Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2532 เป็นฤดูกาลที่ไม่การกำหนดขอบเขตอย่างเป็นทางการ โดยดำเนินอยู่ภายในปี พ.ศ. 2532 แต่พายุหมุนเขตร้อนส่วนใหญ่มีแนวโน้มก่อตัวขึ้นภายในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน[1] วันเหล่านี้ถือเป็นธรรมเนียมในการกำหนดขอบเขตของแต่ละฤดูกาล เมื่อพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวขึ้นภายในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2532 | |
---|---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | |
ขอบเขตฤดูกาล | |
ระบบแรกก่อตัว | 15 มกราคม พ.ศ. 2532 |
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 28 ธันวาคม พ.ศ. 2532 |
พายุมีกำลังมากที่สุด | |
ชื่อ | กอร์ดอน และ เอลซี |
• ลมแรงสูงสุด | 185 กม./ชม. (115 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที) |
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 915 hPa (มิลลิบาร์) |
สถิติฤดูกาล | |
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 55 ลูก |
พายุโซนร้อนทั้งหมด | 32 ลูก |
พายุไต้ฝุ่น | 20 ลูก |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น | 6 ลูก (ไม่เป็นทางการ) |
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | ทั้งหมด 3,328 คน |
ความเสียหายทั้งหมด | ไม่ทราบ |
ขอบเขตของบทความนี้จำกัดเฉพาะบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทางฝั่งตะวันตกของเส้นแบ่งเขตวันสากล ส่วนพายุใดที่ก่อตัวขึ้นทางฝั่งตะวันออกของเส้นดังกล่าวจะเรียกว่า พายุเฮอร์ริเคน (ดูที่ ฤดูพายุเฮอร์ริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2532) ในช่วงเวลานี้ พายุใดที่ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในมหาสมุทรตะวันตกจะได้รับชื่อจากศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม ส่วนพายุดีเปรสชันเขตร้อนใดที่ก่อตัวขึ้นในแอ่งนี้จะได้รับการกำหนดหมายเลขและเติมตัวอักษร "W" ต่อท้ายเป็นรหัสเรียก ส่วนพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกใดที่ก่อตัวขึ้นหรือเคลื่อนตัวเข้าไปภายในพื้นที่รับผิดชอบของฟิลิปปินส์ พายุลูกนั้นจะได้รับชื่อจากสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ หรือ PAGASA ด้วย ด้วยเหตุนี้พายุเพียงหนึ่งลูก อาจมีชื่อถึงสองชื่อก็ได้
พายุดีเปรสชัน (≤61 กม./ชม.) | พายุไต้ฝุ่นกำลังแรง (118–156 กม./ชม.) |
พายุโซนร้อน (62–88 กม./ชม.) | พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก (157–193 กม./ชม.) |
พายุโซนร้อนกำลังแรง (89–117 กม./ชม.) | พายุไต้ฝุ่นรุนแรง (≥194 กม./ชม.) |
ตลอดปี พ.ศ. 2532 ปัจจัยขนาดใหญ่หลายประการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ทำให้เกิดคุณลักษณะที่ผิดปกติและเฉพาะตัวขึ้น ซึ่งยากต่อการพยากรณ์ จากรายงานพายุหมุนเขตร้อนประจำปี พ.ศ. 2532 ของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม ถือว่าฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลหนึ่งที่ท้าทาย และมีลักษณะเฉพาะตัวของตัวเองในประวัติการทำงานของศูนย์ฯ ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี มีร่องมรสุมขนาดกว้างเกิดขึ้นและส่งผลให้เกิดความผันผวนในกิจกรรมการพาความร้อนในแต่ละวันขึ้น ซึ่งไปยับยั้งการก่อตัวอย่างรวดเร็วของความแปรปรวน (disturbances) หลายลูก ส่วนสันกลางโทรโพสเฟียร์ที่แคบผิดปกติ และก่อให้เกิดความยากลำบากในการพยากรณ์เส้นทางเดินพายุทางตรงขึ้น นอกจากนี้ ร่องความกดอากาศต่ำระดับสูงในเขตร้อน (TUTT) ยังเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาของระบบพายุเป็นจำนวนมาก ดังเช่น พายุไต้ฝุ่นกอร์ดอน ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเมฆพายุฝนฟ้าคะนองเดี่ยว ที่แฝงตัวอยู่ภายใต้เซลล์ของร่องความกดอากาศต่ำระดับสูงในเขตร้อน[2]
ฤดูกาลนี้เริ่มต้นด้วยการก่อตัวขึ้นอย่างผิดปกติของพายุโซนร้อนวีโนนา ทางด้านตะวันออกของเส้นแบ่งเขตวันสากลในช่วงต้นเดือนมกราคม ระบบมีพลังอยู่เป็นเวลาสองสัปดาห์ ก่อนจะเคลื่อนตัวข้ามเข้ามาในแอ่ง และสลายตัวลงเหนือบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ นับจากนั้นเป็นเวลาถึงสามเดือน แอ่งนี้ไม่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนเลย กระทั่งพายุหมุนเขตร้อนลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน และถือเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่สองในรอบเก้าปี ที่เป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น ต่อมาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ร่องมรสุมขนาดกว้างได้ก่อตัวชึ้นตั้งแต่ในอ่าวเบงกอล ทอดตัวยาวไปทางตะวันออกเข้าสู่ทะเลจีนใต้ พายุไต้ฝุ่นเบรนดา ก่อตัวขึ้นจากร่องดังกล่าวภายในทะเลจีนใต้ และเคลื่อนตัวเข้าหาแผ่นดินในบริเวณภาคใต้ของประเทศจีน ก่อนจะสลายตัวไป พายุไต้ฝุ่นลูกดังกล่าวทิ้งบริเวณของการไหลเวียนฝ่ายใต้ระดับต่ำไว้ ซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของพายุไต้ฝุ่นซีซิลขึ้นในช่วงปลายเดือน และยังมีพายุอีกสองลูกที่ก่อตัวในเดือนมิถุนายน นั่นคือ พายุไต้ฝุ่นด็อต และ พายุโซนร้อนเอลลิส ลูกแรกเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีกำลัง ก่อตัวขึ้นใกล้กับหมู่เกาะแคโรไลน์ จากนั้นเคลื่อนตัวทางตะวันตก จนขึ้นฝั่งและสลายตัวเหนือบริเวณประเทศเวียดนาม ส่วนลูกที่สองเป็นระบบพายุที่การจัดระบบไม่ดีพอ โดยเคลื่อนตัวโดยทั่วไปไปทางเหนือ และพัดขึ้นฝั่งประเทศญี่ปุ่น[2]
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของร่องมรสุมที่ปกคลุมอยู่ในแอ่ง เป็นผลให้เกิดการก่อตัวของพายุโซนร้อนเฟย์ขึ้น โดยในขณะที่พายุลูกนี้ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณประเทศฟิลิปปินส์นั้น พายุไต้ฝุ่นกอร์ดอนได้ก่อตัวขึ้นภายใต้เซลล์ร่องความกดอากาศต่ำระดับสูงในเขตร้อนที่อยู่ทางตะวันออก จากการทวีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วของกอร์ดอน ทำให้พายุโซนร้อนอีกลูกก่อตัวขึ้นภายในบริเวณไดเวอร์เจนซ์ที่ถูกเร่ง ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ TUTT เดียวกัน หลายวันต่อมา ร่องมรสุมมีกิจกรรมที่ดีเป็นพิเศษ และก่อให้เกิดพายุหมุนเขตร้อนเป็นลำดับจำนวนหลายลูกในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ได้แก่ พายุเออร์วิงในทะเลจีนใต้ พายุจูดีใกล้กับหมู่เกาะมาเรียนา พายุดีเปรสชันเขตร้อน 12W ใกล้กับประเทศไต้หวัน และพายุเคน–ลอลา ใกล้กับหมู่เกาะรีวกีว การก่อตัวขึ้นของพายุหมุนเขตร้อนของพายุหมุนเขตร้อนทั้งเจ็ดลูกในเดือนกรกฎาคม ทำให้เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2532 เป็นเดือนกรกฎาคมที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนมากที่สุด นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 กิจกรรมของพายุที่สุดขีดนี้ยังต่อเนื่องมาในเดือนสิงหาคมด้วย โดยมีการก่อตัวขึ้นของพายุแม็ค, แนนซี, เพ็กกี้ และ 19W ทั้งหมดเป็นการก่อตัวขึ้นภายในร่องมรสุม การก่อตัวขึ้นมาตามต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วของพายุแนนซี, โอเวน และ เพ็กกี้ นำไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์แบบสองลูก (binary interaction) ระหว่างระบบพายุแต่ละลูกทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายวัน ต่อมาพายุโซนร้อนโรเจอร์ก่อตัวขึ้นใกล้กับหมู่เกาะรีวกีว หลายวันหลังจากที่ 19W สลายตัวไปและเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านประเทศญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นพายุเพียงลูกเดียวในเดือนดังกล่าว ที่ไม่ได้ก่อตัวขึ้นภายในร่องมรสุม ส่วนพายุลูกสุดท้ายของเดือนสิงหาคม คือ 12W ก่อตัวขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะกวม และสลายตัวไปเนื่องจากลมเฉือนที่มีกำลังแรง[2]
ฝนที่ตกหนักจากพายุไต้ฝุ่นหลายลูก ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน ทำให้เกิดอุทกภัยที่ีมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในมณฑลอานฮุย มณฑลหูเป่ย์ มณฑลเจียงซู มณฑลเจียงซี มณฑลจี๋หลิน มณฑลเสฉวน และมณฑลเจ้อเจียงของประเทศจีน โดยมีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยประมาณ 3,000 คน และสร้างตวามเสียหายขึ้นรวมถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[3]
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นเกย์ ก่อตัวขึ้นเป็นพายุลูกแรกของเดือน และกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในพื้นที่คาบสมุทรมาเลย์ในรอบ 35 ปี พายุเกย์ก่อตัวขึ้นในอ่าวไทย ก่อนจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทยในระดับพายุไต้ฝุ่น และเคลื่อนตัวออกนอกแอ่งเข้าสู่แอ่งพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ และมีผลกระทบกับประเทศอินเดียต่อ นับเป็นพายุที่มีลักษณะเฉพาะตัวมาก ทำให้ยากแก่การพยากรณ์[2] จากเหตุการณ์นี้ ในจังหวัดชุมพรมีผู้เสียชีวิตถึง 446 คน และรวมทั้งหมดถึง 833 คน[4] ประชาชนได้รับผลกระทบกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน สร้างความเสียหายถึงประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท[5]
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 27 – 31 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (1 นาที) 1000 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 29.53 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 16 – 19 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (1 นาที) 1000 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 29.53 นิ้วปรอท) |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.