ประเทศอิตาลี
ประเทศในทวีปยุโรป / From Wikipedia, the free encyclopedia
อิตาลี (อังกฤษ: Italy; อิตาลี: Italia, ออกเสียง: [iˈtaːlja] ( ฟังเสียง)) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (อังกฤษ: Italian Republic; อิตาลี: Repubblica Italiana, ออกเสียง: [reˈpubblika itaˈljaːna])[12][13] เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปใต้[14] และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปตะวันตก ตามภูมิศาสตร์การเมือง[15] ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลีและถูกคั่นด้วยเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ[16] อิตาลีมีพื้นที่ 301,340 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสิบของยุโรปตามขนาดพื้นที่ มีพรมแดนติดกับประเทศฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, สโลวีเนีย และมีดินแดนแทรกขนาดเล็กตั้งอยู่ภายในได้แก่นครรัฐวาติกันและประเทศซานมารีโน มีประชากรเกือบ 60 ล้านคน[17] มากที่สุดเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือกรุงโรม และมีศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่ทีมิลาน[18]
สาธารณรัฐอิตาลี Repubblica Italiana (อิตาลี) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศอิตาลี (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียวอ่อน & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | โรม 41°54′N 12°29′E |
ภาษาราชการ | อิตาลีa |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2017)[1] |
|
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[2] |
|
เดมะนิม | ชาวอิตาลี |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา |
• ประธานาธิบดี | แซร์โจ มัตตาเรลลา |
• นายกรัฐมนตรี | จอร์จา เมโลนี |
• ประธานวุฒิสภา | อิญญัตซีโย ลา รุสซา |
• ประธาน สภาผู้แทนราษฎร | โลเรนโซ ฟอนตานา |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐ |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ก่อตั้ง | |
• การรวมประเทศ | 17 มีนาคม ค.ศ. 1861 |
• สาธารณรัฐ | 2 มิถุนายน ค.ศ. 1946 |
1 มกราคม ค.ศ. 1948 | |
1 มกราคม ค.ศ. 1958 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 301,230 ตารางกิโลเมตร (116,310 ตารางไมล์) (อันดับที่ 71) |
1.24 (ใน ค.ศ. 2015)[3] | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2022 ประมาณ | 58,853,482[4] (อันดับที่ 25) |
201.3 ต่อตารางกิโลเมตร (521.4 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 71) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2023 (ประมาณ) |
• รวม | 3.195 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 12) |
• ต่อหัว | 54,216 ดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 32) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 2.169 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 8) |
• ต่อหัว | 36,812 ดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 26) |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 32.5[6] ปานกลาง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2021) | 0.895[7] สูงมาก · อันดับที่ 30 |
สกุลเงิน | ยูโร (€)b (EUR) |
เขตเวลา | UTC+1 (เวลายุโรปกลาง) |
UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง) | |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป ปปปป-ดด-วว (ค.ศ.)[8] |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +39c |
โดเมนบนสุด | .itd |
|
คาบสมุทรอิตาลีเป็นต้นกำเนิดและจุดหมายปลายทางของชนเผ่าโบราณมากมาย[19] ชาวลาตินได้รวมกันเป็นสังคมขนาดใหญ่ และร่วมกันสถาปนาราชอาณาจักรโรมันและกลายเป็นสาธารณรัฐโรมันในเวลาต่อมา และขยายอำนาจไปทั่วบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม ก่อนจะกลายเป็นจักรวรรดิโรมันซึ่งเรืองอำนาจอีกหลายศตวรรษ[20] ในช่วงเวลานั้นเริ่มมีการพัฒนาระบบกฎหมาย, ศิลปะ, เทคโนโลยี และวรรณกรรม อิทธิพลของคริสตศาสนาส่งผลให้โรมกลายเป็นศูนย์กลางของโรมันคาทอลิกและพระสันตะปาปา ในสมัยกลางตอนต้นได้เกิดการการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกและการโยกย้ายถิ่นฐานในยุโรป ต่อมาในศตวรรษที่ 11 ถือเป็นยุครุ่งเรืองของนครรัฐต่าง ๆ บริเวณคาบสมุทร นำมาซึ่งความเจริญทางการค้าและการเดินเรือและการวางรากฐานแก่ระบบทุนนิยม[21] ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 16 เป็นช่วงเวลาแห่งสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ฟลอเรนซ์ซึ่งขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป นักสำรวจชาวอิตาลีมีส่วนในการค้นพบเส้นทางใหม่สู่ตะวันออกไกลและโลกใหม่ ซึ่งเป็นการเข้าสู่ยุคแห่งการสำรวจในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างนครรัฐซึ่งกินเวลาหลายศตวรรษ ทำให้รัฐต่าง ๆ ถูกแบ่งแยกจนถึงช่วงปลายสมัยใหม่[22] กอปรกับการท้าทายจากชาติมหาอำนาจอื่น ๆ ส่งผลให้ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของอิตาลีลดลงในศตวรรษที่ 17 และ 18[23]
ความขัดแย้งทางการเมืองและการแบ่งแยกดินแดนสิ้นสุดลงจากการรวมชาติใน ค.ศ. 1861 การกลับมารวมตัวกันของรัฐต่าง ๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของราชอาณาจักรอิตาลี[24] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 อิตาลีได้พัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วโดยทางเฉพาะภูมิภาคตอนเหนือ และมีการล่าอาณานิคม ทว่าบริเวณตอนใต้ยังประสบปัญหาความยากจน และถูกกีดกันออกจากภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้อิตาลีมีผู้พลัดถิ่นข้ามทวีปมาถึงปัจจุบัน แม้อิตาลีจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่ประเทศได้เข้าสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางสังคม ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ได้ถือกำเนิดขึ้นและครอบงำประเทศเบ็ดเสร็จ เป็นเหตุให้อิตาลีเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองโดยถือฝ่ายอักษะ ดินแดนบางส่วนถูกยึดครองโดยนาซีเยอรมนีโดยมีสาธารณรัฐสังคมอิตาลีทำหน้าที่เสมือนรัฐหุ่นเชิดของเยอรมนีในช่วงปลายสงคราม การทัพอิตาลีโดยฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นปฏิบัติการสำคัญซึ่งนำไปสู่ความปราชัยของอักษะ ตามมาด้วยการล่มสลายของฟาสซิสต์อิตาลี ความเสียหายทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมได้รับการฟื้นฟูในเวลาต่อมา รวมถึงมีการยกเลิกระบอบราชาธิปไตยและก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตย
อิตาลีเป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)[25] และมีอุตสาหกรรมการผลิตใหญ่เป็นอันดับสองในยุโรป (อันดับ 7 ของโลก)[26] รวมทั้งมีทองคำสำรองมากเป็นอันดับสามของโลก และมีคุณภาพชีวิตประชากรสูง[27] จากการมีระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ[28] อีกทั้งยังเป็นมหาอำนาจในด้านการทหาร, การทูต, การค้า และอุตสาหกรรม อิตาลีเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรป และเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ, เนโท, องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, องค์การการค้าโลก, กลุ่ม 7, กลุ่ม 20, สหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน, สภายุโรป และพื้นที่เชงเกน อิตาลียังเป็นต้นกำเนิดของสิ่งประดิษฐ์และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากมาย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ[29], ดนตรี, วรรณกรรม, ปรัชญา และแฟชั่น[30] และมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงโลก[31] มีจุดเด่นในด้านอาหาร, กีฬา[32] และธุรกิจ รวมทั้งเป็นแหล่งสะท้อนความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม โดยมีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลก (58 แห่ง)[33][34][35] และมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเป็นอันดับ 5 ของโลก[36]