรกีในประเทศตุรกีและชาวตุรกีพลัดถิ่นใน 30 ประเทศ ภาษาตุรกีสามารถเข้าใจร่วมกัน (mutually intelligible) กับภาษาอาเซอร์ไบจานและภาษากลุ่มเตอร์กิกอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาตุรกีในประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง (ทั้งหมดหรือบางส่วน) ของจักรวรรดิออตโตมัน เช่นอิรัก[37], บัลแกเรีย, ไซปรัส, กรีซ (โดยหลักในเทรซตะวันตก), มาซิโดเนียเหนือ, โรมาเนีย และเซอร์เบีย มีผู้พูดภาษาตุรกีมากกว่าสองล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี และมีชุมชนที่พูดภาษาตุรกีในสหรัฐ, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, เบลเยียม, สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร[38] เนื่องจากการกลืนกลายทางวัฒนธรรมของประเทศเจ้าถิ่นต่อผู้อพยพชาวตุรกี ทำให้สมาชิกชาติพันธุ์พลัดถิ่นทั้งหมดไม่สามารถพูดภาษาตุรกีอย่างเชี่ยวชาญเสมอไป[39]
ใน ค.ศ. 2005 ร้อยละ 93 ของประชากรตุรกีพูดภาษาตุรกีเป็นภาษาแม่[40] ในเวลานั้นมีผู้พูดประมาณ 67 ล้านคน ส่วนที่เหลือ จำนวนภาษาที่มีผู้พูดมากที่สุดรองลงมาคือภาษาเคิร์ด[41]
สถานะทางการ
ซ้าย: ป้ายสองภาษา ได้แก่ภาษาตุรกี (บน) และภาษาอาหรับ (ล่าง) ที่หมู่บ้านเติร์กเมนในเขตผู้ว่าการคีร์คูก ประเทศอิรัก
ขวา: ป้ายบนถนนที่พริสเรน ประเทศคอซอวอ ภาษาทางการได้แก่: ภาษาแอลเบเนีย (บน), ภาษาเซอร์เบีย (กลาง) และภาษาตุรกี (ล่าง)
ขวา: ป้ายบนถนนที่พริสเรน ประเทศคอซอวอ ภาษาทางการได้แก่: ภาษาแอลเบเนีย (บน), ภาษาเซอร์เบีย (กลาง) และภาษาตุรกี (ล่าง)
ภาษาตุรกีเป็นภาษาทางการของประเทศตุรกีและเป็นหนึ่งในภาษาทางการของประเทศไซปรัส ภาษานี้มีสถานะเป็นภาษาทางการใน 38 เทศบาลของประเทศคอซอวอ เช่นมามูชา[42][43], สองแห่งที่มาซิโดเนียเหนือ และในเขตผู้ว่าการคีร์คูกในประเทศอิรัก[44][45]
ในประเทศตุรกี หน่วยงานที่กำกับดูแลภาษาตุรกีคือสมาคมภาษาตุรกี (Türk Dil Kurumu หรือ TDK) ซึ่งก่อตั้งใน ค.ศ. 1932 ภายใต้ชื่อ Türk Dili Tetkik Cemiyeti ("สมาคมวิจัยภาษาตุรกี") สมาคมภาษาตุรกีได้รับอิทธิพลในแนวคิดพิสุทธินิยมทางภาษา ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจหลักในการแทนที่คำยืมและโครงสร้างทางไวยากรณ์ภาษาอื่นด้วยการบัญญัติศัพท์ภาษาตุรกี[46] การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ร่วมกับการใช้อักษรตุรกีแบบใหม่ใน ค.ศ. 1928 ก่อให้เกิดภาษาตุรกีสมัยใหม่ในปัจจุบัน TDK กลายเป็นองค์กรอิสระใน ค.ศ. 1951 จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1983 โดยกลายเป็นหน่วยงานราชการตามรัฐธรรมนูญตุรกีฉบับปี 1982 หลังรัฐประหารใน ค.ศ. 1980[32]
สำเนียง
ภาษาตุรกีสมัยใหม่มีฐานจากสำเนียงอิสตันบูล[47] "ภาษาตุรกีแบบอิสตันบูล" (İstanbul Türkçesi) ถือเป็นแม่แบบของภาษาพูดและภาษาเขียน ตามคำแนะนำของ Ziya Gökalp, Ömer Seyfettin และคนอื่น ๆ[48]
สำเนียงอื่น ๆ ยังคงมีอยู่ ถึงแม้ว่าระดับอิทธิพลของสำเนียงมาตรฐานยังคงใช้งานในสื่อมวลชนและระบบการศึกษาตุรกีมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1930[49] นักวิจัยทางวิชาการจากตุรกีมักเรียกสำเนียงตุรกีว่า ağız หรือ şive ทำให้เกิดความกำกวมในแนวคิดด้านภาษาของสำเนียง ซึ่งครอบคลุมมคำเหล่านี้ด้วย มหาวิทยาลัยบางแห่ง กับกลุ่มงานเฉพาะของสมาคมภาษาตุรกี ได้เริ่มโครงการค้นหาสำเนียงตุรกี ข้อมูลเมื่อ 2002[update] ยังคงมีการรวบรวมและตีพิมพ์ผลงานวิจัยของตนเป็นภาษาถิ่นครอบคลุมโลกสำเนียงภาษาตุรกี[50][51]

ชาวรูเมเลียบางส่วนที่อพยพไปยังประเทศตุรกีพูดภาษาตุรกีแบบรูเมเลีย ซึ่งรวมสำเนียง Ludogorie, Dinler และ Adakale ที่แสดงอิทธิพลของทฤษฎี Balkan sprachbund Kıbrıs Türkçesi เป็นชื่อเรียกภาษาตุรกีแบบไซปรัสและพูดโดยชาวไซปรัสเชื้อสายเติร์ก สำเนียง เอดีร์แน ใช้พูดในเอดีร์แน Ege ใช้พูดในภูมิภาคอีเจียน โดยมีขอบเขตถึงอันทัลยา ชนร่อนเร่ Yörüks ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนของตุรกีมีสำเนียงตุรกีเป็นของตนเอง[52]
สำเนียง Güneydoğu ใช้กันในภาคตะวันออกเฉียงใต้ถึงทางตะวันออกของแมร์ซิน Doğu สำเนียงหนึ่งในภูมิภาคอานาโตเลียตะวันออก มีความต่อเนื่องของภาษา ชาวเติร์กเมสเคเทียที่อาศัยอยู่ในประเทศคาซัคสถาน, อาเซอร์ไบจาน และรัสเซีย กับประเทศในเอเชียกลางบางส่วน สามารถพูดภาษาตุรกีสำเนียงอานาโตเลียตะวันออก โดยมีที่มาจากพื้นที่ใน Kars, Ardahan และ Artvin และมีความคล้ายกับภาษาอาเซอร์ไบจาน[53]
ภูมิภาคอานาโตเลียกลางพูด Orta Anadolu สำเนียง Karadeniz ใช้พูดในภูมิภาคทะเลดำทางตะวันออกและแสดงให้เห็นผ่านสำเนียงทรับซอน ได้รับอิทธิพลทางสัทวิทยาและวากยสัมพันธ์จากภาษากรีก[54] มันมีอีกชื่อว่า สำเนียงลาซ (ไม่ควรไปสับสนกับภาษาลาซ) คัสทาโมนู ใช้พูดในคัสทาโมนูและพื้นที่โดยรอบ ภาษาตุรกีคารามันลือใช้พูดในประเทศกรีซ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Kαραμανλήδικα เป็นมาตรฐานวรรณกรรมของชาวคารามันลือ[55]
Remove ads
เสียง
ภาษาตุรกีมีแต่สระเดี่ยว ไม่มีสระผสม เมื่อสระสองตัวอยู่ใกล้กันซึ่งมักพบในคำยืมจะออกเสียงแยกกัน การเปลี่ยนเสียงสระเป็นเอกลักษณ์ของภาษาตุรกีโดยเสียงสระของปัจจัยจะเปลี่ยนไปตามสระของคำหลักเช่นปัจจัย –dir4 (มันเป็น, อยู่, คือ) เมื่อนำมาต่อท้ายศัพท์จะเป็น tükiyedir (มันเป็นไก่งวง) kapidır (มันเป็นประตู) gündür (มันเป็นวัน) paltodur (มันเป็นเสื้อคลุม) เป็นต้น
ไวยากรณ์
ภาษาตุรกีเป็นภาษารูปคำติดต่อ นิยมใช้การเติมปัจจัยข้างท้ายคำ [56] คำคำหนึ่งอาจเติมปัจจัยได้เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างคำใหม่ เช่นการสร้างคำกริยาจากคำนาม การสร้างคำนามจากรากศัพท์คำกริยาเป็นต้น ปัจจัยส่วนใหญ่จะบอกหน้าที่ทางไวยากรณ์ของคำนั้นๆ [57] สามารถสร้างคำที่มีความยาวมากๆจนมีความหมายเท่ากับประโยคในภาษาอื่นๆได้
คำนามไม่มีคำนำหน้าชี้เฉพาะ แต่มีการชี้เฉพาะวัตถุในคำลงท้ายแบบกรรมตรง ภาษาตุรกีมีคำนาม 6 การก คือ ประธาน ความเป็นเจ้าของ กรรมรอง กรรมตรง มาจาก ตำแหน่ง ซึ่งเปลี่ยนการลงท้ายด้วยการเปลี่ยนเสียงสระ คำคุณศัพท์มาก่อนคำนามที่ขยายคำคุณศัพท์ส่วนใหญ่เป็นคำนามได้ด้วย
คำกริยาในภาษาตุรกีจะแสดงบุคคลและสามารถแสดงความปฏิเสธ ความสามารถหรือไม่สามารถและแสดงกาล มาลา แลละความคาดหวังด้วย การปฏิเสธแสดงด้วยปัจจัย –me2 ที่มาก่อนปัจจัยอื่นๆของคำกริยา คำกริยาในภาษาตุรกีอาจรวมเป็นคำประกอบได้เพื่อให้ประโยคสั้นเข้า
การเรียงลำดับคำในภาษาตุรกีเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยาแบบเดียวกับภาษาญี่ปุ่นและภาษาละติน คำขยายมาก่อนคำที่ถูกขยาย สิ่งที่เน้นมาก่อนสิ่งที่ไม่เน้นคำที่มาก่อนกริยาต้องออกเสียงเน้นหนักในประโยคโดยไม่มีข้อยกเว้น
การเน้นหนักมักเน้นในพยางค์สุดท้าย ยกเว้นคำยืมจากภาษากรีกและภาษาอิตาลีบางกลุ่ม
Remove ads
คำศัพท์

Büyük Türkçe Sözlük (พจนานุกรมใหญ่ภาษาตุรกี (Great Turkish Dictionary)) พจนานุกรมทางการของภาษาตุรกีที่ตีพิมพ์โดยสมาคมภาษาตุรกีฉบับ ค.ศ. 2010 มีศัพท์ สำนวน และคำนามที่รวมชื่อสถานที่และชื่อบุคคลทั้งหมด 616,767 คำ ทั้งจากภาษามาตรฐานและสำเนียง[58]
ใน Güncel Türkçe Sözlük พจนานุกรมทางการของภาษาตุรกีที่ตีพิมพ์โดยสมาคมภาษาตุรกีฉบับ ค.ศ. 2005 มีศัพท์ทั้งหมด 104,481 คำ ในจำนวนนี้มีประมาณ 86% ที่มีต้นตอจากภาษาตุรกี และ 14% มีต้นตอจากต่างชาติ[59] ในหวดหมู่ต้นตอต่างชาติ ศัพท์ต่างชาติที่มีส่วนในภาษาตุรกีมากที่สุดคือภาษาอาหรับ, ฝรั่งเศส, เปอร์เซีย, อิตาลี, อังกฤษ และกรีก[60]
Remove ads
ระบบการเขียน
สรุป
มุมมอง

มุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์คได้นำอักษรละตินมาใช้ในภาษาตุรกีแทนที่อักษรตุรกีออตโตมันใน ค.ศ. 1928 เดิมภาษาตุรกีเขียนด้วยอักษรเปอร์เซีย-อาหรับ แต่อักษรแบบดังกล่าวมีรูปเขียนสำหรับเสียงสระยาวเพียงแค่สามรูป (ā, ū และ ī ยาว) และยังมีอักษรบางตัวที่แทนเสียงที่ซ้ำกัน เช่นรูปอักษร z (ซึ่งซ้ำกันในภาษาตุรกี แต่ไม่ซ้ำในภาษาอาหรับ คล้ายกับอักษรไทยที่มีทั้ง ศ ษ และ ส ซึ่งมาจากอักษรที่แทนเสียงที่แตกต่างกันในภาษาสันสกฤต) มีการอ้างว่าการละเว้นสระเสียงสั้นในอักษรอาหรับไม่เหมาะกับภาษาตุรกีที่มี 8 สระ[61]
การปฏิรูปอักษรเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูปทางวัฒนธรรมในสมัยนั้น การจัดเตรียมตัวอักษรแบบใหม่รวมทั้งการเลือกอักษรเพิ่มเติมจากอักษรละตินแบบมาตรฐานนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการภาษา ซึ่งประกอบด้วยนักภาษาศาสตร์ นักวิชาการ และนักเขียน ระบบการเขียนแบบใหม่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์การศึกษาของรัฐตามภูมิภาคต่าง ๆ และยังได้รับความร่วมมือจากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ รวมทั้งความพยายามของอตาเติร์กเอง ที่ได้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อสอนระบบการเขียนแบบใหม่นี้[62] ผลที่ตามมา ทำให้มีผู้อ่านหนังสือออกจากโลกที่สามเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก[63]
อักษรตุรกีในปัจจุบันเป็นตัวอักษรที่เทียบให้เหมาะกับเสียงของภาษา รูปสะกดส่วนใหญ่เป็นไปตามสัทศาสตร์ นั่นคือหนึ่งอักษรแทนหนึ่งหน่วยเสียง[64] โดยตัวอักษรส่วนใหญ่ใช้เหมือนกับภาษาอังกฤษ ยกเว้นอักษร ⟨c⟩ ที่ออกเสียงเป็น [dʒ] (⟨j⟩ ใช้สำหรับเสียง [ʒ] ที่พบในคำยืมภาษาเปอร์เซียและยุโรป); และ ⟨ı⟩ ไร้จุดใช้สำหรับเสียง [ɯ] อักษร ⟨ö⟩ และ ⟨ü⟩ ใช้สำหรับเสียง [ø] และ [y] เหมือนภาษาเยอรมัน ส่วนอักษร ⟨ğ⟩ ตามหลักออกเสียงเป็น [ɣ] แต่สามารถขยายเสียงสระก่อนหน้าและรวมสระใด ๆ ถัดจากมันได้ อักษร ⟨ş⟩ และ ⟨ç⟩ ใช้สำหรับเสียง [ʃ] และ [tʃ] ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายบนสระที่ใช้เขียนบนเสียงสระหลังถัดจากอักษร ⟨k⟩ และ ⟨g⟩ เมื่อมีเสียงพยัญชนะ [c] และ [ɟ] นำหน้า (เกือบทั้งหมดใช้สำหรับคำยืมภาษาอาหรับและเปอร์เซีย)[65]
ภาษาตุรกีประกอบด้วยอักษร 29 ตัว (ไม่มีอักษร q, x, w และเพิ่มอักษร ç, ş, ğ, ı, ö, ü) ดังนี้:
- a, b, c, ç, d, e, f, g, ğ, h, ı, i, j, k, l, m, n, o, ö, p, r, s, ş, t, u, ü, v, y, และ z (หมายเหตุ: i พิมพ์ใหญ่คือ İ และ I พิมพ์เล็กคือ ı)
Remove ads
หมายเหตุ
- ภาษาตุรกีเป็นภาษาทางการในเขตผู้ว่าการคีร์คูก, อำเภอกิฟรี และอำเภอฏูซ[10][11] นอกจากนี้ ภาษานี้ยังเป็นภาษาทางการศึกษาของชาวอิรักเชื้อสายเติร์กเมนในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน[12]
- ภาษาตุรกีเป็นภาษาทางการในเทศบาลGjilan, มิทรอวิตซาใต้, Vučitrn, มามูชา และพริสเรน[13]
- ภาษาตุรกีเป็นภาษาทางการในเทศบาลฌูปากลางและปลาสนิกา[14]
อ้างอิง
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads